วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Review หูฟัง Etymotic ER4P

Etymotic ER4P







Etymotic จริงๆเป็นยี่ห้อที่ทำตลาด IEM มานานมากๆแล้วครับ นานพอๆกับ Shure และ Westone ทีเดียว และตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทาง Etymotic ก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนรูปแบบหูฟังกับเค้าบ้างเลยครับ เมื่อ 10 ปีก่อนขายยังไง 10ปีต่อมาก็ขายแบบนั้น แต่ก็ยังมีคนอุดหนุนซื้อหูฟังยี่ห้อนี้อยู่เรื่อยๆทั้งๆที่ไม่เคยเปลี่ยนรูป แบบเลย แล้วหูฟังนี้มีดีตรงไหนกัน

Etymotic ER4 Series นั้น ความจริงมีออกมาหลักๆ 3 รุ่นครับ นั่นคือ ER4P , ER4S และ ER4B ซึ่งแต่ละตัวล้วนใช้ Driver ตัวเดียวกันทั้งหมดครับ แต่จะแตกต่างกันตรงที่ ER4P เป็นตัวหลักของ Series นี้ โดยใช้ชื่อเป็นทางการว่า ER4 microPro ส่วน ER4S ก็คือ ER4P ที่เปลี่ยนจากสายเดิมมาเป็นสายแบบ 100 โอห์ม ซึ่งมีผลทำให้ขับยากขึ้น จึงต้องอาศัยฟังผ่านแอมป์อย่างเดียว ข้อดีคือเสียงจะอิ่มขึ้น ข้อเสียคือต้องมานั่งพกแอมป์ครับ ส่วน ER4B จะไปเน้นในเรื่องของการใช้งานแบบ Studio เป็นหลัก จริงๆก็ใช้ใน Studio ทั้งหมดแหละครับ แต่ตัวนี้จะพิเศษหน่อย เพราะรหัส B นั้นมาจาก binaural mic ซึ่ง binaural mic เป็นไมค์ชนิดหนึ่งที่จะมีช่องรับเสียงสองช่องโดยเป็นอาการออกแบบตามหลักการ ได้ยินของหูมนุษย์ครับ ข้อดีของการใช้ไมค์ชนิดนี้ในการอัด จะทำให้ได้มิติของเสียงที่เป็นธรรมชาติมากๆครับ ระยะใกล้ๆจะมีความสมจริงที่สุด ข้อเสียคือจะยุ่งยากในการอัดและ control เรื่องเสียงใน system ได้ลำบากทำให้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักครับ แต่ที่ผมลอง ER4B รู้สึกว่าเสียงจะโดนจูนไปจนจัดจ้านกว่า ER4P ธรรมดาอีกครับ



มาว่ากันที่ตัว ER4P บ้าง


ตัว ER4P จะมาพร้อมกับจุกยางแบบ Triple Frange หรือจุกยางแบบ 3 ชั้นนั่นเองครับ จุกยางแบบนี้จะให้เสียงที่เหมาะกับ ER4P ที่สุดครับ แต่ใส่ใหม่ๆจะเจ็บมากๆ เพราะต้องยัดลึกๆ ถ้ายัดไม่ลึกเสียงก็จะแห้ง เบสก็จะหายครับทำให้เจ็บพอสมควร แถมตอนถอดออกมายังไปช้อนงัดแงะเอาสิ่งที่อยู่ภายในหูเราออกมาอีก เรียกว่าทำงานได้ดีกว่าไม้แคะหูเยอะเลยครับ ใครเบื่อๆที่หาคนแคะหูให้ไม่ได้ก็ลองใช้ Triple Frange นี่แหละครับ

ตัว Housing อาจจะดูตลกหน่อยสำหรับมือใหม่นะครับ เพราะรูปทรงมันจะเหมือนปืนเลเซอร์ในการ์ตูนเลยทีเดียว แต่คุณภาพงานไม่การ์ตูนนะครับ เพราะเนื้อพลาสติกเป็นแบบแข็งคุณภาพดีและแข็งแรง แม้ผมจะเคยได้ยินข่าวว่ามีคนทำให้ตรง Housing มันแตกได้ แต่ก็น่าจะเกิดจากที่พี่คนนั้นแกเล่นกล้ามมาก่อน แรงเลยเยอะมหาศาลจนทำให้มันแตกได้ เพราะส่วนใหญ่ผมไม่เจอใครบ่นเรื่องนี้เลยครับ ส่วนตัวสายก็ดูแข็งแรงใช้ได้ ยังไม่เคยได้ยินเรื่องสายแตกสายขาดจากการใช้งานทั่วไปเลยครับ ดังนั้นเชื่อได้ว่าคุณภาพต้องดีแน่นอน






มาว่ากันที่เรื่องของเสียบ้าง


โดยรวมของ ER4P จะค่อนข้างจัดจ้านเอามากๆครับ เสียงจะออกแสบๆแห้งๆนิดๆ แตกต่างกับของ ER6i ตรงที่ความแสบแห้งนี่แหละครับ เพราะ ER6i จะให้เสียงที่ฉ่ำกว่าและเป็นธรรมชาติกว่านิดนึงแต่เบสสู้ ER4P ไม่ได้เลย ER4P ให้เบสที่ Impact กว่า Er6i มากๆ แต่ขนาดของเบสค่อนข้างเล็กไปหน่อย เป็นเบสที่เล็กแต่แน่นและไม่มี Deep Bass เท่าไหร่นัก ยังดีที่ Middle Bass ยังโอเคอยู่ เวลามีเพลงที่เดินเบสต่อเนื่องก็ยังให้อารมณ์ในการฟังได้ดีครับ


การแยกชิ้นดนตรีของ ER4P มีเอกลัษณ์ไม่เหมือนใครเลยครับ เพราะทุกชิ้นดนตรี ทุกๆ image แม้แต่เสียงร้อง จะถูกบีบ Focus ให้เล็กลงมา เรียกว่าเล็กกว่าที่หูฟังทั่วๆไปจะทำกันอีกครับ ทำให้มีพื้นที่ว่าง ( Space of Soundstage ) จากการที่ตำแหน่งดนตรีถูกบีบลงไปมาก เลยเกิดความรู้สึกที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า “ สะอาด ” ครับ ถ้าเกิดไปถามคนที่เคยฟัง Etymotic จะต้องได้ยินเค้าบอกเหมือนกันว่า เสียงออกสะอาดๆ และที่มันสะอาดก็เพราะว่าชิ้นดนตรีถูกแยกจนไม่มารบกวนกันทำให้ไม่รู้สึกว่า มันรกแต่อย่างใดครับ แม้แต่เสียงร้องยังถูกบีบจนเล็กเลยครับ ข้อดีคือทำให้สามารถได้ยินเสียงดนตรีทุกชิ้นได้จนครบและจับเสียงได้ง่าย แม้หูฟังตัวนี้จะไม่ได้ให้ soundstage กว้างมากนัก และเสียงกลางก็ไม่ได้ลึกมากมาย แถมยังให้ลักษณะ Soundstage เป็นรูปวงกลมด้วยซ้ำ แต่เสียงก็ไม่กวนกันเลย และยังรับรู้ถึงการมีอยู่แต่ละชิ้นดนตรีได้ด้วย ข้อเสียคือ image มันเล็กจนเกินไปครับ ฟังแล้วรู้สึกเหมือนไม่ได้กำลังฟังเพลง เหมือนกำลังทำงานแยกเสียงแต่ละชิ้นอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าความเป็นดนตรีต่ำครับ แต่บางคนก็ชอบแบบนี้นะ

เสียงร้องจะค่อนข้างแห้งแหลมและเล็กครับ ไม่ค่อยมีความอิ่มเหมือนกับหูฟัง IEM ยี่ห้ออื่นเท่าไหร่ แต่ก็อย่างที่บอกครับ การแยก image ของแต่ละย่านตัวนี้จะทำได้ดี ดังนั้นเสียงร้องจึงค่อนข้างชัด และถ้าเกิดมีการร้อง Duet เมื่อไหร่ ตัวนี้จะแยกเสียงร้องคู่ได้ดีเอามากๆครับ

ในส่วนของเสียงย่านกลาง นั้นกลับทำได้ไม่ดีนักครับ กลองกลายสภาพเป็นกลองที่ขาดน้ำหนัก จังหวะการลงกลองดูเหมือนคนไม่มีแรงตีเอาซะเลยครับ ถึงแม้จะมีการแย่งแยกตำแหน่งที่ชัดเจนแต่กลองขาดน้ำหนักแบบนี้ก็ไม่ไหวล่ะ ครับ แต่ถ้าฟังแจ๊สที่เน้นกลองนุ่มๆ ตัวนี้ก็พอถูไถไปได้ครับ

สำหรับ เสียงสูงนั้น ตัวนี้ทำออกมาได้ดีทีเดียวครับ dynamic เสียงสูงค่อนข้างสัมผัสได้ชัดเจน เสียงไลน์กีต้าร์ก็ได้ยินชัดและสามารถสัมผัสแต่ละเส้นได้ดีพอสมควร ปลายสูงค่อนข้างพลิ้วและลากได้ขึ้นถึงเกือบสุดครับ แต่ก็เป็นเสียงสูงที่ออกแห้งๆและจัดจ้านไปนิด เสียงยังไม่จัดเท่ากับหูฟังอย่าง Grado Ms-Pro และ Rs-1 แต่ผมก็รู้สึกว่ามันแสบๆนิดๆเหมือนกันครับ


โดยสรุปแล้ว เป็นหูฟังที่ค่อนข้างเหมาะกับคนที่ชอบสไตล์เสียงที่สะอาด ให้ชิ้นดนตรีที่ชัด ไม่เน้นว่าต้องเล็กหรือใหญ่ และให้การแยกชิ้นดนตรีที่ดี ถ้าไม่ติดที่ว่าเสียงกลางแห้งไปหน่อย ก็ถือว่าเป็นหูฟังที่ดีมากๆอีกรุ่นเลยทีเดียวครับ






spec
===
Frequency response: 20 Hz to 16 kHz ±4 dB
Acoustic polarity: + electrical = + acoustic
Transducer type: dynamic
1 kHz sensitivity (ER•4B/ER•4S): 108 dB SPL for a 1.0 volt input
1 kHz sensitivity (ER•4P): 108 dB SPL for a .25v input
Impedance (ER•4B/ER•4S): 100 Ohms nominal
Impedance (ER•4P): 27 Ohms nominal
Maximum output: 122 dB SPL
Maximum continuous input (ER•4B/ER•4S): 3.0 Vrms
Maximum continuous input (ER•4P): .75 Vrms
Weight: less than 1 oz.

ไม่มีความคิดเห็น: