เป็นหูฟังที่หลายๆคนจับตามองตั้งแต่ยังไม่วางตลาดเริ่มมีข่าวด้วยซ้ำ เพราะถือเป็นหูฟังตัวแรกที่กล้าและแหวก Design ด้วยรูปแบบความสามารถแบบใหม่ของ In-ear ที่สามารถปรับเพิ่มเบสได้ที่ตัวหูฟังด้วยการบิดปรับที่ปุ่มตรง Housing โดยตรง ทำให้หลายๆคนคาดหวังเรื่องพลังเบสที่ได้ย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่นอน แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีเข้ามาให้ลองฟังซักตัว เพราะด้วยราคาที่ค่อนข้างแพงทำให้ทางตัวแทนจำหน่ายในไทยเกิดความลังเลที่จะเอาตัวนี้มาลองลุยตลาด แต่ในท้ายที่สุดผมก็ได้มันมาทดสอบจนได้ซึ่งก็ต้องขอบคุณทาง Zeazonmall ที่ยอมให้เอามาดองอยู่หลายวันทีเดียว
หลังจากได้หูฟังตัวนี้มาหลายวันผมก็เพิ่งจะได้มีโอกาสจับมา review แถมยังใช้เวลาคลุกคลีตีโมงกับมันอยู่พักใหญ่ๆด้วยซ้ำครับ แต่ด้วยความที่มิติมันแปลกๆหูไปซักหน่อย ทำให้ไม่ค่อยกล้า review ในทันทีก็เลยต้องนั่งฟังกันอยู่นานพอสมควรครับ และอีกอย่างคือผมไม่ค่อยว่างที่จะพิมพ์ด้วย พอปลีกเวลามาได้ก็เลยลง review ซะเลย เอาเป็นว่ารีบๆเริ่มกันดีกว่าครับ อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย ยังมีหูฟังอีกตัวที่เอาของเค้ามาดองต้องรีบ review เหมือนกัน :D
ว่ากันที่ภายนอก
ว่ากันที่ภายนอก
ครั้งแรกที่เห็นกล่องผมค่อนข้างประทับใจมากที่เดียว กล่องมันดูอลังการใช้ได้เลย งาน design ให้อารมณ์ระหว่างความเป็น Professional และความหรูหราแบบเคร่งขรึม ตัวกล่องเป็นพลาสติกผสมกระดาษ พอเปิดฝาออกมาจะเจอตัวหูฟังพันอยู่กับก้านเก็บหูฟัง และที่ตัวก้านจะมีจุกโชว์ให้ดูทั้งหมด 4 ชุด ซึ่งจะเป็นจุกแบบต่างๆที่ไม่ได้วางเป็นคู่ๆกัน แต่วางเป็นแบบเดี่ยวๆ 4 อัน ซึ่งจุกที่เหลือจะไปอยู่ที่ชั้นสองของกล่อง โดยที่ตัวชั้น 2 จะเป็น CASE สำหรับเอาก้านที่ว่าใส่เข้าไปอีกที เป็น CASE ที่ดูดีมาก แต่กล่องเปิดได้ยุ่งยากและลำบากมาก ผมว่ากล่อง Shure เปิดสบายกว่าและดูหรูหราเหมือนกันเลย
ใน SET จะมีจุกแปลกๆแถมมาด้วย เป็นจุกที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน รูปร่าง Design ได้แปลกตาน่าสนใจมาก แต่ขอโทษเถอะครับ พอลองเอาเปลี่ยนมาใช้แล้วปรากฏว่า ทำให้เสียงไม่เข้าท่ามากๆ ไม่รู้ว่าจะแถมมาให้ใช้ทำไม ส่วนตัวจุกอื่นๆผมว่าโอเคเลยทีเดียวโดยเฉพาะจุกที่คล้ายๆเป็นจุกโฟมดำ แต่เนื้อจะแข็งกว่าจุกโฟมดำของ Shure ตัวจุกนั้นค่อนข้างเซอร์ไพร์สผมเอามากๆเลยทีเดียว เพราะธรรมชาติของจุกโฟมชอบทำให้เสียงขุ่นลง แต่ตัวจุกนี้กลับทำให้เสียงเปิดมากขึ้น focus ดีชึ้น soundstage ดีขึ้นและเบสดีขึ้น หัวโน้ตชัดเจนขึ้น และใส่กระชับกว่าจุกที่ติดมากับหูฟังครับ คนรูหูเล็กอาจจะไม่มีปัญหา แต่ผมมีรูหูที่ค่อนไปทางใหญ่ ทำให้จุกเดิมจะมีปัญหากับหูด้านซ้ายที่ใส่แล้วไม่พอดี แต่พอเปลี่ยนเป็นจุกโฟมก็ไม่มีปัญหาเลยครับ และที่สำคัญกว่านั้น จุก UE สามารถใช้กับหูฟังตัวนี้ได้ด้วย ส่วนผลที่ได้คือ soundstage แคบลง มิติถอยลง เบสมากขึ้น หัวโน้ตชัดขึ้น แต่โดยส่วนตัวผมว่าไม่ค่อยจำเป็นครับ เพราะตัวนี้ปรับเบสเพิ่มได้ ถึงแม้ผมจะไม่เคยปรับเพราะผมคิดว่าเดิมๆก็ดีอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าแฟนพันธุ์แท้พลังเบสน่าจะได้บิดกันเพลินเลยล่ะครับ
ตัวงานหูฟังทำได้สมราคาค่าตัวมากๆ งานเนี๊ยบทุกจุด ตัวข้อที่เชื่อมระหว่าง Housing กับสาย เป็นสีแบบดำขุ่นแต่โปร่งแสง พอจะมองเห็นด้านในขั้วได้บางๆ ซึ่งตรงช่วงข้อต่อกับช่วงตัวรูดเก็บสาย รวมไปถึงแจ๊คก็เป็นวัสดุแบบเดียวกันเลยครับ ส่วนสายเป็นสายค่อนข้างหนาออกมันๆเล็กน้อย สายจะไม่แข็ง หรือไม่นิ่มจนเกินไป ไม่มั่นใจว่าอนาคตมันจะเปื่อยหรือเปล่า แต่ถ้าสายแบบนี้เปื่อยง่ายๆ ผมว่าสายทั่วๆไปใส่ไม่กี่วันคงพังละครับ
ตัวหูฟังน้ำหนักค่อนข้างเบา เลยใส่ได้สบายซึ่งสไตล์การใส่จะเป็นแนบหูคล้ายๆกับพวก Westone , Shure SE530 และตระกูล Custom ทั้งหลาย คือไม่มีส่วนเกินออกมาให้บางคนรู้สึกรำคาญ ถ้าจะใส่แล้วนอนฟังเพลงตอนนอนก็ทำได้สบายมากสามารถใส่แล้วตะแคงนอนได้เลย แต่การใส่ต้องเอาสายคล้องหลังหูเท่านั้น ไม่สามารถใส่แบบไม่คล้องได้ คนที่ไม่ชอบสไตล์สายคล้องอ้อมหูก็ต้องคิดให้ดีก่อนซื้อนะครับ สำหรับคนที่กังวลกลัวว่าถ้าเจอเหงื่อที่หลังหูแล้วสายจะเปื่อยนี่ ไม่ต้องห่วงครับ เพราะใน set จะแถมตัวล๊อคสำหรับวางคล้องหลังหูมาให้ นอกจากจะทำให้สายได้รูปวางคล้องหลังหูได้พอดีแล้ว ยังช่วยกันเหงื่อได้อีกด้วยครับ
ว่ากันที่เรื่องของเสียง
ตัว Sennheiser IE8 เป็นหูฟังที่ให้มิติค่อนข้างแปลกครับ ลักษณะสไตล์เป็นมิติแบบตัว T คือให้ soundstage ที่ช่วงมิติเสียงกลาง หรือ soundstage ด้านลึกได้กว้าง แต่ถ้าเป็น soundstage ช่วง middle line หรือตรง zone ระนาบเดียวกับหูของเรา กลับให้ความรู้สึกว่ามันแคบและใกล้หูเรามากๆ ค่อนข้างจะเป็นกับเพลงตลาดทั่วๆไป ถ้าเป็นพวก Audiophile ที่อัดมาแบบขี้โกงหน่อยก็จะไม่มีปัญหาครับ เพราะมิติเพลงพวกนี้จะถอยออกไปด้านหลังหัวเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นพวกเพลงพื้นฐานก็เป็นเหมือนที่ผมว่ามาในข้างต้น มิติของ IE8 จะเริ่มตั้งแต่แนวช่วงบนหัว จนไปสุดที่ด้านหลังหัวเลยครับ การสร้างมิติค่อนข้างเป็น 3 มิติครับ มีความลึกมีความตื้นของตำแหน่งดนตรีที่ชัดเจน
การแยกชิ้นดนตรีจัดอยู่ระดับที่เรียกได้ว่าดีทีเดียว แยกได้ค่อนข้างขาด แม้จะแพ้ UE700 อยู่ซักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันมากนัก แต่สาเหตุที่แยกชิ้นดนตรีสู้ UE700 ไม่ได้ เพราะ image ของ IE8 ค่อนข้างใหญ่ แถมยังมีเบสที่ค่อนข้างเยอะ อีกทั้ง soundstage ของ UE700 จะทำได้ดีกว่า IE8 ทำให้การแยกชิ้นดนตรีของทาง UE700 เลยดีกว่านิดหน่อย แต่เสียงโดยรวมของ IE8 จะนุ่มนวลกว่า
ถ้าดูจากรูปลักษณ์ภายนอกและรูปแบบงาน Design ที่มีการปรับแต่งเบสที่ตัวหูฟังได้ ทำให้ผมจินตนาการเอาเองตั้งแต่แรกเห็นว่า มันต้องอุดมไปด้วยเบสมหาศาลแน่ๆ และหูฟังที่เบสเยอะๆมักจะขาดเสียงย่านสูง เพราะโดนเบสกลบหมด แต่ Sennheiser IE8 กลับให้เสียงแหลมที่ชัดเจนและค่อนข้างน่าประทับใจ เรียกว่าหยิบมาฟังครั้งแรก เสียงสูงค่อนข้างเด่นนำออกมาก่อนเลยทีเดียว แต่ detail ของย่านสูงก็ไม่ได้ละเอียดยิบเหมือนพวก Ue700 และ UE Triple.fi 10 pro นะครับ อย่างน้อยๆ Driver มันก็เป็นแค่ Dynamic แถม Driver เดียวด้วย จะไปสู้พวก B-Armature ที่แยกลำโพงนี่คงจะยากครับ แต่ก็ถือว่าให้เสียงย่านสูงที่ดี ทั้งใสและเคลียร์ดีครับ
ไลน์กีต้าร์ที่ผมชัดๆที่ผมเคยชื่นชอบเอามากๆใน MX90VC ก็เหมือนจะกลับมาบ้างใน IE8 แต่ก็ยังให้ได้ไม่เท่า MX90VC ครับ มันจะด้อยกว่านิดหน่อย เพราะกีต้าร์ของ IE8 จะไม่คมเท่า แต่ให้หัวโน้ตที่ชัดอยู่ เวลากรีดสายกีต้าร์รู้สึกถึงน้ำหนักสายได้ดี แต่จะไม่รู้สึกถึงรายละเอียดเป็นเส้นๆได้เท่า MX90VC เสียงพวกไฮแฮทนี่จะชัดเจนดีมาก แต่การแยกระหว่างไฮแฮทกับพวกแฉจะค่อนข้างแปลกนิดหน่อย เพราะน้ำหนักเสียงจะใกล้เคียงกันมาก และในบางเพลงเสียงของแฉจะค่อนข้างบางไปหน่อย
เสียงย่านสูงจะเป็นแหลมแบบไม่หวาน และไม่เย็น แถมยังให้ signature ย่านสูงคล้ายๆกับพวก B-Armature บางตัวด้วย เสียงเลยจะค่อนข้างแข็งซักหน่อย และการให้ปลายสีทอดตัวได้ดีแม้จะไม่พริ้วและพุ่งไปจนสุดก็ตาม
เสียงกลางค่อนข้างเด่นและให้มวลที่ดี เสียงกลองให้น้ำหนักได้ดีมากๆ เวลาลงกลองรู้สึกได้ถึงความกระแทกกระทั้นที่ดี และมีหัวโน้ตที่ชัดเจน จังหวะการไล่ step ไปในกลองแต่ละลูกมีความชัดเจนดีมาก แต่การไล่เสียงของกลองแต่ละลูกยังกลมกลืนกันเกินไปหน่อย แม้กระทั่งเสียงสแนร์ก็ให้น้ำหนักเสียงใกล้เคียงกับทอมไปด้วย
ส่วนเสียงร้องทำได้ชัดเจนดีมาก มีมวลและเนื้อที่ดี และให้ความเป็นมิติแบบ 3 มิติที่ดีมาก ไม่แบนเป็นหน้ากระดานให้ฟังแล้วหงุดหงิด แต่น่าแปลกคือ น้ำเสียงบางเพลงจะไม่เปิดเท่าไหร่ เสียงเหมือนจะอุดอู้เล็กน้อย แต่บางเพลงที่จัดจ้านอยู่แล้วจะไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ จะมีปัญหาแค่กับเพลงที่ไม่ได้ mix เสียงกลางให้ออกจัดจ้าน โดยเฉพาะเพลงไทยทั่วๆไป ส่วนเพลงอย่าง Audiophile นี่ไม่มีปัญหาเลยครับ ตำแหน่ง image ของเสียงร้องค่อนข้างเข้ามาใกล้เรามากๆ บางเพลงนี่มาอยู่ช่วงติดหลังหัวพอดี เห็นบางคนชอบการวาง image แบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่ผมจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะจะอึดอัดเหมือนกับมีคนมากอดคอด้านหลังแล้วร้องเพลงอยู่ตรงหัว ถ้าเป็นนักร้องหญิงนี่ไม่เป็นไร แต่นักร้องชายนี่จะรู้สึกหวิวๆเป็นสยองเล็กน้อย
เสียงเบสนี่ไม่ต้องห่วงอยู่แล้วครับ ย่านต่ำเรียกว่าเป็นของตายของ IE8 เลยทีเดียว ถ้าใครฟังแล้วบอกว่าเบสน้อยให้รีบไปเช็คหูฟังทันที ถ้าหูฟังไม่พังก็แสดงว่าหูเราพังแน่นอนครับ เพราะเป็นหูฟังที่ให้พลังเบสที่มหาศาล แต่เบสจะไม่ครางเหมือน Monster Turbine นะครับ เบสเยอะ หัวโน้ตชัด แต่ว่าเบสแน่นและให้ย่านเสียงค่อนข้างครบดีมาก มีทั้ง Upper , Middle และ Deep และจะค่อนข้างเด่นที่ช่วง Upper กับ Middle เบสเป็นพิเศษครับ โดยเฉพาะส่วนของ Middle เบสที่ให้เนื้อเบสได้ชัดเจนมากๆ ใกล้เคียงกับที่ SE530 ทำได้เลยทีเดียว แต่ความไหลลื่นของ Melody ในส่วนเบสยังสู้ SE530 ไม่ได้เท่านั้นเอง
เบสของของ IE8 ไม่ได้ให้มวลเยอะอย่างที่คิดเลยครับ เบสจัดได้ว่ากระชับได้รูปดีมาก ไม่มีอาการเบสล้นหรือบวมให้รู้สึกรำคาญเลย แต่ส่วนนึงอาจจะเพราะผมไม่ได้ไปปรับเพื่อ Boost เบสที่ตัวหูฟังด้วย เห็นเฮียเก้ง Zeazonmall บอกว่าอย่าไปปรับ ปรับแล้วจะไม่เข้าท่า ผมก็เลยไม่ไปยุ่งใดๆ ถ้าใครรู้สึกว่าเบสยังน้อยไปอีกก็ลองปรับดูได้ครับ แต่ผมว่า เดิมๆนี่ก็แทบแย่แล้วครับ ถ้าปรับเพิ่มกว่านี้สงสัยจะบวมไปกันใหญ่
การเดินไลน์เบสทำได้ชัดเจนดีมากครับ บางเพลงที่อัดมาชัดๆหรือพวกตระกูล Audiophile ที่ไม่ได้ให้เบสเป็นเพียงตัวประกอบอยู่เบื้องหลัง จะได้ยินสายเบสชัดมาก ยิ่งเพลงที่ใช้ Double Bass ประกอบจะรู้สึกถึงน้ำหนักของสายเบสแต่ละเส้นได้ค่อนข้างชัดเจน ดังนั้นถ้าใครรักชอบเบสแต่ไม่ชอบเบสบวมๆ ตัว IE8 ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
โดยรวมถือว่า IE8 ทำได้ค่อนข้างดีกว่าที่คิดเลยทีเดียว โดยเฉพาะการแยกชิ้นดนตรีที่ทำได้ดีจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นหูฟัง Dynamic แบบ driver เดียว และเสียงเบสที่แม้จะเยอะ แต่ไม่กวนย่านใดๆเลย แถมไม่มีอาการครางหรือบวมด้วย กล่องใส่เองก็อลังการมากๆ แต่ก็ทำให้ลำบากทุกทีที่เก็บหูฟัง งานหูฟังก็เรียบร้อยและเนี้ยบตามสไตล์ Sennheiser ที่ปรกติก็เก็บงานได้ดีอยู่แล้ว รวมทั้งการเลือกใช้วัสดุที่ทำให้หูฟังดูดีขึ้นเยอะมาก แต่ข้อเสียคือ Case ใส่สำหรับพกพาของ IE8 ดันออกแบบมาให้พกพาได้ลำบากกว่าเดิม ถ้าจะใส่พกไปไหนมาไหนจริงๆน่าจะต้องเอาถุงกำมะหยี่หุ้มซ้ำอีกทีนึงด้วย หรือไม่ก็หาแผ่นกันรอยมาติดรอบๆ เพราะมันดูแล้วจะได้รอยจากการพกพาได้ง่ายพอสมควร ไม่เหมือน Case ของ Shure หรือ Westone ที่พกสะดวกสบายไม่ต้องกังวลใดๆ แต่ผมก็ชอบงานออกแบบที่ดึงช่องหูฟังเป็นแบบลิ้นชักตามสไตล์ของ Sennheiser อยู่ดี เป็นงาน Design ที่กล้าและเจ๋งจนน่าชมเชยเลยทีเดียว
SPEC
Frequency response : 10 Hz – 20 kHz
Impedance : 16 ohm
THD, total harmonic distortion : <0.1%
Sound pressure level (SPL) : 125 dB (1 kHz, 1 Vrms)
Attenuation (passive) : up to 26 dB (95%)
Connector : 3.5 mm, angled
Ear coupling : intra-aural (ear-canal fit)
Transducer principle : dynamic
Weight : 5 g
22 ความคิดเห็น:
ถ้าเทียบกับ Monster Turbine แล้วเบสต่างกันมั้ยครับ
ตัวไหนดีกว่าครับ
คนละสไตล์นะครับ
ถ้าว่ากันตามตรง เบสของ IE8 จะแข็งกว่า Turbine นะครับ เพราะ Turbine จะให้ deep เบส ที่เยอะกว่า ปริมาณล้นกว่าว่างั้น จริงๆถ้าไม่ซีเรียสก็ซื้อ turbine ได้ครับ ถูกกว่าอีก แนวเสียงคล้ายๆ แต่หลายๆอย่างก็คงสู้ไม่ได้ เพราะราคาห่างกันเยอะ ถ้าพูดถึงภาพรวมตัว IE8 ก็จะดีกว่านิดหน่อยครับ แต่พวกย่านสูง ผมให้ Turbine ดีกว่าครับ รวมไปถึงปริมาณเบสด้วย
แต่คุณภาพเบส ตัว IE8 ทำได้ดีก่าครับ
ในราคา 12,900 พี่ว่ามันคุ้มมั๊ยครับกับเงินที่เราเสียไป แล้วถ้าเทียบกับ Se530 ในระดับราคาที่ใกล้เคียงกันตัวไหนคุ้มกว่าครับ
ผมชอบฟังเพลงแนว pop - pop rock, hard core ก็มีบ้างครับ
แนะนำทีครับ เพราะราคาค่อนข้างสูง
ต้องถามใจตัวเองก่อนครับว่า ชอบเบสแบบไหน สไตล์แบบ Stage Monitor ที่ออกแข็งๆ พุ่งๆ หรือ ชอบเบสแบบไลน์เบสนิ่มๆ เดินเบสไหลลื่น เพราะถ้าชอบเบสแบบแข็งๆ ก็คงต้อง IE8 ครับ แต่ถ้าชอบเบสไหลลื่น ยังไงก็ต้อง SE530 ครับ
แต่โดยรวมผมให้ SE530 คุ้มกว่าด้วยราคาต่อเสียงที่ได้ครับ ส่วน IE8 ในราคานั้นยังคงต้องคิดดูก่อนครับ
พี่ครับ แล้วผมจะเลือกอะไรดีครับ ระหว่าง IE 8 กับ Turbine อ่ะครับ
เพราะส่วนตัวผมมี TF10 กับ 530 อยู่แล้ว(ตัวสีทอง PTH )
อยากได้เอามาฟัง เบสบ้างครับพวกร็อคหนักๆ Hip hop ประมาณนั้นครับโดยส่วนตัวชอบ Bass ที่มี อิมแพคดีๆหน่อยครับ เน้นทางนุ่ม Deep มวลเบสเยอะ แต่ไม่บวมอ่ะครับ
ช่วยแนะนำหน่อยสิครับ
ถ้าชอบมวลเบสเยอะๆ Turbine น่าจะดีกว่าครับ แต่เห็นว่าเสียงตัว Turbine Pro จะลงตัวกว่า Turbine ธรรมดา ยกเว้นว่าต้องการมวลจริงๆ Turbine ธรรมดาเยอะสุดครับ ประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย :D
ขอบคุณ พี่ G 7 มากเลยนะครับ
ผมซื้อหูเกือบทุกตัว เพราะรีวิวของพี่ครับ
เป็นแฟน ประจำมานานแล้วครับ
จนตอนนี้มี 530 กับ Tf 10 แล้วครับ
กำลังหาหู ที่ไม่เรื่องมากใส่ง่าย ฟัง Format ไหนก็ได้ เลยมองๆ Turbine กับ IE 8 ไว้เนี่ยล่ะครับ
ขอบคุณมากนะครับสำหรับบทความดีๆ หวังว่าคงมีโอกาสได้ช่วยเหลือพี่ บ้างนะครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
ขอบคุณมากครับ :D เพิ่งรู้ว่ามีคนติดตามด้วย หวังว่าจะได้เจอหูฟังที่ถูกใจไปเรื่อยๆนะครับ
รบกวนด้วยครับ
ตอนนี้อยู่ในช่วงลังเลมาก
ระหว่างตัวนี้ กับTriple.fi 10 proหรือ um 3
ช่วยกรุณา
เปรียบเทียบให้ด้วยครับ
ตัวผมนั้นฟังเพลงแทบทุกแนวครับตัวไหยคุ้มสุด
ขอบคุณครับ
ถ้าให้พูดถึงความเป็น Overall จริงๆ ตัว Triple.fi 10 pro น่าจะได้เปรียบที่สุดครับ แม้เสียงจะจัดจ้านกว่าเพื่อน แต่ให้ทุกอย่างได้ครบถ้วน
ส่วน UM3X ยังขาด detail ย่านสูงอยู่ แต่ให้กลางดี soundstage ดี มิติดี และแยกชิ้นดนตรีได้ดีครับ เบสก็กำลังดี เด่นเรื่องเสียงกลอง
ส่วน IE8 จะเด่นเรื่องเบส กับกลางครับ เสียงแหลมจะชัดกว่า UM3X แต่คุณภาพสู้ Triple.fi 10 pro ไม่ได้ และแยกชิ้นดนตรีสู้ UM3X ไม่ได้ แต่โดยรวมก็ถือว่าดี
โดยสรุปรวม ผมว่า ลองดู Triple.fi 10 pro ดีกว่าครับ :)
ขอบคุณมากครับ
สงสัยงานนี้ต้องกันฟัน
เอามาเป็นเจ้าของสะแล้ว
คือผม มี turbine แล้ว และก็ชอบพอตัวนะ แต่ว่าผมดันทำสายขาด เลยได้ตัดสินใจซื้อ IE8 แล้ว แต่ผมรู้สึกไปเองรึเปล่าก็ไม่ทราบคือ เบสมันน้อยกว่าตัว turbine อีกอ่ะผมว่า
แล้วก็ จุกโฟม ใส่ยากอะ หรือว่าผมใส่ไม่เป็นเอง บีบก็บีบแล้วนะก่อนใส่...แล้วอยากถามหน่อยคับ แบบไหนกันเสียงได้ดีกว่ากัน แล้วมันทำจุ๊กเป็นสามชั้น(turbine)เพื่ออะไรคับ
แล้วสรุป มันดีป่ะเนี่ย ตัว ie8 แต่ว่า ผมเบินไม่ถึง200 ชั่วโมง มันจะเกี่ยวมั้ยคับ
แล้วก็ เหมือนจะรู้สึกไปเองว่า ตำแหน่งเครื่องดนตรีของ turbine จะชัดเจนกว่า มันใช่มั้ยคับ
แล้วก็ เจ้าหูฟัง grado sr60i (ใช้ฟังที่บ้าน) รู้สึกว่ามันจะฟัง ได้ ดีกว่าตัว ie8 รึเปล่าคับหรือว่าผมหูไม่ดี พอ... ช่วยตอบด้วยคับ ขอบคุณมากคับ
ซื้อ IE8 ที่ไหนมาครับ ประกันศูนย์ไทยหรือเปล่าครับ
จริงๆเบสของ turbine มันเยอะกว่าอยู่แล้วครับ แต่เบส IE8 จะแน่นกว่าครับ ส่วนจุกโฟมไม่ต้องบีบครับ ใส่ไปทั้งอย่างนั้นเลยดีกว่า แต่ผมว่าจุกซีลีโคนดีกว่าครับ
เรื่อง Sr60i ฟังแล้วรู้สึกดีกว่าก็ไม่แปลก แสดงว่าคุณไม่ชอบ signature ของ IE8 แล้วล่ะครับ น่าซื้อ Triple.fi 10 pro มาใช้มากกว่าครับ
ท่านครับ งั้นถามแบบซื้อๆหน่อยนะครับ
tf10 , tf10 pro , ue 700
ถ้าต้องเลือกเอาตัวเดียวแล้วมาฟังเพลงคลาสสิก เพลงบรรเลง เนี่ยช่วยแนะนำได้ไหมครับ
หรือว่าผมควรเล่น se 530 ไปเลยครับ
พูดยากครับ
ถ้าชอบเสียงสนุกๆหน่อย TF10pro ดีกว่าครับ
ถ้าชอบเบสแบบโมเลดี้เป็นหลัก ก็ต้อง SE530 ครับ
ถ้าไม่เน้นด้านใดแต่ชอบโปร่งๆ โล่งๆ แยกชิ้นดนตรีดีๆ ก็ต้อง UE700 ครับ
แต่ในบรรดาทั้ง 3 ตัว SE530 กับ UE700 ใส่สบายที่สุดครับ
แต่โดยส่วนตัวผมเชียร์ Triple.fi 10 pro :D 55
ถ้าผมชอบเพลงแนว popกับร็อกอะครับผมควรซื้อ
แบบไหนดี
ผมมีงบแค2000-2500ครับ
แล้วเวลาไปซื้อต้องถามว่าประกันยังไงครับ
เช่นประกันที่สายอะไรยังงี้อะ
ผมเห็นรุ่นของsonyเป็นกล่องสีดำครับเป็นแบบin-earแต่มีที่หนีบหูด้วยคับพอรู้จักปะครับแล้วดีไหม(ถ้ารู้จัก)
นาทีนี้มีสองตัวครับ
Maximo 590 กับ
Audio-Technica CKM-55 ครับ
คู่นี้ประกันปีนึงครับ แต่ Maximo น่าจะประกันเรื่องสายด้วย ส่วน ATH ประกันเฉพาะ Driver ครับ
sony มันกล่องดำเกือบหมดแล้วละครับ คงต้องระบุรุ่นหน่อยน่ะครับ :)
ก่อนอื่นต้องบอกว่าgoogleหารีวิวหูฟังภาษาไทยอยู่นานจนมาเจอblogนี้ เพราะว่าอยากลองอ่านความเห็นคนไทยบ้าง เท่าที่ลองอ่านดูก็รีวิวได้ดีค่ะ แต่อยากให้เพิ่มพวกgraph frequency response หรือ distortion ด้วยน่ะค่ะถ้าเป็นไปได้ เพราะการอธิบายหลายๆตอนสามารถอธิบายได้ด้วยกราฟ และสำหรับดิฉันมันดูจะเห็นภาพมากกว่า (อาจจะเป็นเพราะความคุ้นเคยส่วนตัว) ถึงยังไงก็จะติดตามblogนี้ต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
เว็บขายหูฟังตามลิงค์ข้างล่างนี้ ใช้รีวิวของคุณ G-7แบบทั้งดุ้น แล้วไม่เห็นให้เครดิตอ้างถึงอะไรเลย แย่จัีง
http://www.sanookgadget.com/article?id=60675&
lang=th
ขอบคุณคร๊าบสำหรับกำลังใจ
แต่เรื่องกราฟ ทั้ง FR และ Distortion นี่ หูฟังบางตัวมันก็หาไม่ได้น่ะครับ และติดเรื่องลิขสิทธิ์ด้วยครับ เพราะบางอันเค้าวัดเอาเอง ก็เลยไม่กล้าเอามาลงครับ
แต่พวก Graph ปรกติงาน review เค้าจะไม่ค่อยเอามาลงกันเพราะคนที่เล่นกันจริงๆเค้าจะรู้ว่า Graph มันไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับเสียงที่ได้ยินจริงๆน่ะครับ ส่วนใหญ่เลยไม่นิยมครับ พวกเล่นหูฟังโดยมากจะมองข้ามค่า FR ด้วยซ้ำครับ เน้นฟังเอามากกว่า
ยังไงก็ขอบคุณเรื่องที่เสนอเข้ามานะครับ ผมกำลังหาวิธี review ให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้นอยู่ แต่ขอเวลาว่างๆนิดนึงครับ
ส่วนเรื่อง sanookgadget นี่ พอดีผมสนิทกับเจ้าของ web น่ะครับ เลยให้ลงได้เต็มที่ไม่มีปัญหา :D
ขอบคุณที่คอยตรวจตราให้ครับผม เจออีกก็แจ้งมาได้เลยครับ
เห็นพูดถึง Maximo 590 กับ CKM-55 เลยนึกขึ้นได้ครับ สงสัยว่าสองตัวนี้จุดเด่นจุดด้อยเป็นยังไงบ้างครับ ถ้าเอามาเทียบกัน และถ้าเทียบกับ UE จะอยู่ช่วงไหนอะครับ ประมาณ Super.fi 4 รึเปล่าครับ เคยอ่านรีวิว Maximo แล้วรู้สึกว่าค่อนข้างคุ้มเลยทีเดียว
แล้วก็ตอนนี้ผมมีแผนจะถอย Triple.fi 10 อะครับ ไปหาลองมาแล้วติดใจมากๆ (แต่ก็แอบอยากให้บางเพลงเสียงหวานกว่าที่ฟังหน่อย) เพราะผมพวกฟังไปเรื่อยแทบทุกแนว และก็ไม่ค่อยรับประทานเบสเท่าไหร่ แต่อ่านรีวิว UM2 แล้วเริ่มเขวๆ ไปทาง Westone เพราะเรื่องความหวานนี่แหละครับ คืออยากให้ช่วยขยายความความหวานหน่อยอะครับ เพื่อความเคลียร์ แล้วก็ความขุ่นด้วยครับ
แล้วก็สุดท้ายครับ อยากถามเรื่อง soundstage ของ TF10 กับ UM3 อะครับ (ถ้าชกกันฝ่าย Westone ก็ต้องรุ่นนี้ใช่มั้ยครับ)
ป.ล. ไม่ค่อยเกี่ยวกับ IE8 เลย แต่ก็รบกวนด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น