วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Review หูฟัง Etymotic ER6i

Etymotic ER6i




ถือเป็นหูฟัง IEM ตัวแรกที่ผมกัดฟันซื้อมาไว้ในครอบครองนะครับ สมัยตอนที่ซื้อต้องถือว่าผมกล้าหาญมาก เพราะขึ้นมาก็เล่นของแพงเลยทีเดียว ตอนซื้อมาวันแรกก็เห่อมากครับ หยิบดูทุกวันค่ำเช้า นึกถึงตอนนั้นแล้วก็ตลกตัวเองเหมือนกันครับ

จริงๆหูฟังของค่ายนี้จะมีจุดเด่นตรงจุกแบบ Triple Flange หรือ จุกสามชั้นนั่นเอง เพราะเป็นจุก Basic ที่ใส่ไว้ให้กับตัวหูฟังเลยทีเดียว ในขณะที่ค่ายอื่นๆจะแถมเป็นจุกสองชั้นมาใน Package แทน สาเหตุที่ Etymotic แถมมาเป็น Triple Flange เพราะการออกแบบหูฟังนั้น ใช้จุกสามชั้นเป็นตัว Design หลัก ดังนั้นถ้าเปลี่ยนไปใช้จุกแบบอื่นก็จะได้คุณภาพเสียงที่แตกต่างไปจากการออกแบบในขั้นต้น อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนครับ แต่โดยส่วนตัวของผมคิดว่า อย่าไปเปลี่ยนเลยดีกว่า เพราะเท่าที่เคยทอดสอบนั้น ตัว ER6i ถ้าไม่ใช้ Triple Flange จะให้คุณภาพเสียงที่แย่ลงครับ

งานภายนอกจะดูเนี้ยบเรียบร้อยมาก แต่สายจะดูบอบบางไปหน่อย ถ้าดูเผินๆจะเหมือนหูฟังมันพร้อมจะพังได้ง่ายๆตลอดเวลา แต่เท่าที่คุยกับคนที่เคยใช้ ต้องถือว่ามีน้อยคนมากที่ใช้แล้วพังครับ ส่วนใหญ่จะพังแตกเพราะฝีมือตัวเองมากกว่าปัญหาจาก Product ดังนั้นงาน QC ถือว่าทำได้ดีพอสมควรครับ

ปัญหาของ ER6i คือ คนที่ไม่เคยชินจะใส่แล้วเจ็บหูมากครับ แม้กระทั่งผมใช้หูฟัง IEM หลากหลายตัวมาอย่างทุกวันนี้ พอวนกลับไปใช้ ER6i อีกครั้ง ก็ยังรู้สึกเจ็บหูอยู่ดีครับ แถมถ้าไม่ยัดให้ลึก ก็จะได้คุณภาพเสียงที่ไม่ดีอีก เพราะเสียงจะแ่้ห้งทันทีที่ยัดไม่ถึงจุด ดังนั้นการใส่สำหรับมือใหม่จึงลำบากลำบนพอสมควรครับ ถ้าชินก็ไม่มีปัญหา เพราะพอใส่แล้วมันก็กลืนหายไปกับหูครับ เหตุผลมาจากการ design ให้ Housing มีขนาดเล็กมากๆนั่นเอง ทำให้มันไม่ต้่องการช่องว่างของหูมารองรับ Housing แบบของ UM2 และ E5C นั่นเอง








มาว่ากันที่เรื่องของเสียง


แต่ก่อนผมเคยบอกไว้ว่าตัว ER6i ก็คือให้ฟังสวยใสไร้เบส แต่อันที่จริงแล้ว แกมีเบสเหมือนกันนะครับ อาจจะไม่ได้ทรงพลังในแง่ impact , middle และ deep เหมือนหูฟังที่เน้นพวกนั้นเป็นหลัก แต่ก็ถือว่าไม่ได้ไร้เบสซะทีเดียว impact จัดอยู่ในระดับพอใช้ แต่ไม่ต้องถามหา Middle กับ deep ให้วุ่นวายครับ เพราะ middle ไม่ค่อยแน่น แถม deep นี่บางเจี๊ยบเลยครับ ค่อนข้างเป็นหูฟังที่ให้เบส roll off ไวตัวนึง แต่ดัน impact ไม่แรงเท่า Super.fi ซะนี่

เสียงกลางจะออกแนวนุ่มๆหน่อยครับ ซึ่งค่อนข้างผิดจากช่วงที่ผมเคยฟังเมื่อตอนนั้น เพราะของผมเสียงจะจัดจ้านมากครับ แต่หลังๆที่ผมฟังมาหลายๆตัว เสียงกลับค่อนข้างนุ่ม แต่ก็ยังมีพวกที่เสียงรอดผ่านไรฟัน อย่าง ซ โซ่ หรือ ส เสือ ที่จะติดบาดออกมาเล็กน้อยครับ อาจจะเกิดจากการจูนเสียงสูงเพื่อให้มันออกชัดขึ้นมาน่ะีครับ เพราะโทนโดยรวมมันดันเป็นแบบนุ่มๆ ถ้าไม่จูนเดียวจะเหมือน UM2 ที่ขุ่นไปเลย แต่ก็ไม่ได้ออกบาดทุกครั้งนะครับ จะรู้สึกเฉพาะบางเพลง แล้วก็บางจังหวะที่มีการเค้นน้ำหนักตรงนั้นเล็กน้่อย
แต่เรื่องนุ่มนี่มันก็เกินไปนิดครับ ขนาดกลองยังไม่ได้ลงกระแทกรุนแรงเลยครับเล่นเอาเพลง Though the fire and flame ดูนุ่มนวลลงไปเลยทีเดียวครับ ฟังแล้วค่อนข้างรู้สึกผิดแผกจากปรกติไปมาก คล้ายๆกับว่าความดุดันมันถูกลดทอนลงไปน่ะครับ แฟนๆขาร๊อคไม่ถูกใจแน่นอนครับ

เสียงสูงค่อนข้างพริ้วใช้ได้ครับ เพียงแต่มันจะขึ้นไม่สุดดังที่หลายๆคนอยากให้เป็นน่ะครับ เพราะมันปลายเสียงสูงค่อนข้างหายตัวไวเหมือนกันครับ แต่ผมว่ามันก็เหมาะกับโทนของหูฟังแล้วครับ ขืนปล่อยให้ลากกังวาลใสนี่ โดยรวมเสียงน่าจะจัดจ้านเอามากๆเลยครับ ส่วน detail เสียงสูง ธรรมดามากครับ

การ Focus image เสียงทำได้ดีครับ ชัดทุกย่านทีเดียว พูดง่ายๆคือแยกชิ้นดนตรีดีเอามากๆด้วยครับ ตำแหน่งชิ้นดนตรีไม่ค่อยซ้อนทับกันง่ายๆครับ โดยเฉพาะเพลงที่มีเครื่องดนตรีเยอะๆ ผมว่าการแยกชิ้นดนตรีพอๆกับ E4C เลยทีเดียวครับ เสียงตรง impact มันไม่เท่า E4C เท่านั้นเอง อีกอย่าง image ของเสียงร้องจะค่อนข้างใหญ่หน่อยครับ แต่ชิ้นดนตรีกลับเล็ก ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเสียงร้องและการแยกชิ้นดนตรีไปนิดนึงครับ จนสัดส่วนของ image มันแปลกๆหน่อย ถ้าใครไม่คิดมาก็โอเคครับ เพราะมันแยกชิ้นดนตรีได้ีดี แต่ผมกลับชอบที่มันพอดีๆมากกว่าครับ ( อย่าง e484 )

ตัว ER6i จะให้ soundstage และมิติตามแบบอย่างของ super.fi 5 pro น่ะครับ คือเน้น soundstage กว้าง แต่มิติเสียงกลางไม่ลึก ทว่า มิติเสียงกลางของ ER6i แย่กว่า Super.fi 5 pro อีกครับ จริงๆต้องบอกว่าเค้าจงใจมากกว่า เพราะตำแหน่งทุกชิ้นดนตรีไม่ว่าจะเสียงร้อง และ image ต่างๆ โดนจับไปอยู่ด้านหลังหัวหมดทุกชิ้นครับ ( เหมือน e484 เลยครับ ) แต่มันก็ไม่ได้แบนเป็นหน้ากระดานนะครับ เพราะมีระยะใกล้ไกลที่ดี แถม soundstage ก็กว้างด้วย ทำให้ฟังแล้วไม่อึดอัดเลยครับ เสียงออกโล่งและโปร่งทีเดียว

เสียงโดยรวมจะออกโทนนุ่มๆ แต่ละย่านจะออกกลางๆ ไม่เทความเด่นไปด้านใดด้านนึงเป็นพิเศษ impact อยู่ในระดับกำลังดีนุ่มๆ ไม่กระแทกกระทั้นรุนแรง ปลายเสียงแต่ละย่านไม่มีการลากมากเกินความจำเป็น ทำให้ฟังเพลงแล้วรู้สึกว่าไม่อืดอึดอัด เหมาะสำหรับฟังเพลงผ่อนคลายสบายๆ ไม่ว่าจะเป็นพวก Bossa , Chill-out , Jazz ( แต่ แซ็คไม่หวานนะครับ ) , Accoustic , Pop ส่วนเพลงนอกเหนือจากนี้ก็พอฟังได้บ้างครับ ยกเว้นร๊อคที่ไม่ match เอามากๆครับ เพราะขาดความดุดันไป

นิดนึงสำหรับคนที่คิดจะซื้อไปใส่นอน คือ มันใส่ได้ครับ แต่โดยส่วนตัวผมไม่สามารถทนฟังจนหลับแบบสบายได้ครับ ถึงแม้มันจะตะแคงได้ก็ตาม เพราะมันรู้สึกเหมือนอึดอัดนิดหน่อยอย่างบอกไม่ถูกครับ ถ้าใส่สบายๆไม่ต้องยัด Triple flange ได้จะดีมากเลยครับ เป็นโฟมแบบ UM แต่เสียงแบบ Er6i นี่แหละ







SPEC


====
Connectivity Technology : Cable 5 ft
Interfaces : 1 x 3.5 mm Stereo Plug

Additional Information Maximum Input Power: 2.5 Vrms Maximum output: 120 dB SPL High noise isolation Lightweight
and portable Highly accurate music reproduction
Exceptional noise isolation Tolerance: 3 dB to 6 kHz, 6 dB to 16 kHz re nominal Custom removable filters regulate
frequency response and prevent wax
Compatible with: Apple iPods Portable audio playback devices
Sound Mode Stereo Output
Design Type Ear-bud(s) Binaural
Additional Warranty Information Warranty extend to 1 year with online registration
Product Line Isolator
Frequency Response 20Hz to 16kHz
Product Series ER-6
Ear Cushion Foam
Weight < 1 oz
Impedance 16 Ohm
Product Name Isolator ER6I-P Portable Earphone
Earpiece Sensitivity 108 dB SPL @ 1kHz
Product Type Earphone(s)

ไม่มีความคิดเห็น: