วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Review Audio-Techinca A950Ltd

Audio-Technica A950 LTD






ในอดีตทาง Audio-Technica ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จในการขายหูฟัง A series โดยเฉพาะ A900 ซึ่งถือว่าขายดีที่สุดในบรรดา A Series ทุกตัว ดังนั้น เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ จึงผลิต A900ltd ขึ้นมาเพื่อหลอกขายเหล่าบรรดา head-fi ได้จับจ่ายใช้สอยไปชื่นชม และด้วยกระแส review ที่ออกมาในแง่บวกทั้งหมด หลายๆที่พากันบอกว่าเหนือว่า A900 ทุกกระบวนความ ดังนั้น A900Ltd เลยถูกเหมาไปเกือบหมด ถ้าผมจำไม่ผิดนี่ น่าจะผลิตออกมาแค่ 100 ตัวเท่านั้น ตัว A900Ltd เลยกลายเป็นแรร์ไอเท็มไปในบัดดล คนที่มีก็เล่นตัวไม่ค่อยยอมขาย ถ้าขายก็โ่ก่งราคาไม่เข้าท่า

เมื่อเห็นว่ากระแส limited ของค่ายตัวเองเริ่มขายได้เรื่อยๆ มี 50 หมด 50 มี 100 หมด 100 ทาง Audio-Technica ก็เริ่มฮึกเหิม และประกาศผลิต A series ออกมาอีกตัว โดยระบุให้เป็นรุ่น Limited และใช้ชื่อว่า A950Ltd

ช่วงก่อนการวาง ตลาดของรุ่นนี้ ก่อให้เกิดกระแส Group Buy ทันที จนทาง web head-fi ต้องจับลบกระทู้ Group Buy จำไม่ได้ว่า เค้าให้เหตุผลว่าอะไร แต่รู้สึกว่าน่าจะมาจากความหมั่นไส้ของ webmaster ที่ user ดันไป group buy สินค้าที่ไม่ได้เป็น sponsor ให้ทาง web ดังนั้น กระแสของ a950ltd เลย drop ลงไปเล็กน้่อย แล้วยิ่งเจอเฮียบางคนในนั้น ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ ATH ออกมา review ว่า A950ltd ฟังแล้วเหมือน A900ltd ทำให้คนใน head-fi เลยเกิดเสื่อมศรัทธาที่ทางค่ายเล่นง่าย เอาเหล้าเก่ามาเทขวดใหม่แล้วขาย กระแสเลยซาๆลง

แต่ผมอยากได้ a900ltd มานานแล้ว ในเมื่อมันเหมือน แล้วซื้อ 900ltd ไม่ได้ เราก็ซื้อ A950ltd ซะก็จบ ไม่เห็นต้องทุรนทุรายอยากได้ a900ltd เหมือนบางคนใน head-fi เลย... ท้ายที่สุด ผมก็เลยได้มาครอบครอง

ปรกติผมจะไม่ค่อยใช้หูฟังที่เป็นแบบ Close เท่าไหร่ เพราะกลัวอับ และอึดอัด แต่ตัว A950ltd กลับไม่มีความรู้สึกที่ว่าเลยครับ ใส่แล้วรู้สึกว่าโปร่ง โล่ง ไม่อับ ไม่อึดอัด แถมยังใส่แล้วรู้สึกสบายหูมากๆ เพราะตัว PAD ที่หุ้มทำจากหนังเทียมคุณภาพดี ลักษณะคล้ายๆเบาะหรือโซฟาหุ้มหนังน่ะครับ เวลาใส่เลยนุ่มสบาย ช่วงคานด้านบนที่กดค้ำศรีษะก็ออกแบบให้กดลงมาอย่างนุ่มนวล เวลาใส่เลยยิ่งสบาย ปลอดโปล่ง ฟังนานๆก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไร จะมีข้อเสียอย่างเดียวคือ ถ้าไม่ฟังในห้องแอร์จะรู้สึกอบๆหูนิดหน่อยทำให้ช่วงบริเวณที่ PAD กดทับอยู่ มีเหงื่อซึมๆบ้าง แต่ผมคิดว่า พวก close ก็น่าจะเกิดอาการแบบนี้เกือบทุกตัวแหละครับ เพราะมันไม่มีการถ่ายเทอากาศสู่ภายนอก ภายในหูก็ต้องร้อนเป็นของธรรมดา

ว่ากันเรื่องของเสียงบ้าง... จริงๆมันเป็นหูฟังที่ไม่ได้เน้นมวลเท่าไหร่ เพราะ Design มาเพื่อใช้ใน Studio เป็นหลัก โดยรวมจึงจะเน้นเรื่องการ Focus เสียงมากกว่า ถ้าใครเคยฟังหูฟังตระกูล Monitor ทั้งหลายที่เป็นแบบใช้ใน Studio เช่น Sony V6 , 7506 , Sennheiser Hd280pro ก็จะเข้าใจธรรมชาติของมันครับ ดังนั้น โดยรวมจะออกชัดๆ ให้รายละเอียดดี และใส ที่สำคัญเป็น sound signature ที่ออกทางโทนเย็นๆครับ เวลาฟังเพลง Ballard เลยจะสบายๆหูหน่อย

เสียงกลางของตัวนี้ค่อนข้างแน่นเลยครับ ยิ่งจังหวะลงกลองยิ่งแน่นเลย มันอาจจะไม่มีมวลหนาๆเหมือน HD650 แต่ลงกลองได้แรงเหมือนกันครับ และด้วยความที่ไม่เน้นมวลหนาๆ แถมโดยรวมยังออกเย็นๆ ทำให้ Vocal โดยเฉพาะเสียงนักร้องหญิงฟังแล้วรู้สึกหวานแบบเย็นๆ คล้ายๆกับเสียงร้องมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเอาไปฟังเสียงร้องของ Emi Fujita, Susan Wong และ Olivia มากๆ ยิ่งเพลงไหนที่มีการอัดดีๆ ไม่เน้น image กว้างๆเหมือน ปาล์มมี่ จะยิ่งฟังแล้วเพราะมากครับ แค่เอามาฟัง Susan Wong ก็คุ้มแล้ว...

เสียงสูงค่อนข้างชัดเจนและให้รายละเอียดได้ดีมาก เป็นเสียงใสที่มีความกังวาน ปลายใสเปิดกว้างและทอดตัวไปไกล แต่ image จะค่อนข้างเล็กทำให้รู้สึกไม่เต็มอิ่มกับชิ้นดนตรีเท่าไหร่ โดยเฉพาะพวกแฉที่เวลาเคาะแล้วไม่รู้สึกว่ามันมาแบบเต็มๆใบ แต่ก็ใสชัดจนสัมผัสได้ครับ ส่วนพวกแซ็คไม่ต้องห่วงครับ ออกแนวหวานเย็นเลย แต่ถ้าเจอแผ่นที่อัดมา peak มากๆ มันจะจัดจนบาดครับ อันนี้้ต้องโทษแผ่น เพราะ A950Ltd มันถ่ายทอดออกมาดีไปหน่อย สิ่งแย่ๆเลยออกมาด้วย

ไลนกีต้าร์ชัดคมและลงได้นิ่ง มี Dynamic-Impact ที่ชัดเจน แต่จะไม่พริ้วเท่ากับทางสาย Grado เพราะจะเน้นในแง่ความชัดเจนมากกว่า แต่ฟังแล้วก็รู้สึกถึงตัวตนของกีต้าร์ได้เช่นกันครับ รายละเอียดเสียงของแต่ละเส้นค่อนข้างชัดเจนจนพอจะแยกแยะได้ว่าเส้นไหนเป็น เส้นไหน แม้จังหวะสั่นค้างของสายกีต้าร์ก็ยังได้ยินครับ เรียกว่าถ่ายทอดออกมาได้ดีทีเดียว

เห็นเป็นหูฟังแบบนี้แต่ก็มีเบสนะครับ ถึงแม้ว่าเนื้อเบสออกจะน้อยไปหน่อย และ deep ไม่มากเท่าไหร่ แต่มี impact ให้ได้สะใจบ้าง ถ้าได้จับกับแอมป์ดีๆเบสก็ยิ่งมาครับ และเป็นที่น่าแปลกคือ ยิ่ง burn ก็ยิ่งต้องใช้แอมป์ครับ มาใหม่ๆไม่ต้องเสียบแอมป์ก็ให้เบสได้เต็มๆและกลางแน่นๆ แต่พอผ่านไปนานๆถ้าไม่ต่อแอมป์ เหมือนมันจะแผ่วลงน่ะครับ อันนี้ผมลองเทียบตัวที่ burn แล้วกับยังไม่ได้ burn ดู ทำให้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หรือเพราะผมเอามาฟังกับแอมป์มากไป มันเลยกลายเป็นโรคเสพติดแอมป์ ทำให้ขาดแอมป์ไม่ได้ ขาดแล้วเสียงจะ drop เรื่องเบสผมว่ามีครบใช้ได้ครับ แต่ deep จะจางไวหน่อย เป็นเบสแบบแน่นๆไม่เน้น middle มาก และเบสจะค่อนข้างขึ้นกับเพลงครับ เพลงไหนเบสน้อยมันก็ให้น้อย ถ้าเป็นเพลง dance เบสเยอะๆ ก็มาเยอะ ยกเว้นว่าถ้าเป็นคนชอบเบสมากๆ อาจจะรู้สึกว่าน้อย แต่สำหรับผม ผมว่าโอเคแล้ว จะเอาเบสเยอะไปไหน..

ลักษณะ image โดยรวมจะเป็นการ Focus ให้ชัด และเล็ก อารมณ์คล้ายๆกับการฟังพวก ER4P นั่นแหละครับที่มีการ Focus ชิ้นดนตรีด้วย ส่วนมิติเสียงกลางค่อนข้างลึก และให้ soundstage ที่กว้าง แต่ทั้งหมดที่พูดมากจะเป็นการให้มิติแบบหลังหัว แม้จะมีบางเพลงที่ฟังแล้วจะให้มิติมาทางด้านหน้า แต่มาฟังกับตัวนี้จะถูกจับไปอยู่ด้านหลังหมด ลักษณะมิิติกับ soundstage จะเป็นแบบวงกลมล้อมไปทางด้านหลังครับ จริงๆผมจะเป็นคนที่ไม่ชอบหูฟังที่ให้มิติแบบนี้มากๆ เพราะมัน focus ยาก เนื่องจากหูฟังบางตัวที่ให้มิติไปด้านหลัง มักจะให้แบบติดหลังหัวเราเลย แต่ของ A950Ltd จะถอยออกอีก 1 step ทำให้การจับชิ้นดนตรีทำได้ง่าย ฟังแล้วรู้สึกสบายหัว สบายตัว สบายใจ

ช้อเสียอย่างนึงคือ มันไม่ค่อยกันเสียงจากภายนอกเท่าไหร่ แต่เสียงที่ฟังภายในไม่เล็ดรอดออกภายนอกแน่นอนครับ ถ้าไม่ฟังดังมากเกินไปนะ เหมาะสำหรับเวลาฟังแล้วอยากจะคุยกับเพื่อนไปด้วย เพราะเราแค่ปิดเพลง หรือหรี่ volume ก็พอ แค่นั้นก็คุยได้แล้ว ไม่ต้องหยิบหูฟังออกเหมือน Close ตัวอื่นๆ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าข้อดีหรือเปล่า แต่พอเพลงมานี่ก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงภายนอกอยู่แล้วครับ มันจะได้ยินก็เฉพาะเวลา่ปิดเพลงเท่านั้น อันนี้ก็แล้วแต่ชอบและการใช้งานครับ จริงๆโดยส่วนตัวผมมองว่าเป็นข้อดีมากกว่าข้อเสียนะ ผมว่าที่มันให้ความรู้สึกว่าโปร่งก็เพราะมันปิดไม่มิดแบบนี้นี่แหละ

ถ้าจะถามว่าตัวนี้ต่างกับ A900Ltd ตรงไหน ... ผมบอกได้สั้นๆว่า ต่างทุกจุดครับ

ตั้งแต่

สาย.. ของ A900 เป็นสายถักหุ้ม แต่ของ A950Ltd เป็นสายหนัง
สี Housing ของ A900 เป็นน้ำเงิน แต่ของ A950Ltd เป็นดำออกแดงๆ
ตัว Pad ของ A900 เป็นหนังเทียมบางๆหุ้ม แต่ของ A950Ltd เป็นหนังเทียมหนาๆหุ้มและนุ่มกว่า
เสียง A950Ltd จะเป็นการ Up Step ของ A900 ทุกอย่าง ทั้งกลาง สูง ต่ำ และ soundstage แต่ไม่ได้ up แบบฟังแล้วต่างแบบเห็นได้ชัด มันจะต่างประมาณ 20% คือคนที่ใช้จะฟังแล้วรู้ครับ
ยิ่งเทียบกับยิ่งชัวร์ แต่ถ้าแยกกันฟังและไม่เคยใช้พวก A series มาก่อน อาจจะฟังไม่ออกครับ

ตัว A950ltd เห็นว่าผลิตแค่ 200 ตัว แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังเห็นมีขายอยู่ และตัวที่ผมได้ก็ไม่เห็นจะใส่ Serial No. มาด้วย ก็เลยงงๆว่า Limited อะไรเหมือนกันครับ เอาเป็นว่าเค้าบอกว่า Limited ก็เชื่อตามเค้าว่าแล้วกันครับ ใครที่อยากได้ Close โปร่งๆ และ บุคลิกแบบหวานๆ เย็นๆ ใสๆ มีเบสด้วย ตัวนี้แหละเหมาะครับ ยิ่งฟัง Susan Wong เป็นหลัก ยิ่งควรรีบไปซื้อมาเป็นเจ้าของเลยครับ






SPEC



TYPE : Airtight Dynamic
DRIVER DIAMETER : 53mm, OFC7N
FREQUENCY RESPONSE : 5 - 40,000Hz
MAXIMUM INPUT POWER : 2,000mW
OUTPUT SOUND LEVEL : 101 dB/mW
IMPEDANCE : 40 Ω
WEIGHT : 350 g
CONNECTOR : 6.3 / 3.5 mm gold-plated stereo plug
CABLE : TPE /3.0 m


14 ความคิดเห็น:

จอน กล่าวว่า...

ผมขอชื่นชมต่อการรีวิวฯอันหลากหลาย ด้วยความเป็นกลางตรงไปตรงมาครับ

รบกวนสอบถามปรึกษาดังนี้ครับ

ผมสนใจ Audio-Technica ATH-C500M พบใน Powerbuy ราคา 690.- ไม่ทราบว่าคุณเคยฟังหรือมีข้อมูลอื่นๆ ไหมครับ ว่าโทนเสียง ความคุ้มค่าน่าใช้ไหมครับ.. ผมเห็นแล้วชอบดีซายน์ฯ แต่ดูแล้วตัวใหญ่เหมือนกัน และราคาที่ไม่สูงนัก ก็แอบหวังว่าเสียงจะตามอย่างรุ่นพี่ให้พอคุ้มค่าก็โอเคละครับ

อย่างไรแล้วในโอกาสนี้ ผมร้องขอหากมีโอกาสให้ช่วยรีวิวฯ

- โบสอินเอียร์ รุ่นใหม่รุ่น 3 ทั้งของใน และนอกประเทศ ซึ่งผมใช้อยู่ ผมว่าเสียงต่างกันเยอะเลย ชักสงสัยแล้วว่า ของนอกที่พึ่งได้มามันปลอมรึเปล่า

- โซนี่รุ่นเก่าที่ยังพอมีจำหน่าย เช่น MDR-E737, 818, 931 ผมว่าเสียงคุ้มค่าครับ

ขอบคุณครับ

จอน กล่าวว่า...

จากประสบการณ์คุณ G-7 พอจะมีหูฟังเอียร์บัดฯ ตัวไหน หรือตัวอื่นๆ ประเภทอื่นๆ ที่ให้เสียงที่ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับเราใช้ไมล์โครโฟนฯคุณภาพดีๆ ที่มีลักษณะไวต่อเสียงมากๆบ้างครับ ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน.. ไม่พูดถึงโทนเสียงนะครับ เอาเฉพาะประสิทธิภาพที่คล้ายๆ แบบไมล์ฯไวๆ ดีๆ ครับ...

G7 กล่าวว่า...

ตัว C500M ผมยังไม่เคยฟังเลยครับ ไม่รู้ว่าเสียงเป็นยังไง


ส่วน sony Earbud ผมว่า ถ้าไม่ใช่ E484 กับ E888 นี่ นอกนั้นยังไม่ผ่านเกณฑ์ครับ

ส่วน in-ear หรือ earbud ที่ให้เสียงเหมือนกับพวกไมค์แบบ Condenser ก็คงจะเป็นพวก

UE Super.fi 5 pro , Triple.fi 10 pro
Apple In-ear
Jays Q-Jay
Sennheiser Mx400
Audio-Technica EM9d

ในบรรดาพวกนี้ทั้งหมด ตัว Triple.fi 10 น่าจะภาษีดีกว่าเพื่อน เพราะใกล้เคียงกว่าครับ

จอน กล่าวว่า...

ที่แนะนำคือ Sennheizer MX400 ไม่ใช่ CX400 นะครับ ผมเห็นราคาต่างกันมาก.. และ Jay Q Jays ราคาประมาณเท่าไหร่หาซื้อได้ที่ไหนครับ

G7 กล่าวว่า...

ถูกต้องแล้วครับ MX400 ไม่ใช่ CX400 แน่นอนครับ

ส่วน Q-Jay ไม่แน่ใจนะครับ ลองถามดูกับทาง Sanookgadget.com ดูเรื่องราคาครับผม เพราะทางนั้นเป็นตัวแทนนำเข้าครับ

จอน กล่าวว่า...

รบกวนปรึกษาเกี่ยวกับสินค้า OEM

ผมเห็นว่ามีผู้ประกาศขายสินค้าหูฟังที่แจ้งว่าเป็นงาน OEM มีราคาขายต่างจากสินค้าที่วางจำหน่ายผ่านตัวแทนอย่างถูกต้องกว่าครึ่ง..

จึงรู้สึกสับสนว่าแท้จริงแล้ว สินค้าที่เขานำมาโพสขายนั้นเป็นสินค้าประเภทใดครับ

หรือเป็นสินค้าที่รับจ้างผลิตโดยมีมาตรฐาน QC ตามยี่ห้อฯ นั้นๆ และสำหรับสินค้าที่ผู้ขายหาได้มานั้นๆ คือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านมาตรฐานดังกล่าว ทางผู้ผลิตจึงทำการโล๊ฯขายราคาต่ำกว่าฯ ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก

คือผมสนใจสินค้า E888 ที่โพสขายน่ะครับ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าคุณภาพสินค้าโดยเฉพาะเสียงจะเทียบเท่ากับที่ขายอย่างถูกต้อง ผ่านตัวแทน ทำนองนี้ครับ..

G7 กล่าวว่า...

โดยมากสินค้า OEM สำหรับหูฟัง มักจะเป็นของปลอมครับ เพราะปรกติสินค้า OEM โดยเฉพาะกับหูฟัง หมายถึง สินค้าที่ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อแนบไปกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามแต่ที่บริษัทนั้่นๆจะจ้างมา

เช่น Sennheiser Mx300 ในสมัยก่อน ที่จะผลิตเ็ป็นแบบ OEM ให้กับ iRiver เป็นต้น

แต่การผลิตแบบ OEM จะเป็นการสั่งผลิตตามจำนวน Order จึงไม่มีโอกาสหลุดมาขายกันอย่างโจ๋งครึ่มแน่นอน ดังนั้น OEM ที่วา่งขายแบบใส่ซองเลยมักจะเป็นของปลอมที่อ้างว่าเป็นสินค้า OEM ครับ

ถ้าถามผมว่า OEM จะมีพวกของแท้บ้างไม๊ อันนี้ผมก็คิดว่าอาจจะมีหลุดได้บ้าง แต่น่าจะเป็นส่วนน้อย โอกาสน่าจะอยู่ราวๆ 1% เท่านั้น พูดง่ายๆ 99% ที่บอกว่าเป็นหูฟัง OEM ล้วนปลอมทั้งนั้น

ยิ่ง E888 ที่เป็นหูฟังที่มีการปลอมมากที่สุดอีกตัวนึง ก็ควรต้องระวังการเลือกซื้อเป็นอย่างมากครับ ของปลอมถึงขนาดมีทั้ง Package และ Case ที่เหมือนของจริงมากๆเลยทีเดียว

ก่อนจะซื้อต้องชัวร์จริงๆเท่านั้นครับสำหรับหูฟัง ถ้าไม่มั่นใจให้สอบถามผมก่อนครับ เดี๋ยวจะดูให้ว่าปลอมหรือเปล่าน่ะครับ

จอน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ.. คงต้องรบกวนสอบถามอย่างแน่นอนครับ

วันนี้ผมได้ Sennheiser MX 400-CS จากคาร์ฟูร์ฯ ตัวหูฟังคล้ายกับยี่ห้อ OKER D300 ที่ซื้อมาทดลองฟังเล่น โทนเสียงก็คล้ายกัน โอเคอร์ฯ มีน้ำหนักเสียงเบสมากกว่า จึงฟังดูกลมกล่อมดี ..MX 400 อ่อนน้ำหนักเบสเป็นปกติหรือเปล่าครับ ผมฟังดูโทนเรียบสมดุลพอดีๆ หากได้น้ำหนักเบสอีกนิดหล่ะเยี่ยมเลย แต่หากเบสดีนี่ผมคงต้องไปซื้ออีกตัวมาเทียบครับ

G7 กล่าวว่า...

MX400 ปรกติไม่ค่อยมีเบสอยู่แล้วครับ และเป็นหูฟังที่ไม่ควรใส่ฟองน้ำด้วยครับ เพราะเสียงมันจะใสกว่า


จุดเด่นของ 400 คือ impact ของย่านสูงที่ให้น้ำหนักได้ดีมาก สังเกตเวลากรีดสายกีต้าร์ จะให้่ความสมจริงกว่าหูฟังถูกๆทั่วไป และให้การ focus image ที่ดีและชัดเจนครับ

จอน กล่าวว่า...

อ่อ.. งั้นโอเคครับ ไม่ผิดตัว

จอน กล่าวว่า...

มาแจ้งร้องขอทดสอบ Hifiman RE2 ว่าเข้ามาตรฐานรึเปล่าครับ.. ผมมีใช้อยู่ เห็นว่าเสียงดีโทนเรียบสะอาด ฟังเพลงร็อคนี่เหมือนอยู่ในห้องซ้อมกับพวกเขา ฟังคอนเสิร์ตเหมือนอยู่บนเวที คนละฟิลฯกับโบสเลย โบสเหมือนเป็นผู้ชมรายล้อมด้วยผู้คน เป็นความเห็นผมครับ

และขอช่วยแนะนำหูฟังที่ไม่ใช่ฟูลไซร์ฯ ที่ให้อิมเมจเสียงเข้าทำนองมีตัวตนเป็นสามมิติฯ พอจะมีไหมครับ

ขอบคุณครับ,

G7 กล่าวว่า...

ผมเคยฟังสมัยที่ยังใช้ชื่อว่า Head Direct RE-2 ครับ บอกตามตรงว่าไม่เข้าท่าเลยครับ เสียงบาง กลางแห้ง และจัดจ้าน แต่ข้อดีคือโปร่ง โล่ง ทำให้ฟังสบายๆ

ส่วนล๊อตหลังๆไม่เคยฟังแล้วครับ ไม่รู้ว่าแก้ไขแล้วหรือยัง

จริงๆหูฟังที่ไม่ใช่ฟูล Size และให้ image เป็น 3 มิติได้มันมีไม่เยอะหรอกครับ กระทั่ง Fullsize ยังมีไม่เยอะเลย อย่างที่ผมเึคยฟังและให้อารมณ์ 3 มิติได้ก็มีพวก Westone UM3X , Shure Se530

ส่วน fullsize ที่พูดได้ว่า เป็น 3 มิิติจริงๆ ก็อย่างเช่น Audio-Technica L3000 , JVC DX-1000 ราวๆนี้น่ะครับ

จอน กล่าวว่า...

สำหรับ Hifiman RE2 การสวมใส่ผมว่าสำคัญมากๆครับ จำได้ตอนใส่ครั้งแรกรู้สึกแปลกใจและผิดหวังว่าทำไมเสียงแห้งจัด เบสน้อยมาก (เป็นครั้งแรกที่มี In-ear ใช้งาน) ..จากนั้นก็เปลี่ยนจุกยางที่ให้มาอีกสามขนาดและแบบ ผมมาลงตัวที่จุกขนาดเล็กและกลางที่อุดเข้าไปแนบสนิทกับรูหูผมมากที่สุด ซึ่งหากอุดมากไปก็จะเหมือนปิดจุกขวดสุญญากาศ ทำให้เกิดแรงดันในหัวมาก อึดอัดและมึนฯ.. ถึงตอนนี้ทุกๆครั้งที่ใส่ฟังก็ต้องจูนฯ แบบดันเข้าถอดออก หรือกดๆ หากแน่นไปก็ดึงออกมาใหม่ จนให้เกิดความพอดีๆ ทุกๆครั้งไป สังเกตได้จากเสียงเบสที่ดีขึ้นกำลังพอดีๆ พอฐานเสียงต่ำมา โทนเสียงรวมก็ดีขึ้นผิดหูตาฯ เร้นท์เสียงสะอาดกว้างเลยทีเดียวจากต่ำไปสูงครับ เป็นความเห็นของผมครับ

จอน กล่าวว่า...

ตามที่ได้แจ้งขอรบกวนปรึกษาไว้ ตอนนี้ผมได้ อี888 มาแล้ว จึงต้องการรบกวนขอคำปรึกษาด่วนครับ.. อย่างไรแล้วไม่ทราบว่าพอจะสะดวกแบบส่วนตัวได้ไหมครับ ผมรบกวนติดต่อมาที่ wattsgroup@hotmail.com หรือหากสะดวกในนี้ก็ช่วยแนะนำว่าให้ดูอย่างไรบ้างครับ

ขอบคุณครับ