วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552

<-> Review External Soundcard ที่ไม่ธรรมดา กับ Asus Xonar U1 <->

http://www.skycomp.com.au/images/products/red.jpg

นานๆที่จะได้ review ของพวกนี้บ้าง ปรกติวันๆผมก็นั่งจับแต่หูฟัง ไม่ก็ Player น้อยครั้งมากที่จะได้สัมผัสของพวกนี้ เพราะโดยส่วนตัวผมไม่ค่อยนิยมเล่นพวก External Soundcard เท่าไหร่ เต็มที่ก็ใช้พวก DAC มากกว่า ซึ่งจะว่ากันตามตรง ตัว Xonar U1 ก็จัดว่าเป็น DAC เหมือนกันนะครับ


ชื่อ Asus ผมว่าคนไทยน้อยคนมากที่จะไม่รู้จัก โดยเฉพาะพวกที่ยิ่งเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย ย่อมได้ยินชื่อเสียงของทางบริษัทนี้เป็นอย่างดี จริงๆตัว Asus เอง นอกจากจะทำ Mainboard ขายแล้ว ยังมี Product อื่นๆอย่างพวก มือถือ , จอ LCD Monitor , DVD rom drive , etc. และ Product ล่าสุดที่ทาง Asus หมายมั่นปั้นมือจะให้มันเป็น soundcard สำหรับตลาดล่าง แต่ให้คุณภาพเสียงในระดับ Premium ซึ่งก็คือ Soundcard ในตระกูล Xonar นั่นเอง

ปัจจุบัน ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงจะใช้พวก sound on board กันมากกว่า น้อยคนมากที่จะลงทุนซื้อ soundcard มาเพิ่ม และ soundcard ที่ครองตลาดใหญ่อยู่ในตอนนี้ก็คือ Creative ทั้ง Audigy และ X-fi เรียกได้ว่าเป็น soundcard มหาชนสำหรับผู้ที่รักจะเพิ่มเติมคุณภาพเสียงให้กับเครื่องของคุณเอง ถึงแม้ว่าตัว sound on board ในปัจจุบันจะมีการพัฒนาเรื่องคุณภาพเสียงให้ดีกว่าสมัยก่อนมากๆ แต่ ก็ยังดีไม่พอครับ อย่างว่า ของดีมักไม่ถูก ของถูกมักไม่ดี คุณภาพย่อมตามราคาเสมอ




มาพูดถึงตัว Xonar กันบ้าง



Asus Xonar จริงๆแยกออกเป็นหลายรุ่นมากๆ ซึ่ง การทำตลาดของ Xonar จริงๆ จะเน้นไปที่เรื่องของ Multimedia Home Entertainment มากกว่าจะไปเน้นเรื่อง Audiophile Quality นะครับ ดังนั้น อย่าแปลกใจที่คุณภาพเสียงมันจะไม่ถึงกับสุดยอดเหมือนพวก soundcard ราคาแพงๆทั้งหลาย แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่เหมือนพวก soundcard on board เพราะเป้าหมายของ Xonar ก็มาเพื่อล้ม X-fi โดยเฉพาะ นั่นแหละครับ

ตัวที่ผมหยิบมา review ก็คือรุ่น Xonar U1 ที่เป็นแบบ USB ต่อภายนอก จริงๆก่อนหน้านี้ผมวางโจทย์สำหรับตัวเองไว้ว่า จะหา soundcard แบบ external ที่สามารถใช้งานระบบ Dolby Headphone ได้ เพราะผมอยากได้ JVC external 5.1 decoder มากๆ แต่มันหาซื้อยาก และราคาแพงเกินเหตุ ทำให้ผมเสาะหาพวก USB soundcard ในตลาดตัวอื่นๆ ซึ่งก็มาปะเหมาะเจอตัว Xonar U1 นี่แหละครับ เข้าหน้าเข้าตากรรมการที่สุด








งานประกอบของ Xonar U1



ตอนแรกผมนึกว่าวัสดุที่เอามาใช้ทำ Xonar U1 จะเป็นพลาสติกธรรมดาๆ ซะอีก แต่พอเปิดออกจากกล่องมาดู ปรากฏว่า ตรงฝาที่ใช้หมุนเป็นอลูมิเนียมแบบหนาแล้วลงสีเคลือบอย่างดีเอาไว้ เคาะแล้วเสียงดัง กิ๊ง... กิ๊ง... ส่วนตัว Body ผมก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นพลาสติกหรือเปล่า ด้านฐานรองเองก็เป็นยา่งกันลื่นแบบทั้งชิ้น ตรงช่องแจ๊คสำหรับเสียบทั้งไมค์ และ หูฟัง ก็ืำทำได้ดีมากๆ เพราะทำเป็นช่องเฉพาะลึกเข้าไปในเบ้า แต่มันก็เป็นจุดด้อยไปนิด เพราะถ้าเราใช้สาย Mini-Mini ที่เป็นหัวใหญ่ๆอย่างพวก Canare เราจะเสียบเข้าไปไม่ได้เลยครับ เพราะมันจะติดอยู่ตรงปากทางเข้านั่นเอง

ตัว Volume Control สามารถหมุนได้รอบแบบ 360 องศา และมี ไฟ LED บอกสถานะให้อีกด้วย ตัวไฟนี่จริงๆผมชอบมาก โดยเฉพาะตอนที่มันแสดงสีเวลาเปลี่ยนสถานะ คือ ตัว Xonar U1 นี่ ถ้าเรากดบนฝา 1 ครั้ง มันจะเป็นการ Mute หรือ ปิดเสียง แต่พอเรากดลงไปอีกหน มันก็จะปล่อยเสียงออกมาเหมือนเดิม ซึ่งตรงช่วงเปลี่ยนการทำงานนี่ ไฟจากปรกติสีฟ้า จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงอ่อนแล้วค่อยๆเฟดช้าๆ กลายเป็นสีแดง แต่พอกดเปลี่ยนคืนเสียงเหมือนเดิม มันก็จะค่อยๆเฟดจากสีแดงช้าๆ มาเป็นสีฟ้า ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นต้องเฟดก็ได้ เพราะโดยปรกติที่ผมเห็นมันจะเป็นการเปลี่ยนแบบสลับสีทันที นอกจากการเฟดแล้ว ด้วยลักษณะการ design ที่เป็นรูปทรงเห็ด ทำให้ไฟจาก LED มันส่องออกมาลงพื้นด้วย ยิ่งเวลาปิดไฟมืดๆจะเห็นแสงส่องออกมารอบตัวอย่างชัดเจน ทำให้ดูสวยงามไปอีกแบบ อันนี้ต้องชมคน Design ว่า มีความตั้งใจในการนำเสนอมากๆ โดยรวมต้องขอบอกเลยว่ามันเนี้ยบมากๆแถมใส่ใจรายละเอียดได้ดีทีเดียว





จริงๆใน set จะมีไมค์ที่เป็นไมค์แบบ Array Mic แถมมาให้ด้วยอีกอันนึง น่าเสียดายที่ผมระหว่าง review ผมมีปัญหาในเรื่องของเสียงตัวเอง ครั้นจะรอให้หายมันก็จะลำบากคนให้ยืมมา ผมเลยต้อง review เท่าที่ทำได้ครับ ดังนั้นเรื่องของไมค์ก็ขอตัดไปก่อนแล้วกัน แต่ไมค์แถมนี่งานก็เนี้ยบเหมือนกันครับ เหมาะเจาะเข้าคู่กับตัว Soundcard พอดิบพอดี แถมเป็นไมค์ที่ตัดเสียงรบกวนจากลำโพงด้วย ทำให้ไม่เกิดอาการเสียงหอน หรือ echo เวลาใช้งานคู่กับลำโพงครับ เป็นของแถมเข้าคู่ที่ดูดีมากทีเดียว




มาว่ากันที่เรื่องเสียงและการทำงาน



แน่นอนว่าเสียงของ Xonar U1 ให้คุณภาพได้ดีกว่าของ On Board อยู่แล้ว จุดเด่นๆจุดแรกที่เห็นเวลาต่อลำโพงคือ การ Focus ของเสียง คนที่เคยใช้พวกออนบอร์ดมาก่อนจะรู้ว่า พวก soundcard แบบออนบอร์ดมักจะมีปัญหาเรื่องการสร้างเสียงตรงช่วง Center เพราะเสียงจะค่อนข้างคลุมตรงช่วง Center ไปทั้งหมด ตอนแรกผมนึกว่าเป็นปัญหาจากลำโพงของผมเอง และปัญหาจากการ set ตำแหน่งระยะของลำโพงด้วย ทำให้ต้องมานั่งปรับลำโพงให้มันหันเข้ามาหาตัวเราแทน แต่พอเปลี่ยนมาใช้ตัว Xonar U1 การให้เสียงช่วง Center นั้น กลับกลายเป็นมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผมลองปรับลำโพงหันออกตามปรกติ เสียงก็ยัง Focus Center ได้ชัดเจนและดีมากๆ

ด้านเสียงเบสก็ให้ Impact ที่ดี แต่เรื่องความแน่นอาจจะยังเทียบพวกรุ่นแพงๆไม่ได้ ตัวเนื้อช่วง Middle เบสยังมีความแน่นน้อยไปนิดและเบาไปหน่อย แต่ส่วนของ Deep เบสเองก็ยังทำได้ดี แม้จะมีผลกระทบจากช่วง middle เบสลงมาบ้าง แต่ก็ไม่มีปัญหามาก ช่วงการไล่เบสจาก impact ไปจนถึง deep ยังคงทำได้ไหลลื่นดี

เสียงสูงทำได้ชัดเจน ให้รายละเอียดได้ครบถ้วน การเก็บรายละเอียดก็ทำได้ดีมาก เสียงไม่จัดจ้านแต่ติดแห้งไปนิดนึง impact ของย่านเสียงสูงชัดเจน ส่วนนึงคงเพราะการจ่ายกำลังไฟมันทำได้คงที่กว่า และให้กำลังที่ดีกว่าพวกเครื่องเล่น MP3 ครับ ความสามารถถือว่าทำได้ดีใกล้เคียง DAC ทั่วไป แต่ก็ยังแพ้ตัว Go-Vibe USB Dac ครับ ทางนั้นจะให้คุณภาพเสียงได้ดีกว่าครับ

เสียงกลางทำได้ดีครับ มีมวลใช้ได้ และให้การ Focus เสียงที่โอเคดีทีเดียว แต่น่าแปลกที่ file Mp3 บางเพลง โดยเฉพาะที่บีบอัดที่ 128k จะให้ความรู้สึกว่ากลางออกแห้งนิดๆ และมวลน้อยไปหน่อย แต่พอเป็นระดับ 320k ขึ้นไปก็ไม่มีปัญหาที่ว่าแล้ว อันนั้นผมไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร เท่าที่ลองใช้ Player หลายๆตัว ก็มีแนวโน้มไปในทางเดียวกันหมดครับ ตรงจุดนี้ผมมีเวลาทดสอบน้อย ก็ไม่สามารถบอกรายละเอียดอะไรได้มากครับ

จริงๆจุดที่ดีของมันคือ Plug And Play คือ เสียบแล้วใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องมี Driver ลักษณะเหมือนกับ USB DAC ตัวอื่นๆทุกประการ แต่การมี driver จะช่วยในแง่ของการ Control และรูปแบบเสียงในลักษณะพิเศษ ทั้งการปรับ EQ , DSP และระบบเสียงแบบ virtual surround แถมถ้าไม่มี driver มัน เราก็ไม่สามารถจะกดเพื่อ mute เสียง หรือ ใช้การหมุนเพื่อปรับ Volume Control ได้ ดังนั้น ถ้าจะให้มันใช้งานได้สมบูรณ์ ก็ควรจะลง Driver ครับ


เรื่องความเสถียรของตัวเครื่องนี่ ไม่ต้องห่วงเลยครับ ผมทดสอบโดยการดึง USB ออกระหว่างเล่นเพลง และ pause เพลงเอาไว้ แล้วเปลี่ยนไปเสียบกับ soundcard ที่เป็น on board ในเครื่อง จากนั้นก็ลองเสียบ Xonar เข้าไปใหม่ ทำสลับกันหลายๆหน ซึ่งก็ได้ผลที่น่าพอใจครับ คือ ความเสถียรอยู่ในระดับดีมาก ไม่มีอาการหลุดรวนให้ได้เห็น ผมเคยทำแบบนี้กับ DAC บางตัว ผลก็คือ มันเพี้ยนเลยครับ คือมันจะเอ๋อๆ พอเสียบอีกหน มันก็เหมือนกับเครื่องหา DAC ตัวนี้ไม่เจอ เสียงก็ไปออกที่ sound on board แทน พอลองอีกหน เครื่องเจอ แต่เสียงไม่ออกจาก DAC และไม่ออกที่ตัว on board ด้วย ทั้งๆที่ราคาค่าตัวก็ไม่ใช่ว่าจะถูกเลยสำหรับ DAC ตัวนั้น แต่ความเสถียรสู้ตัวนี้ไม่ได้เลย


http://farm4.static.flickr.com/3001/2664274500_fa2a86cda2.jpg?v=





ารใช้งานในส่วนของ MultiMedia


ในส่วนนี้ผมจะมาว่าถึงระบบของ Dolby Headphone เป็นหลักนะครับ ความจริงตัว Virtual Speaker ที่ทำให้ลำโพงสองข้างกลายเป็นลำโพงรอบทิศทางก็น่าสนใจดี แต่เท่าที่ทดสอบ ผมว่า ระบบ Dolby Headphone มันน่าสนใจกว่าครับ

รายละเอียดของ Dolby Headphone ถ้าจะพูดถึงมันก็จะยาว และคิดว่าหลายๆคนน่าจะรู้จักกันดี แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ ผมขออธิบายสั้นๆแล้วกันนะครับว่า ระบบ Dolby Headphone มันคือการจำลองเสียงรอบทิศทางให้กับตัวหูฟัง หรือ Headphone นั่นเอง แน่นอนมันย่อมคิดค้นโดยบริษัทชื่อทะลึ่งอย่าง Dolby นั่นเอง จริงๆ Dolby Headphone เป็นของที่ออกมานานแล้ว แต่ความนิยมผมว่าจัดอยู่ในขั้นธรรมดาครับ เพราะสมัยที่ออกมาใหม่ๆ เรื่องของหูฟังยังไม่บูมเท่าสมัยนี้ ทำให้คนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ประกอบกับมีตัวหูฟังที่เป็นแบบ Multi Channel อย่าง 5.1 , 6.1 และ 7.1 ( แต่เสียงไม่เอาอ่าวซํกตัว ) ทำให้ความสนใจในเรื่องของ Dolby Headphone ลดน้อยลงไปเยอะ

แต่ปัจจุบัน ระบบ Dolby Headphone ถูกผนวกเข้าไปในระดับ Hardware กับเครื่อง AVR หลายๆรุ่นในท้องตลาดแล้ว โดยแต่ละเจ้าก็จะใช้ชื่อทางการค้าที่ไม่เหมือนกันเลย ก็เป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียวครับ แสดงให้เห็นว่า ผู้ผลิตแอมป์แบบ AVR ก็เล็งเห็นเหมือนกันว่า ตลาดของหูฟังกำลังมาแรง จึงผนวกเอาระบบนี้เข้าไปด้วย เหมาะกับคนที่ดูหนังด้วยเครื่องใหญ่ๆ แต่ไม่อยากให้เสียงไปรบกวนคนในบ้านน่ะครับ

มาที่ตัว Xonar กันบ้าง


จริงๆ Dolby Headphone เอง ก็มีอยู่ในพวกโปรแกรมดูหนังทั้งหลายอย่าง WinDVD หรือ PowerDVD พวกนี้จะสามารถเปิด mode ที่เป็น Dolby Headphone ได้อยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ โปรแกรมที่ว่าเป็นโปรแกรมมีลิขสิทธิ์ ราคาขายค่อนข้างสูง และถึงแม้จะใช้วิธีบิดๆเอามา แล้วลงยาแก้ไอไว้เรียบร้อย แต่บางครั้งก็จะพบว่า ยาแก้ไอทำให้เกิดอาการ Bug บางทีก็ hang บางทีก็ค้าง หลายๆคนก็นึกว่า software รุ่นนั้นๆทำออกมาไม่ด้ bug เลยเยอะ แต่ความจริงมันคือ Protect ที่ทางผู้ผลิตวางป้องกันเอาไว้

ด้วยความยุ่งยากแบบที่ว่ามา หลายๆคนจึงเลี่ยงไปใช้โปรแกรมอย่าง VLC , KMplayer , GOMplayer เป็นต้น แต่โปรแกรมที่ว่ากันดันไม่มี Dolby Headphone มาให้ด้วย ดังนั้น การที่ Xonar สามารถใช้ Dolby Headphone ได้ตลอดเวลา แล้วได้กับทุกๆโปรแกรม จึงทำให้มันน่าสนใจมากๆครับ



การทดสอบด้วยการดูหนัง


การดูหนังผมทดสอบด้วยโปรแกรมทั้งหลายที่ว่ามา ทั้ง VLC , Quicktime , KMplayer . GOM Player และกระทั่ง Window Media Player เอง ก็ทดสอบทั้งหมด ซึ่งผลที่ได้ก็ค่อนข้างน่าพอใจครับ คือ มันไม่มีปัญหากับโปรแกรมตัวไหนเลย ระบบเสียงทำหน้าที่ได้ดีมากๆ และถ่ายทอดความเป็นเสียงรอบทิศทางได้อย่างชัดเจน








การปรับก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แค่เข้าไปในส่วนของตัว Software Driver แล้วก็เลือกเปิด Mode Dolby Headphone เท่านั้น ที่เหลือก็แค่เลือกขนาดความกว้างว่า จะให้ความรู้สึกว่ามันกว้างระดับไหน ในนั้นจะมีแบ่งแยกให้เห็นออกมาเป็น 3 ระดับ ไล่จากธรรมดาไปจนถึงกว้างที่สุด ซึ่งโดยปรกติผมจะเปิดไว้ที่ระดับกลาง เพราะเป็นช่วงที่ให้มิติได้ดีที่สุด ไม่มากเกินหรือน้อยเกินไป


ปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือตัวหูฟัง จริงอยู่ที่หูฟังทุกตัวสามารถให้มิติกว้างขวางแบบ Virtual Surround ได้ แต่ การให้ตำแหน่งของเสียงกลับทำได้ไม่เหมือนกัน ยิ่งหูฟังตัวไหน image ยิ่งเล็ก และให้มิติเสียงกลางหรือช่วง headstage ลึกๆ สูงๆ จะยิ่งทำให้เสียงรอบทิศทางลอยสูงขึ้นไปด้วย กลับกัน หูฟังที่ให้มิติอยู่ในแนวระนาบสายตา หรือ หูฟังที่ให้ Soundstage กว้าง แต่มิติเสียงกลางไม่ลึก กลับทำให้มิติการดูหนัง และฟังเพลงแบบ surround ทำได้ดีกว่า น่าเสียดายที่ไม่มี Ultrasone HFI-580 มาทดสอบด้วย ไม่งั้นคงจะได้ดีกว่านี้


การทดสอบกับการดูหนัง ผมใช้ Matrix เป็นตัว Test หลัก การทดสอบก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมก็เปิดไปช่วงที่สาดกระสุนกันอย่างเมามัน แน่นอน ทิศทางของเสียงกระสุนรับรู้ได้ชัดเจนมาก โดยเฉพาะช่วงที่ปลอกกระสุนหลุ่นลงพื้น เสียงก็จะลอยอยู่ด้านข้างเรา แล้วลูกกระสุนก็ค่อยๆหล่นกระทบพื้นดัง แกร๊ง..... ซึ่งเราจะได้ยินทิศทางการหล่นที่ชัดเจน แม้แต่ฉากไฮไลท์ที่ นีโอ โยกตัวหลบกระสุน ฉากนั้นก็รู้สึกถึงกระสุนที่พุ่งจากในจอผ่านไปทางด้านหลังหูเราครับ เสียดายที่หูฟังศักยภาพไม่เท่า HFI-580 ไม่งั้นคงได้ยินเสียงกระสุนลอยห่างออกไปด้วย


ฉากที่นีโอใช้ ฮ. มาช่วย มอร์เฟียส เราจะได้ยินเสียงใบพัด ฮ. ส่งเสียงลอยตัวอยู่เหนือจอ เหนือหัวเราขึ้นไปครับ ช่วงที่กระสุนจาก ฮ. ยิงกระทบน้ำไล่ไปในทิศทางตรงผ่านพวกเอเย่นทั้งหลาย ช่วงนั้นรับรู้ตำแหน่งของเสียงกระสุนที่กระทบได้ชัดเจนและได้ตำแหน่งที่ดีมากครับ อารมณ์ประมาณกำลังฟังจากลำโพงทีเดียว แต่ของพวกนี้จะแปลกอย่าง คือฟังเผินๆจะไม่รู้สึกครับ แต่ถ้าฟังซักพักพอจับ Focus ได้ อารมณ์ร่วมและความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมันจะเกิดครับ คล้ายๆกับเวลาเราดูพวกภาพ 3 มิติสมัยก่อนที่ต้องทำตาเหล่ๆนั่นแหละครับ การ Focus เสียงช่วงแรกๆ ก็เป็นลักษณะนั้น...


การดูหนังถือว่าทำได้ดีมากๆครับ ลักษณะคล้ายๆกับที่พวก winDVD ทำได้ แต่ถ้าไม่อุปทานไป ผมคิดว่า เสียงจากตัว Xonar ให้มิติและทิศทางได้ดีกว่าเล็กน้อยครับ



มาว่ากันเรื่องการเล่นเกมส์



เกมส์ที่ผม Test มีสองเกมส์ คือ C&C3 และ Crysis ครับ

เริ่มกันที่ C&C3 ก่อน หนแรกผมลองใช้โหมด Stereo ธรรมดา ระบบเสียงก็จัดว่าให้มิติที่ดีระดับนึง เพราะทาง C&C3 ทำระบบเสียงออกมาได้ค่อนข้างโอเคอยู่แล้ว แต่พอเปิดระบบ Dolby Surround ปั๊บ มันเหมือนคนละเรื่องครับ แน่นอนว่า มันไม่ได้ถึงกับรอบทิศทางแบบพวกหนัง 5.1 Channel เพราะเกมส์มันไม่ได้ทำมารองรับตรงนั้น แต่... มันให้อารมณ์ถึงความเป็นมิติมากขึ้น ผมว่า มิติดีกว่าการใช้ลำโพงที่เป็น Stereo ด้วยซ้ำ ช่วงที่รถถังวิ่ง หรือยิง เราสามารถรับรู้ทิศทางเสียงของรถถังคนนั้นได้ชัดเจน แม้แต่เสียงระเบิดที่เกิดขึ้นในตำแหน่งไกลๆของแผนที่ ก็ยังรู้สึกถึงทิศทางเสียงนั้นได้

ยิ่งถ้าเกิดเวลามีเครื่องบินบินผ่าน ส่งของ หรือบินมาโจมตี โดยเฉพาะที่มาจากทางด้านซ้าย หรือ ขวาของจอ เราจะรู้สึกเลยว่า เครื่องบินมันบินออกมาจากด้านซ้ายเลยข้างนอก แล้วค่อยเข้ามาในจอ อารมณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเวลามันบินมาจากด้านหลังครับ เพราะมันจะเหมือนบินผ่านเหนือหัวเราขึ้นไป โดยจะคล้อยไปทางด้านหน้าเล็กน้อย ก่อนจะปรากฏบนจอครับ อารมณ์หมือนเราเอาลำโพงมาล้อมไว้ช่วงหน้าของเราเลยครับ เสียดายตรงที่เสียงไม่ถึงกับอ้อมข้างหลัง ไม่งั้นจะดีกว่านี้เยอะ



เปลี่ยนมาทาง Crysis กันบ้าง


ในเกมส์ Crysis นั้น ให้อารมณ์ที่เหนือจาก C&C ขึ้นไปอีก ด้วยเหตุที่มันเป็น FPS หรือ First Person Shooting แน่นอน ทิศทางของเสียงค่อนข้างมีผลต่อการเล่นเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้เรารู้ถึงตำแหน่งของศัตรูได้ง่ายขึ้น และเกมส์นี้เองที่ทำให้ผมชื่นชอบ Xonar มากๆ

สิ่งแรกที่รับรู้ได้คือ ทิศทางที่มาของกระสุนครับ แน่นอนว่าถ้าเราได้ยินแล้ว เราก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันมาจากทางไหน แต่ในเกมส์เนี่ย พวกตัวศัตรูไม่ชอบซุ่มยิงเงียบๆครับ เวลายิงเราแล้วชอบโวยวาย ซึ่ง ทำให้ผมรู้ว่ามันยิงจากตรงไหนครับ อย่าง มีฉากนึงผมขับรถจิ๊บไปลุยในฐาน พอยิงศัตรูตายหมด ผมก็ขึ้นไปประจำป้อมปืนกลเพื่อเตรียมยิงเรือที่แล่นผ่านไปมา ซักพักผมก็ถูกยิง.. แล้วก็มีเสียงโวยวายจากทางด้านซ้ายไกลๆ ผมก็รีบหันกระบอกปืนไปทิศทางนั้น แต่ก็ไม่พบอะไร กำลังเตรียมจะเห็นกลับมา ก็ได้ยินเสียงโวยวายทางทิศเดิม และก็โดยยิงใส่อีกนัดนึง คราวนี้ผมหันมาจ่อรอเลยครับ ปรากฏว่า มีทหารศัตรูหลงเหลืออยู่ และก็แอบออกมาจากที่ซุ่มมาคอยยิง ผมเลยจัดการสอยซะหมดแม็ก ทุกอย่างก็เรียบร้อย...

หรือจะเป็นฉากในน้ำ เพราะเราลงไปดำในน้ำ เสียงรอบตัวเราก็กลายเป็นเสียงน้ำครับ เหมือนเรากำลังอยู่ในน้ำจริงๆ แม้ฉากฝนตก ก็ได้ยินเสียงฝนตกอยู่รอบตัวเราทั้งหมด เสียง ฮ. ก็ไม่ต้องห่วงครับ ได้ยินเหมือยลอยอยู่เหนือหัวเราจริงๆ แต่จะค่อนไปทางด้านหน้าหน่อย ไม่ได้อยู่บนหัวเราเป๊ะๆ นอกจากนี้ เสียงระเบิดที่เกิดในตำแหน่งไกลๆ เราก็สามารถได้ยินแบบนั้นจริงๆ รู้เลยว่าเสียงมันอยู่ที่ห่างไกลมากๆ ยิ่งใช้ยิ่งรู้สึกถึงอารมณ์ร่วมในการเล่นมากยิ่งขึ้นครับ



โดยสรุปแล้วหลังการทดสอบต่างๆ ต้องถือว่าเป็น External Soundcard อีกตัวที่น่าสนใจครับ เพราะงานประกอบก็ดี คุณภาพเสียงก็ถือว่าผ่าน อย่างน้อยก็ดีกว่า on board ระบบ Dolby Surround ก็ทำได้ดีเยี่ยม เห็นมีระบบ Virtual Speaker ด้วย ซึ่งเท่าที่ผมลองก็ให้มิติที่ดีครับ แต่ผมว่า ระบบเสียงจาก Dolby Surround ทำได้ดีกว่า เอามาฟังเพลงก็โอเคนะครับ ให้มิติที่ดูดีมากขึ้นเลยทีเดียว ถ้าดูพวก Concert จะดูสมจริงกว่าเยอะครับ

การใช้งานก็ง่าย สะดวก เสียบปุ๊บใช้ได้ปั๊บ ไม่ต้องลง Software เพิ่ม แต่ถ้าลง ก็จะใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ( ไม่ลง software ก็ใช้ Dolby Surround ไม่ได้ ) ของแถมที่เป็นไมค์ก็ใช้ได้ รูปร่างโดยรวมก็ดูโอเค แถมมีสีให้เลือกตั้งหลายสี พกพาก็สะดวก... เหมาะสำหรับคนที่อยากได้โลกส่วนตัว และ soundcard ตัวใหม่ที่ดีกว่า On Board ครับ

สนนราคาเห็นว่า ราวๆ พันกว่าบาทเท่านั้น ต้องถือว่าเป็น soundcard ที่น่าสนใจน่าเล่นอีกตัวครับ แต่สำหรับคนที่ต้องการความเป็น Audiophile จริงๆ แนะนำให้ไปซื้อ DAC อย่าง DAC1 ใช้จะดีกว่าครับ อันนี้การใช้งานมัน Overall กว่าทางนั้นเยอะ... ถ้าแค่คุณภาพเสียงแบบกำลังดี ตัวนี้ให้ได้สบายๆครับ



Asus Xonar U1





5 ความคิดเห็น:

Narisha กล่าวว่า...

แหล่มไปเลยจ้า ดูราคาแล้วน่าลองมั่กๆอะคับพี่จีเจ็ด

Narisha กล่าวว่า...

แหล่มไปเลยจ้า ดูราคาแล้วน่าลองมั่กๆอะคับพี่จีเจ็ด

beowolf5 กล่าวว่า...

วางขายที่ไหนครับ เดินดูในพันทิบไม่เห็นมีเลยครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมกำลังเบื่อออนบอร์ดอยู่พอดี เสียงมันแปลกๆ ก็คิดว่าจะไปซื้อมาใช้ดูครับ เกือบไปซื้อ X fi มาแล้ว ที่ตัวละ 900 อ่ะครับ ของ sonar ดูดีกว่าเยอะเลย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ท่านใดมีไว้ แล้วเบื่ออยากจะปล่อย เปลี่ยนใช้ของใหม่
บอกนะครับ อยากจะลองบ้าง