วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Review DAC Carat UD-1

CARAT-UD1









เหมือนเดิมทุกๆครั้งครับ ใกล้จะต้องเอาไปคืนเจ้าของทีหลัง ผมก็จะค่อยหยิบมา review ทุกที ไม่ใช่เพราะผมขี้เกียจหรืออะไรนะครับ เพราะผมเองไม่ค่อยว่าง และปล่อย burn มันด้วยครับ แต่ก่อน burn และหลัง burn มันจะต่างกันแค่มิติอย่างเดียวเอง หรือผมยัง burn ไม่ได้ที่ไม่รู้ แถมไม่ค่อยได้สังเกตด้วย เพราะ DAC ตัวนี้ผมเล่นต่อกับคอมแล้วก็เสียบต่อกับลำโพง เพราะเวลาใช้ DAC มันจะตัดระบบการทำงานของ soundcard ในเครื่องมาที่แอมป์หมดเลย แทนที่จะให้ใช้ได้ทั้งคู่นะ เสียดายจริงๆ....

USB DAC คืออะไร คิดว่าหลายๆคนน่าจะรู้แล้ว แต่สำหรับผมแล้ว มันก็คือ soundcard แบบ external ดีๆนี่เอง ตัว CARAT HD1V นี่เองก็เป็น DAC แบบ USB ที่ทำหน้่าที่เสมือนกับเป็น soundcard อยู่แล้วครับ และนี่ก็เป็นข้อเสียเอามากๆของ DAC ตัวนี้ เพราะภาครับ หรือ input มีเพียง USB อย่างเดียวเท่านั้น ทั้งๆที่มี jack อย่าง Optical และ RCA แต่ดันเป็น output ทั้งคู่ ดังนั้นมันจึงใช้งานได้แต่กับคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ตรงกับกระแสยุคนี้แหละครับ ( ส่วนใหญ่ก็เป็น USB DAC กันหมดแล้ว DAC แบบที่ต่อชุด Hi-Fi หายากขึ้นทุกวัน )

แต่ก่อนผมมักจะมีปัญหากับคอมผมเอามากๆในเรื่องเสียงรบกวนในระบบ ทั้งเสียง Hiss เสียงฮัม เป็น junk noise น่ารำคาญจนผมไม่เคยฟังเพลงผ่านคอมพิวเตอร์เลยครับ ส่วนมากก็ดูหนังอย่างเดียวแล้วก็ต่อออกลำโพงกระจอกๆคู่นึงเท่านั้น ฟังเพลงผมก็ต่อ iPOD ไม่ก็ set โบราณที่ซื้อต่อเค้ามาอีกที บางทีผมก็หงุดหงิดเหมือนกันครับ เพราะมีโปรแกรมที่ไว้ทดสอบเรื่องหู และยังโปรแกรม test เกี่ยวกับ Freq. Response ของหูฟัง ที่ผม test ไม่ได้ เนื่องจาก noise มันกวนมากๆ

USB DAC เลยกลายเป็นเสมือน hero เพื่อการนี้โดยเฉพาะครับ

ไม่มั่นใจนะครับว่า USB DAC ตัวอื่นๆจะเป็นแบบ Carat หรือเปล่า เพราะตัวนี้จะมีปัญหานิดหน่อยตอนที่เสียบน่ะครับ ผมลองเสียบกับ notebook ที่ร้าน มันก็เรียกหา driver เฉยเลย ต้องค้นๆๆจากใน net มาลง เสียเวลาตั้งนานกว่าจะได้ฟัง พอกับคอมตั้งโต๊ะปั๊บ ทุกอย่างดัน detect ได้หมด แต่เสียงไม่ออก iTunes ก็กด play แล้วไม่เล่นเพลง ต้องลอง restart เครื่องแล้วเปิด iTunes ใหม่ถึงใช้ได้ พอมาที่บ้านผมก็ลองเสียบเข้าเสียบออกเล่นดู ปรากฏว่าไม่มีปัญหาแบบที่ลองที่ร้านเลย... เสียบแล้วเสียงก็มาทันที แต่ถ้าเปิด iTunes ทิ้งไว้ แล้วถอด CARAT ออก จากนั้นก็เสียบใหม่ iTunes ก็จะต๊องไปเลยครับ คือเพลงไม่เล่น... ต้องปิดเปิด iTunes ใหม่ถึงจะหาย อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนลองที่ร้านแหละครับ เพราะที่ร้านนี่ ปิดเปิด iTunes ใหม่ก็ไม่หาย ต้อง restart ระับบสถานเดียว

แต่เห็นเหมือนจะไม่มีปัญหา แต่บางทีก็มีบ้างกับ iTunes ครับ บางครั้งกด stop แล้วหาเพลง จากนั้นกดเล่นใหม่ มันก็ไม่เล่นเพลงซะงั้น ทั้งๆที่เปิดกับ Foolbar ก็เสียงออกปรกติ... ต้องปิดและเปิด iTunes ใหม่... จุดนี้ผมว่าน่าจะมีปัญหาเพราะ iTunes และ Windows น่ะครับ.. ถ้าตัวอื่นไม่มีอาการแบบที่ว่าก็น่าจะมาจาก CARAT เอง ที่ผมบอกแบบนี้เพราะว่า ผมไม่เคยใช้ DAC มาก่อนเลย ตัวนี้ตัวแรกที่ได้ลองทีเดียว...

ว่ากันที่ตัว CARAT เองบ้าง.. งานประกอบถือว่าเก็บได้ปราณีตมากครับ เท่าที่ดูวงจรภายในก็เลือกใช้ของดีๆมาประกอบทำวงจรด้วย น้ำหนักตัวเองก็ค่อนข้างเบาใช้ได้ พกพาไปไหนมาไหนไม่หนักมือ จะเสียก็ตรงมันใหญ่ไปหน่อย ถ้าเล็กกว่านี้จะดีมากสำหรับคนที่ใช้ notebook และอยากได้เสียงที่ดีกว่าเดิม...

ตัวที่ผมได้มาเป็นตัว TOP ( มั้ง )นะครับ เพราะตัวรุ่นรองจากนี้ที่เป็น Body สีเงิน ( CARAT UD1 ) ผมไม่ได้เอามา เนื่องจากตอนที่ลองรู้สึกว่า Dynamic ตัวนี้จะดีกว่า เลยเอาตัวนี้มาแทน อีกทั้งตัวนี้ยังมีระบบรองรับการจ่ายไฟจากภายนอกด้วย โดยส่วนหม้่อแปลงแบบ 9V เข้าที่ด้านหลังได้ แต่ตัวสีเงินไม่มี ตรงช่องรองรับไฟภายนอกของตัวสีเงินเลยกลายเป็น Jack แบบ 3.5 output แืืทน ซึ่งก็เหมาะสำหรับ Portable Amp ที่ต่อด้วยสาย mini-mini ครับ ตัวของผมเป็นสีดำมันไม่เหมาะเท่าไหร่ ผมเลยไม่ได้ test จากการต่อด้วยแอมป์มากนัก หลักๆเลยไปเน้นที่ตัว DAC อย่างเดียวมากกว่าครับ แต่ว่าการต่อเพิ่มไฟจากภายนอกถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง รู้สึกว่าจะมีจุดเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย โดยเฉพาะ image ของกีต้าร์ไฟฟ้าตัว Dynamic-Impact มันจะดีกว่า และเป็นรูปร่างกว่าตอนไม่ต่อครับ จุดอื่นๆไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่... แต่ไม่มั่นใจตรงนี้นะครับ เพราะผมมีเวลาลองไม่พอ อาจจะคิดไปเองก็ได้

ใน set ไม่มีหม้อแปลงให้นะครับ พอดีผมมีส่วนตัวอยู่ เอาไว้ใช้กับ headstage <(^o^)>


เรื่องเสียงนี่ ผมค่อนข้างแปลกใจกับเสียงแรกที่ได้ยินครับ นั่นก็คือส่วนของเสียงสูง ซึ่งตอนที่ลองครั้งแรกผมใช้ AD2000 ลองเสียบฟังดู ปรากฏว่า ปลายเสียงสูงมันพริ้วมากขึ้นกว่าเดิมครับ และเท่าที่ลองกับ MS-Pro ก็ให้ความรู้สึกได้แบบเดียวกันครับ คือมันพริ้วแล้วไปได้ไกลมากขึ้นกว่าเดิม ฟังกับ AD2000 แล้วรู้สึกมันเปลี่ยนไปนิดหน่อยเลยครับ

ที่น่าแปลกคือเสียงกลาง ตอนที่ใช้กับ AD2000 ไม่รู้สึกอะไร แต่พอเปลี่ยนมาเป็นหูฟังตัวอื่นปั๊บ รู้สึกเลยว่าเสียงกลางค่อนข้างจัดทีเดียวครับ เสียงจัดคล้ายๆ player ของ samsung เลยครับ และก็เป็น DAC ที่ไม่ได้ให้มวลเสียงกลางเท่าไหร่ เสียงเลยจะออกชัดๆจัดๆ แต่ว่าปลายเสียงกลางมันไม่ได้ลากยาวเท่ากับเสียงสูงนะครับ ทำให้เวลาลงกลองนี่ ส่วนที่เป็นสแนร์มันเลยจะชัด และกังวาน แต่พวกทอม หรือ กระเดื่องปลายจะไม่ออกเท่ากับของ iPOD ( พอดีไม่มี DAC เทียบ เลยต้องเทียบกับ iPOD -(^_^)- )

ส่วนเบสจะให้เบสที่กระชับขึ้น ปลายไม่ได้ลากลงลึกครับ เพราะมวลเบสน้อยลง ส่วน middle ขึ้นกับหูฟังครับ บางตัวมันก็แน่นขึ้นเป็นรูปร่างขึ้น แต่กับบางตัวเฉยๆไม่ได้เปลี่ยนมากมาย จะมีก็ impact ที่ดีกว่าเดิมนิดนึง เพราะถูกจับ focus ให้เล็กลง ทำให้รู้สึกแน่นมากขึ้น เบสไม่ฟุ้งกระจาย ที่เห็นชัดเจนคือตอนลองกับลำโพงครับ เพราะเบสลำโพงผมมันจะออกฟุ้งๆ ตอนที่ต่อกับคอมผ่าน soundcard นี่เห็นผลเลยครับ เบสฟุ้งทันที แต่พอต่อด้วย CARAT ปั๊บ.. เบสแน่นกระชับและเป็นตัวตนขึ้นมาทันทีครับ พอต่อกับหูฟังไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ เพราะหูฟังผมไม่มีตัวไหนที่เบสฟุ้งๆอยู่แล้ว คนที่ใช้่ Sennheiser อย่าง CX400 และ 500 นี่ ตัวนี้น่าจะเหมาะนะครับ

สิ่งที่ดีขึ้นชัดเจนก็คือ ในส่วนของมิติเสียงกลาง และช่วงชิ้นดนตรีที่อยู่แถบๆปลายๆ soundstage ที่มีความเป็นตัวเป็นตนที่ชัดเจนกว่าของ iPOD ครับ เรียกว่า focus ตรงจุดนั้นได้ดีกว่า iPOD ซะอีก แถมยังให้มิติเสียงกลางที่ลึกกว่า ชิ้นดนตรีก็มีความชัดเจนมากขึ้น เพราะมันถูกดันให้ถอยออกไปอีก และ focus ให้เล็กลง ใช้กับ Shure E4C ยังรู้สึกว่า soundstage กับ มิติเสียงกลางมันดีขึ้นมาถนัดหูเลยครับ บรรยากาศโดยรวมดูปลอดโปร่งมากขึ้น

และ ถ้าผมจำไม่ผิด ตัว UD1 โทนโดยรวมจะเสียงเย็นกว่าตัวที่ผมได้มา และยังให้ sound ที่นุ่มนวลกว่าด้วยครับ

สำหรับผมแล้ว ถ้ามันมีมวลเสียงมากกว่านี้ ตัว CARAT จะดีกว่านี้เยอะเลยครับ ถึงแม้ว่ามันจะไม่แห้ง แต่ถ้าต่อกับหูฟังบางตัว ยิ่งพวก sensitivity สูงๆ หรือพวกที่มีแนวโน้มว่าจะเสียงจัด มันก็จะจัดขึ้นกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัดเลยครับ ถ้าได้เพลงที่อัด peak เสียงจัดๆ ยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ แต่กับหูฟังบางตัวดันเสียงไม่จัดเลย โดยเฉพาะพวก Fullsize แถมยังทำให้น้ำเสียงเปิดและดูสดมากขึ้น มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าใครคิดจะซื้อ DAC ตัวนี้ แนะนำพกเอาหูฟังหรือลำโพงที่จะใช้กับ DAC ตัวนี้ไปด้วยครับ จะได้รู้ว่ามัน MATCH กันหรือเปล่า.. ไม่งั้นเกิดไม่ match กันจะเสียดายแย่ครับ


ที่สำคัญ อย่าลืมลองก่อนซื้อทุกครั้งนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น: