วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Review ลำโพงที่ใกล้เคียงความเป็น hi-end ในระดับราคาบ้านๆ





บางคนอาจจะไม่คุ้นชื่อของ Microlab เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นคนที่ใช้ลำโพงคอมมานานจะรู้จักชื่อนี้กันดี เพราะ Microlab เป็นลำโพงจากประเทศจีนที่ได้ชื่อว่า คุ้มค่าเกินราคา เนื่องจากรุ่นถูกๆก็ให้เสียงที่ดีทีเดียว โดยเฉพาะรุ่นยอดฮิตอย่างตระกูล X3 ที่หลายๆคนถามหากัน เพราะให้เสียงที่ดี กำลังขับสูง แถมยังเปลี่ยนสายเล่นได้อีกด้วย ที่สำคัญ ราคาไม่แพง หลายๆคนเลยชอบรุ่นนี้กันเยอะ

เห็นว่ามาจากจีนแบบนี้ แต่ Microlab ก็ไม่ใช้บริษัทผลิตลำโพงธรรมดานะครับ เพราะหัวหน้าวิศวกรการผลิตลำโพงของ Microlab ก็คือ Peter Larsen ผู้ที่ออกแบบดอกลำโพงให้กับ VIFA , Scan-speak และ Dynaudio ครับ ดังนั้นดอกลำโพงของ Microlab ทุกตัวย่อมไม่ธรรมดาแน่นอนครับ


พอดีช่วงนี้เห็นคนมาถามหาลำโพงใช้กับเครื่องคอมกันหลายคน ผมก็เลยเกิดความสนใจที่จะลองจับลำโพงคอมมา review ดูบ้าง จริงๆเรื่องของเรื่องมันเกิดจากกระแสลำโพง Microlab ตัว SOLO นี่แหละครับ คือผมเห็นหลายๆคนซื้อมาใช้แล้วติดใจกันก็เลยสนใจว่ามันเป็นลำโพงแบบไหนคนถึงได้ชอบ ผมเลยลองติดต่อไปทางตัวแทนจำหน่ายดูเผื่อจะได้ตัว SOLO มาลอง test ฟังเล่นๆ ปรากฏว่า ลองไปลองมา ผมดันไปถูกใจตัวอื่นมากกว่าครับ เพราะด้วย Design และคุณภาพเสียงที่ผมรู้สึกว่า มันเหมาะกับการฟังเพลงมากกว่าตัว SOLO เยอะเลยครับ พูดง่ายๆว่า คุณภาพเสียงโดยรวมตัวนี้เหนือกว่า SOLO6C ครับ ตัวที่ผมว่ามาก็คือ





MICROLAB H-200



ซึ่งก็เป็นตัวที่จะจับมา review วันนี้แหละครับ









งานประกอบภายนอกของ H-200 ก็ ดูแล้วเรียบร้อยดีครับ เสียดายที่ลายไม้ด้านนอกเป็นคล้ายๆกับการเอาสติ๊กเกอร์ลายไม้มาหุ้ม ไม่ได้เป็นลายไม้ธรรมชาติแท้ๆ ทำให้ความขลังมันลดลงมาหน่อย แต่ การเก็บงานถือว่าทำได้ดีครับ ดูเนี้ยบใช้ได้ การล๊อคดอกติดกับตู้ก็ทำได้ดี น้ำหนักเองก็อยู่ในเกณฑ์ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะตู้ซับถือว่าหนักใช้ได้ทีเดียว


ที่น่าสนใจก็ตรงตู้ซับนี่แหละครับ เพราะให้ขาตู้ซับแบบเป็น Spike มาให้ ลักษณะมันจะเป็นเหล็กก้านเรียวเล็ก ซึ่งเป็นขาที่ป้องกันอาการเสียงสั่นจากตู้เบสครับ จะช่วยให้ image ของเบสนั้นนิ่งขึ้นกว่าการใช้ขาธรรมดา หรือเป็นขารองแบบยางทั่วๆไป



ขนาดของตู้ซับอาจจะดูใหญ่ไปหน่อยสำหรับลำโพงคอมทั่วไป แต่การวางก็ไม่ได้เกะกะตรงไหนครับ เพราะเราควบคุมคุณภาพเสียงผ่านทางตัว Pre Control ที่ แยกออกมาต่างหากจากตัวซับ ทำให้เราสามารถเอาซับไปวางตำแหน่งอื่นได้โดยสะดวก ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงจะอาศัยใต้โต๊ะ หรือไม่ก็ข้างโต๊ะนี่แหละครับ เพราะตู้ซับวางที่ไหนก็ได้ขอแค่จูนเบสให้ดีๆก็พอ ตัวหลักๆที่สำคัญก็คงเป็นลำโพงซ้ายขวานี่แหละครับที่ต้องขอตำแหน่งการวางดีๆ หน่อย เพราะลำโพงตัวนี้ค่อนข้างเด่นเรื่อง Focus Image มากๆ ดังนั้นถ้าเราวางเหลื่อม หรือวางตำแหน่งไม่ดี ตำแหน่งของเสียงและชิ้นดนตรีต่างๆมันจะเอนไปด้านใดด้านหนึ่งแทน และถ้าจะให้ดี ควรวางลำโพงให้ตำแหน่งของ Tweeter เสมอพอดีกับหูของเราด้วยนะครับ เพื่อการฟังเพลงจะได้ฟังตำแหน่งได้ถูกต้องที่สุดเท่าที่จะทำได้





มาดูกันที่เรื่องของเสียง



อย่างที่ผมเกริ่นไว้นิดหน่อยแล้วว่า ลำโพงตัวนี้จะเด่นเรื่อง Focus ชิ้นดนตรีเอามากๆ โดยเฉพาะเสียง Vocal ที่จะ Focus ได้เด่นชัดเลยทีเดียว และยังเป็นลำโพงที่ควรจะใช้ Soundcard ดีหน่อยเพื่อเรียกศักยภาพที่แท้จริงของมันออกมาครับ เพราะเท่าที่ผมลองกับ soundcard on board ผลที่ได้ยังไม่ประทับใจเท่าไหร่ จริงๆมันก็ใช้ได้อยู่ แต่ก็ยังสู้การต่อผ่าน DAC หรือผ่าน Soundcard ดีๆไม่ได้ ถ้าอยากได้ยินฟังความสามารถเต็มๆของลำโพงก็อาจจะต้องลงทุนนิดนึงครับ

การให้ soundstage ของลำโพงถือว่าทำได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะการให้มิติด้านลึกที่ให้ความรู้สึกได้ใกล้เคียงกับลำโพงระดับ Hi-End ทำได้เลยทีเดียว ปรกติลำโพง PC ทั่วๆไป จากไม่ค่อยให้มิติด้านลึกเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะให้มาแบนๆเป็นหน้ากระดานมากกว่า โดยเฉพาะลำโพงราคาถูกๆทั่วไป ถ้าใครเคยใช้ลำโพงถูกๆมาก่อน พอเปลี่ยนเป็น H-200 จะเห็นความแตกต่างเรื่องมิติอย่างชัดเจนเลยทีเดียว ถ้าลองหลับตาแล้วฟังเพลงไปด้วย จะรู้สึกถึงความลึกที่ถอยเข้าไปในแนวหลัง ยิ่งถ้าวางใกล้ๆผ้าม่าน หรือกำแพง จะรู้สึกเหมือนว่าการบรรเลงเพลงไปเกิดอยู่ลึกเข้าไปในกำแพงเลยทีเดียว

จริงๆตัว H-200 ควรจะวางระยะให้ห่างจากกันพอสมควรนะครับ เพราะจะช่วยในเรื่องการสร้างมิติ และ soundstage ให้ดีมากยิ่งขึ้น ยกเว้นว่าเนื้อที่จำกัด ก็คงต้องพยายามวางให้ห่างจากกันที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกันครับ

เสียงย่านกลางค่อนข้างเด่นเลยทีเดียว โดยเฉพาะในส่วนของ Vocal ที่จะให้เสียงที่เปิด ออกไปทางสด และสว่างแต่ไม่จัดจ้าน ฟังแล้วลื่นหู มวลเสียงไม่หนาเท่าไหร่ ทำให้เสียงร้องฟังดูชัดใส ไม่มีอาการขุ่นให้รู้สึกแต่อย่างใด เสียงกลองเองก็มีความหนักแน่น หัวโน้ตกระแทกกระทั้นลงมาได้ดี แต่ไม่หนักจนฟังดูโอเว่อร์ เสียงสแนร์เด่นชัดฟังง่าย สแนร์ค่อนข้างเป็นธรรมชาติมากๆ การ Focus Image เสียงค่อนข้างชัดเจน ทำให้ฟังง่ายว่าชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นเล่นตำแหน่งไหน

เสียงเบสนุ่มนวล ช่วง Impact เบสให้แรงกระแทกที่ชัดเจน แต่ไม่กระแทกแรงจนรู้สึกว่าเบสแข็งกระด้าง ทำให้ฟังเบสได้สบายๆไม่อึดอัด ช่วง Middle เบสก็ได้ยินชัดเจน โดยเฉพาะเวลาที่มีจังหวะของการเล่นเบสตีคุ่ไปกับกระเดื่อง เราจะสามารถฟังออกได้อย่างง่ายดาย เพราะกระเดื่องกับเบสจะให้เสียงที่แยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด ฟังแล้วลื่นหูเอามากๆ ช่วง deep เบสอาจจะน้อยไปหน่อย ต้องจูนส่วนที่เป็น sub เพื่อเพิ่ม deep เบสเข้ามาอีกหน่อยถึงจะกำลังดี แต่มวลของเบสโดยรวมจะน้อยกว่าลำโพงตัวถูกๆหน่อย เพราะลำโพงตัวนี้จะเน้นคุณภาพของแต่ละย่านมากกว่า ความเว่อร์ของพลังเบส เบสที่ให้มาจึงพอเหมาะพอเจาะกำลังดี ไม่บวม ไม่เยอะเกิน และนุ่มนวลฟังสบาย

เสียงสูงชัดใสและพลิ้วมากๆ ไม่มีอาการแหบกระด้าง และแบนแข็งเหมือนกับลำโพงถูกๆทั่วไป เรียกได้ว่า คุณภาพเสียงสูงอยุ่ในระดับที่ดีเลยทีเดียว หัวโน้ตของเสียงสูงก็มีความชัดเจน โดยเฉพาะช่วงที่มีกีต้าร์ขึ้นจะโดดเด่นเป็นพิเศษ สามารถรู้สึกถึงตำแหน่งของกีต้าร์ได้ชัดเจน นิ่ง และเห็นเป็นรูปเป็นร่าง แตกต่างจากลำโพงถูกๆทั่วไปที่จะเห็นเป็นกีต้าร์แบนๆ และไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนคนที่เล่นกีต้าร์ได้ การให้รายละเอียดเสียงสูงก็ทำได้ดีมากๆ เก็บรายละเอียดในครบทุกเม็ดเลยทีเดียว แต่ก็มีปัญหานิดหน่อยตรงช่วงเสียงสูงที่อยู่ไกลๆ ตัวลำโพงจะให้เสียงบางไปนิด โดยส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาจากตัวภาคขยายของตัว sub มากกว่า ถ้าเกิดต่อกับชุด Integrate Amp ดีๆ น่าจะรีดศักยภาพออกมาได้ดียิ่งกว่านี้อีก



เท่าที่ผมเอามาลองต่อกับ iPOD Classic ดู ก็ให้ผลเป็นที่น่าพอใจครับ เพราะโดยตัวลำโพงเองก็มีกำลังขับอยู่ที่ 108 watt RMS เลยทีเดียว เสียงที่ออกมาเลยให้คุณภาพที่ดีในระดับนึงเลยทีเดียว เหมาะสำหรับคนที่อยากเอาไปใช้กับ iPOD แค่มี DOCK ดีๆที่ชาร์ท iPOD ได้ซักตัว ก็โอเคแล้วครับ

แต่การต่อผ่าน PC ที่มี soundcard หรือ DAC ดีๆ ก็จะให้คุณภาพที่ดีกว่าอีก step นึงครับ






โดยรวมถือว่าเป็นลำโพงที่ให้เสียงดีมากๆอีกตัวนึงเลยทีเดียว จะเอามาใช้สำหรับฟังเพลงก็สบาย เอามาใช้ดูหนังก็ได้ แต่จริงๆถ้าจะดูหนัง ก็คงต้องมองรุ่น H-500 ที่เป็นตัว 5.1 แทนครับ จริงๆถ้าว่ากันตามตรง ผมว่าเสียงของ H-500 นี่ เหนือกว่า H-200 ซะอีกครับ แต่ราคาของ H-500 ก็สูงไปหน่อย แค่ H-200 นี่ก็ถือว่าเหลือกินแล้วละครับ ใครที่สนใจก็ไปลองหาฟังดูก่อนซื้อนะครับ ลองดูว่าชอบไม๊แล้วค่อยซื้อก็ยังไม่สาย ส่วนราคาเห็นว่าจะอยู่ที่ราวๆ 6 พันต้นๆครับ ซึ่งถ้าเทียบกับงานและเสียงที่ได้ ราคานี้ถือว่าคุ้มมากๆครับ ยืมมาแล้วไม่อยากจะคืนเลย ถ้าไม่ติดว่ามีโครงการจะลุย IEM อีกตัวนึง ก็อาจจะสอยมาเป็นของตัวเองเลยก็ได้ครับ :D






Specifications:


* Power Output: 36W x2 +72W RMS
* Frequency Response:
(Woofer) 20Hz-160Hz
(Satellite) 160Hz-30KHz
* Sensitivity Input: 300mV
* S/N Ratio: more than 92dB
* Separation: more than 50dB
* Driver Unit: (Woofer Driver) 6.5"
(Satellite Driver) 3.5" +3/4"
* Weight: 16KG


129 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เทียบกับ harman gordon ซับตัวใสๆแซทเทิ่ลไลท์เป็นแท่งๆแล้วเสียงเป็นไงครับ ตัวนี้เคยฟังมิติเอาเรื่องอยู่

G7 กล่าวว่า...

เสียงตัวนี้่จะนุ่มนวลกว่าครับ เนื้่อเสียงกลางดีกว่า และเบสดีกว่าครับ

ตัว Harman ที่ว่า จะเน้นเสียงย่านใสหน่อย แต่เสียงจะแบนไปนิด และมิติโดยรวมสู้่ H-200 ไม่ได้ครับ เพราะหลักๆตัวนั้นจะเน้นทาง design มากกว่าเรื่องเสียงครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ถ้าเทียบกับ klipsh GmX2.1

หละครับ

G7 กล่าวว่า...

ยังไม่เคยลองเทียบกันกับ Klipsh นะครับ ไม่กล้าฟันธงเท่าไหร่ แต่เบสของ H-200 น่าจะดีกว่า Klipsh ครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แล้ว ถ้าเทียบกับ solo 7c ที่ออกมาใหม่นั้น ใครดีกว่าครับพี่ ตอนนี้ผมลังเลแล้ว ไม่รู้ว่าระบบ 2.1 หรือ 2.0 อันไหนดีกว่ากัน ยังไงช่วยเทียบให้หน่อยนะรับ เพ่

G7 กล่าวว่า...

ึ7C จะมี review เร็วๆนี้ครับ

แต่ถ้าเทียบกัน

เบสของ H-200 จะครบเครื่องกว่าครับ แต่ตัว 7C จะให้ soundstage ที่กว้างกว่า เพราะจำนวน driver มากกว่า และรูปทรงเป็นสไตล์แบบ Half Tower ซึ่งช่วยเสริมในเรื่อง soundstage ได้เป็นอย่างดีครับ

เรื่องเสียงนี่ 7C จะออกชัดๆ แต่ H-200 จะออกนุ่มนวลครับ จะว่าไปก็น่าใช้ทั้งคู่ แต่ผมชอบ H-200 มากกว่า ถ้าเอามาฟังเพลง ที่สำคัญ H-200 จะปรับแต่งได้มากกว่า 7c นิดหน่อยครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอถามอีกครับพี่ g7 อีกครั้งครับ
ผมเริ่มที่จะหันมาเล่นลำโพงบ้านแล้วครับ แต่ติดในเรื่องที่จำกัดงบประมาณนั้นผมในนามมือใหม่นั้นอยากจะให้พี่ช่วยแนะนำหน่อยนะครับว่า 2 ตัวนี้ น่าเล่นไหมครับเน้นฟังเพลงครับ ฟังแบบจริงจังเลยครับ และ 2 ตัวนี้เน้นพื้นที่ในการจัดวางไหมครับ ตัวsolo 7c นั้นจำเป็นต้องซื้อขาตั้งลำโพงขนาด 26' มาวางเหมือนลำโพงบ้านใหมครับเพื่อที่จะให้เสียงออกมาดี (หรือว่าไม่จำเป็น)และต้องเซ็ทตำแหน่งระยะห่่างกันด้วยไหมครับ และที่พี่บอกว่า(รูปทรงเป็นสไตล์แบบ Half Tower) นั้นอธิบายเพิ่มเติมได้ไหมครับว่าเป็นอย่างไรครับ และสุดท้าย 2 รุ่น นี้มันให้ความเป็นดนตรีแบบบ HI HED ได้ไหมครับ

G7 กล่าวว่า...

็Half Tower หมายถึง ลำโพงแบบที่เป็น Tower แต่ไม่สูงเท่า Tower ปรกติครับ จะลักษณะเตี้ยกว่าหน่อยครับ เวลาจะฟังเพลงต้องใช้ขาตั้งช่วยในการ set ให้ได้ตำแหน่งครับ

แต่ตัว 7c จะหาขาตั้งยากนิดนึงครับ เพราะส่วนใหญ่ขาตั้งจะนิยมทำให้กับลำโพงแบบ Bookshelf ดังนั้นตัว H-200 ที่เป็นลำโพงแบบ Bookshelf จะหาขาตั้งได้ง่ายกว่า

จริงๆเรื่องการ set ลำโพงสำหรับฟังเพลงมันเป็นเรื่องค่อนข้างวุ่นวายนิดนึงครับ อาจจะต้องนั่งคุยกันยาวหน่อย เพราะมันมีลูกเล่นเยอะมาก ที่คนไม่รู้จะมองว่าเราบ้าได้ :D

ถ้าพูดถึงความเป็น Hi-End ทั้งคู่ก็ถือว่าเข้าใกล้แล้วละครับ แต่จะต่างไปในแง่บุคลิกของเสียง ซึ่งถ้าเป็นตัว 7C จะออกแนวมอนิเตอร์เล็กน้อย เบสจะแน่น กระชับ และเก็บตัวไว ในขณะที่ H-200 จะได้ sub มาช่วย ทำให้ได้ deep bass มาเสริม

Unknown กล่าวว่า...

ไม่ทราบว่าตัว H-200 ผมสามารถไปดูไปฟังได้ที่ไหนได้บ้างครับ และร้านไหนแนะนำบ้างครับ (ขอ Web ด้วยก็ดีครับถ้ามี)

G7 กล่าวว่า...

ไม่ทราบว่าบ้านคุณ ปรัชญา อยู่แถวไหนครับ...

จริงๆผมเคยเห็นที่ Zeer รังสิตมีเอาให้โชว์ให้ test ลองฟังได้ครับ ที่อื่นนี่ยังไม่แน่ใจ ถ้ายังไงลองโทรไปถามที่ Exmory ดูได้ครับว่ามีที่ไหนให้ลองได้บ้าง

เบอร์โทรก็ 0-29926153-4 ครับ ขอสายคุณหน่อยก็ได้ บอกว่าผมแนะนำมา อยากขอลอง H-200 เดี๋ยวทางนั้นก็จัดให้เองครับ

Unknown กล่าวว่า...

ดีเลยครับ บ้านผมอยู่แถวรังสิตพอดี แด๋วจะได้ไปลองครับ ขอบคุณ คุณ G7 มากครับ

Unknown กล่าวว่า...

ผมซื้อ ตัว h200 มาแล้วครับ
เสียดายที่ไม่มีรีโมท ( รุ่น 7c ถูกกว่ายังมีให้)
อยากให้คุณ G7 แนะนำ dac ที่ราคาไม่แพง ที่เหมาะกับเจ้าตัวนี้หน่อยครับ ผมใช้ source เป็น macbook ครับ
-ขอบคุณครับ

G7 กล่าวว่า...

จริงๆ DAC ถ้าใช้กับ macbook ผมแนะนำ

http://g7-g7.blogspot.com/2008/12/review-dac-go-vibe-usb-audio-dac.html


ตัวนี้มากกว่าครับ

หรือไม่ก็ DAC Campass แต่ราคาก็ หมื่นนิดๆ ซึ่งก็จะสูงไปหน่อยครับ ผมว่าตัว Go Vibe ดูน่าจะเหมาะกว่า ทั้งในแง่เสียงที่ได้ และความสะดวกในการพกพา เผื่อๆว่าเอาไปใช้กับหูฟัง หรือ ลำโพงตัวเล็กภายนอกกรณีไม่ได้ันั่งที่บ้านน่้ะครับ

Unknown กล่าวว่า...

เจ้า Go Vibe USB Audio-DAC
นี่ผมจะหาซื้อได้ที่ไหนบ้างครับ คุณ G7
ผม search แล้วแต่ยังหาไม่เจอเลยครับ

G7 กล่าวว่า...

ลองโทรไปถามที่นี่ดูครับ

http://www.zeazonmall.com/product2.php?CategoryID=DAC001&SubCategoryID=GO-VUD01&typemode=2


น่าจะมีของนะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ตัวนี้เมื่อเทียบกับพวก Bose Companion 3 series II

หรือพวก Jamo i300 เป็นยังไงบ้างครับ พอสู้ได้ไหมเอ่ย

G7 กล่าวว่า...

ถ้าเทียบกับ Com3 ผมว่า H-200 ดีกว่าครับ

ส่วนกับ Jamo นี่ ผมว่า H-200 จะได้เรื่องใสที่ใสกว่า ส่วน Jamo จะได้เสียงที่นุ่มนวลกว่าครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

พี่ G7 ครับผมอยากถามว่า
ถ้าผมจะเอามาดูหนังเป็นส่วนใหญ่ ฟังเพลงบ้าง
(ปกติฟังจากหูฟังครับ)
ควรเลือกรุ่นไหนดีครับระหว่าง h200 กับ solo7
ขอบคุณมาก ๆ ครับ
^^
ปล.ห้องผมเล็กเนื้อที่ไม่พอวาง 5.1 ครับผม

G7 กล่าวว่า...

อันนี้แล้วแล้วแต่ความชอบนะครับเพราะ ตัว solo7c จะให้ imageที่ใหญ่กว่า h200 แต่ความโอบล้อมกับ soundstage ก็จะแพ้ h200. เช่นกันครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยครับพี่ที่แนะนำ
เมื่อวานลองไปฟัง
แล้วก็ซื้อ solo7c มาแล้วครับ
^^
ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ตอนนี้ มี microlab X 3 - 5.1 อยู่ครับ กับ ipod Touch Gen 2 16G

ใช้ไปสองอาทิตย์ กว่าๆกับ Sound X-Fi Xtream Music

ผมกะว่าจะขายดีไหม เพื่อที่จะได้ H-500 ช่วยออกความคิดเห็นด้วยครับสองจิตสองใจอยู่

G7 กล่าวว่า...

H500 มันก็ต้องดีกว่า X3 5.1 อยู่แล้วครับ แต่ว่า ราคามันก็แพงกว่าด้วยนะครับ น่าจะไปลองฟังดูก่อนนะครับว่าชอบหรือเปล่า เดี๋ยวได้มาเกิดไม่ชอบจะเสียใจอีก


แต่ H500 เป็นรุ่นหน้าปัด Digital แล้วนะครับ มันจะดูไฮโซขึ้นมาก แถมเสียงก็ดีกว่า H200 ด้วย..

Unknown กล่าวว่า...

ถ้าผมจะเอาตัว H-500 ปรับแต่งทำเป็น Home Theater ย่อมๆจะได้รึเปล่าครับ คือขนาดห้องผมมันเล็กครับ จะเอาชุด Home Theater ชุดใหญ่เลยก็เกรงใจข้างห้องน่ะครับ ที่สำคัญราคามันถ้าเทียบกับลำโพง hi end แล้วราคามันถูกกว่าเยอะครับ
ขอบคุณครับ

G7 กล่าวว่า...

ได้ครับ สบายๆเลยด้วย ผมว่ากำลังขับมันดีมากเลยทีเดียว ดีกว่าใช้พวก Mini Component ที่กำลังขับแบบเทียมๆด้วยซ้ำครับ

davinci กล่าวว่า...

ผมได้ซื้อตัว H-500 มาแล้วครับ ประทับใจกับเสียงที่ได้มากครับ แต่ยังอยากให้คุณ G-7 ช่วยแนะนำวิธีปรับแต่งเสียงให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ครับ ไม่ทราบว่าพอจะแนะนำอะไรได้บ้างครับ คือตอนนี้ผมตั้งค่าลำโพงทั้งหมดไว้ที่ +/- 0 DB ครับ ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือเปล่า และ/หรือต้องปรับอะไร อย่างไรบ้างครับ ขอคุณ G-7 ช่วยแนะนำด้วยครับ
ขอบคุณครับ
เศก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ตอนนี้มีนมี h200d ออกมาแล้วไม่รู้ว่ามันเหมือนกับ h200เดิมอยู่รึเปล่าครับพี่ g7 ตอนนี้ผมมีอยู่ 10000 บาทอยากจะขอปรึกษาว่า จะซื้อ h200+ขาตั้งลำโพง24'หรือเก็บเงินไปอีกแล้วค่อยเล่นแบบลำโพงวางหิ้ง อันไหนดีกว่ากันครับ

G7 กล่าวว่า...

ถามตัวเองดูครับว่าเอามาใช้กับอะไร ถ้าใช้กับคอม ลำโพง Bookshelf ระดับ Mid-End ก็คงจะไม่เหมาะ เพราะต้องการกำลังขับที่ดีซึ่งต้องมีงบซื้อ Int. Amp หรือ ชุด Amp เพื่อให้กำลังขับถึง และ อีกอย่าง ลำโพงแบบนั้นไม่เหมาะฟังระยะใกล้ครับ

ตัว H200D น่าจะเป็น H200 ที่เป็น Digital Control ถ้าเป็นตัว Digital Control ซื้อได้เลยครับ รู้สึกราคาจะเท่าตัว analog เพราะรุ่น analog มันหมดตลาดไปแล้วน่ะครับ

แถมตอนนี้ H200D ราคาอยู่ราวๆ 5,xxx เท่านั้น ถ้าดูจากราคาน่าซื้อมากครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

รบกวนพี่ g7 หน่อยนะครับ พอจะเปรียบเทียบกับ pro1 ให้หน่อยได้ไหมคับเห็นราคาใกล้ๆกันนะคับ

G7 กล่าวว่า...

Pro1 สู้ไม่ได้ทุกประการครับ

ตอนนี้ H200 ที่ราคาปัจจุบัน ถือเป็นลำโพงที่น่าหวดที่สุดแล้วครับ

Unknown กล่าวว่า...

ตัวนี้เมื่อเทียบกับพวก Altechlansin MX-5021
เป็นไงบ้างครับ
คือเมื่อก่อนผมเคยใช้ 5021 อยู่ แต่ตอนนี้ขายไปแล้ว
. . .. ใจนึงก็อยากซื้อ 5021 แต่อีกใจก็อยาก
จะอัพเกรด หรือลองเล่นตัวใหม่ดู
ช่วยเปรียบเที่ยบให้หน่อยนะครับ
(ผมจะมาใช้กับ X-Fi)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ที่เซีย มีร้านที่ขาย microlab กี่ร้านอ่ะคับ เอาแบบร้านที่ขายรุ่นใหญ่อ่ะ พวก solo7c x15 รุ่นใหญ่เลยคับ
กำลังว่าจะไปลองฟังเสียงดู

Unknown กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
SMJ156 กล่าวว่า...

ขอบคุณรีวิวจากท่าน G-7 ครับ
(ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้ ที่จริงผมก็ติดตามมาตั้งแต่กระทู้ Super Review ที่ 1000tip ละครับ ตอนที่ท่านยังใช้ Creative EP880 เทียบอยู่เลย :D )


หลายปีก่อน ผมได้ลองฟังลำโพง Bose Companion 3 เสียงค่อนข้างถูกใจเลยครับ และหวังว่า ซักวันหนึ่งผมจะเก็บเงินซื้อ Bose Companion 3 ได้

แต่มาวันนี้ วันที่ Bose Comp 3 กลายเป็นอดีตไปแล้ว ผมก็ยังเก็บเงินได้ไม่ถึงหมื่นห้าซักที (ไปจ่ายอย่างอื่นซะหมด)

พอเห็นรีวิวนี้ ผมก็เลยคิดว่าจะซื้อ Microlab H200D ตัวนี้แทน เพราะราคาก็ถูกกว่าถึงสองเท่า เสียงก็อย่างที่ท่านรีวิวมา

แต่ที่เชียงใหม่ ร้านที่ขายเค้าไม่เอาตัวนี้มาโชว์ครับ ลำโพงราคานี้ยังแพงไปสำหรับลำโพงคอม ไม่ค่อยมีคนซื้อ ผมก็เลยหาที่ลองไม่ได้

ผมจึงตัดสินใจว่า จะซื้อลำโพงตัวนี้เลย ไม่ต้องลอง
เพราะถ้าเสียงมันดีกว่า Bose C3 ก็น่าจะโอเค

อย่างนี้ผมตัดสินใจถูกไหมครับ



G7 กล่าวว่า...

Bose Companion 3 เป็นลำโพงที่ไม่คุ้มราคาที่สุดในประวัติศาสตร์ลำโพงแล้วครับ โดยปรกติ bose มักจะทำอะไรที่แพงเกินราคาเสมอ หลังๆเหมือนจะขาย Brand มากกว่าด้วยซ้ำครับ

ผมว่า H-200 คุ้มกว่าแน่นอนครับ เพราะโดยตัวมันเองถ้าเราเปลี่ยนสายให้ก็ไปได้ไกลกว่า bose แล้วครับ ยิ่งถ้าวางตำแหน่งดีๆ จัด acoustic ให้เหมาะ รับประำกันว่าได้อารมณ์เหมือนพวกลำโพง Mid-End เลยครับ เสียงจะหลุดออกไปฉากหลังแบบเดียวกันครับ

G7 กล่าวว่า...

ดีใจมากนะครับเจอคนติดตามสมัยยุค EP880 เก่ามากกๆๆๆๆๆ :D

Unknown กล่าวว่า...

ตอบเร็วมากครับ

ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ
อย่างนี้ก็ ตัดสินใจไม่ยากแล้ว

แอบบอกนิดนึงว่า ผมเพิ่งได้ มือหนึ่งเก่าเก็บ EP880 มาใช้ในราคาไม่แพงมากนัก
เป็นหูฟังที่ถูกใจตัวนึงเลยล่ะครับ

G7 กล่าวว่า...

ดีใจด้วยนะครับที่ชอบ EP880

แต่ผมสงสัยว่าทำไมเค้าถึงไม่ให้ลอง H-200 ครับ มีขายแต่ดันไม่มีให้ลองแล้วจะขายได้เหรอครับ

Johny komeks กล่าวว่า...

เค้าบอกว่าร้านของเค้าเป็นร้านที่เป็นตัวแทนขายของmicrolabที่เชียงใหม่
ที่จริงก็มีให้ลองหลายรุ่นอยู่ แต่ส่วนมากจะราคาไม่เกิน สามพัน อย่่างเก่งก็พวก fc series ที่มีวิทยุ เล่นแฟลชไดรฟ์ในตัวครับ

พวกรุ่นแรงๆเสียงดี pro1 pro2 solo h200 h500 ไม่เคยเห็นอ่ะครับ
ไปคุยที่ร้านก็เจอแต่พนักงาน เค้าไม่มีอำนาจจะสั่งของอะไรแบบนี้มาก็เห็นใจอ่ะครับ
บางทีถามก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่ ก็เลยกะว่าจะซื้อทางเน็ตเอาอ่ะครับ
พอมีที่ที่แนะนำรึเปล่าคับ

Johny กล่าวว่า...

H200 ที่นี่ไม่มีขายครับ

G7 กล่าวว่า...

ลองสอบถามที่ www.sanookgadget.com ดูครับ เคยเห็นว่าเค้ามีขายครับผม

็ัHybrid กล่าวว่า...

ขอสอบถามหน่อยนะครับ
ถาเทียบกับตัว h300 จะำพอสู้ตัวนี้ได้ไหมครับ
ลังเลใจ เมื่อเจ้า h300 ออกมา หน๊ะครับ

G7 กล่าวว่า...

ต้องบอกว่าคนละแบบครับ

H300 เป็นลำโพง Tower ที่มีระยะในการฟังเพลงค่อนข้างห่างกว่า H200 ที่เป็นลำโพงแบบ bookshelf ในระดับนึงเลยครับ อย่าง H200 ยังพอจะเอามาฟังใกล้ๆได้ แต่ H300 ต้องถอยหลังออกมาฟังพอสมควรครับ เหตุผลเพราะ ระยะของ Tweeter มัน Fix ครับ ไม่เหมือน H200 ที่เราสามารถเปลี่ยนความสูงของ Tweeter ให้เหมาะกับเราได้ < การฟังเพลงที่ดีที่สุดคือต้องให้ความสุงของ tweeter เ่ท่าหูของเราครับ >

ถ้าถามเฉพาะเรื่องเสียง ผมเองก็ยังไม่เคยเทียบนะครับ แต่ปรกติพวก Tower จะให้มิติได้ครบเครื่องกว่าพวก Bookshelf อยู่แล้วครับ ถ้าห้องกว้าง เน้นวางไกลๆเพื่อดูหนังฟังเพลง ผมว่า H300 ก็น่าเล่นกว่าอยู่แล้วครับ

แต่ถ้าชอบการปรับแต่ง ชอบความยืดหยุ่นในการใช้งาน ผมว่า H200 ทำได้ดีกว่าครับ

็ัHybrid กล่าวว่า...

โอ้..ตอบเร็วมาเลยครับ (ทีแรกก็นึำว่าต้องรอข้าวันซะอีก ^ ^)

ก็ขอขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ

แล้วถ้าผมซื้อตัว H-200 มาแล้วช่วยแนะนำตัว DAC กับสาย ที่เหมาะให้หน่อยครับ

โทดทีนะครับ ผมถามเยอะไปหน่อย แต่อยากได้คำแนะนำที่ ดีดี จะได้ไม่ต้องพลาด หน๊ะครับ ขอบคุณมากครับ

็ัHybrid กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
G7 กล่าวว่า...

ถ้าซื้อมาแล้ว อยากได้ DAC แบบเริ่มต้นไม่คิดมาก ผมแนะนำ Maverick D1 ตัวธรรมดาครับ แต่ถ้าอยากจัดเต็ม ก็ Maverick ตัว Premium เลยครับ งบไม่เกินหมื่น พวกนี้คุ้มมากๆครับ

ส่วนสายก็... เดี๋ยวว่ากันอีกทีครับ

็ัHybrid กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ *-*

darkypond กล่าวว่า...

มี h500 แต่เครื่องเล่น dvd ที่มีทางออกอนาลอก 5.1 พังแตอนนี้จะใช้กับเครื่องเล่นที่มีช่องออก hdmi ยังไงครับ
ต้องหา AV/R ไหม

Johny Komeks กล่าวว่า...

จะซื้อแล้วครับ
H-200 ธรรมดา หรือ H200D ดีครับ ไม่รู้ว่าเสียงจะต่างกันหรือเปล่า
แล้วตัวไหนมันจะทนกว่ากัน ขอบคุณครับ

G7 กล่าวว่า...

ถ้าช่อง 5.1 เสีย การจะเล่นแบบให้เสียงออก HDMI ยังไงก็ต้องใช้ AVR ครับ ลองหาดู AVR ตกรุ่น หรือมือสองสภาพดีๆมาใช้จะคุ้มกว่าซื้อมือหนึ่งครับผม

ส่วน H200 กับ H200D ผมแนะนำตัวหลังครับ เสียงดีกว่า และหน้าจอแบบ Digital มันดูไฮโซกว่าครับ ส่วนเรื่องทนผมว่าพอๆกันแหละครับ ของ Microlab มันค่อนข้างทนอยู่แล้ว

Johny กล่าวว่า...

สอยเรียบร้อยแล้วครับ

เสียงถูกใจเลยล่ะครับ แต่ต้องเร่ง Treble หน่อย ไม่รู้ชินกับลำโพงเก่ารึเปล่า

แต่ผมหูตะกั่วอ่ะครับ ไม่รู้ว่าจะอธิบายเสียงยังไงเหมือนกัน

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ผมคนต่างจังหวัด ก็อาศัยรีวิวเขาแบบนี้แหละ ไม่มีโอกาสลองเท่าไหร่

ตอนนี้ก็ต้องเบิร์นก่อน

G7 กล่าวว่า...

เร่ง Treble เรื่องปรกติครับ เพราะ signature เดิมๆค่อนข้างจะนุ่ม บางคนที่เคยไฟแบบคมๆมาอาจจะต้องเพิ่มนิดหน่อยครับ

darkypond กล่าวว่า...

กำลังมองเอวีอาร์ มือสอง ตามที่แนะนำครับ

Unknown กล่าวว่า...

ใช้มาได้ประมาณเกือบเดือนแล้วครับ
สงสัย (อีกแล้ว) เรื่องเปลี่ยนสายครับ
ว่าไอ่ที่ว่าเปลี่ยนสายนี่คือ สายลำโพง(ที่แถมมามันใสๆ ใส้ในสองสี)
กับสายMini to RCA ใช่ไหมครับ

อยากรู้ว่าถ้าเปลี่ยนเนี่ย จะรู้สึกได้ขนาดไหนครับว่าเสียงเปลี่ยนอย่างไร คุ้มรึเปล่าที่จะเปลี่ยน
แล้วก็ ถ้าจะเปลี่ยนควรจะเริ่มด้วยตัวไหนดีครับ แบบว่า ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับอะไรพวกนี้เลย

ขอบคุณคุณ G7 ครับ
ขอให้มีความสุขปีใหม่

G7 กล่าวว่า...

ใช่แล้วครับ การเปลี่ยนสายคือเปลี่ยนทั้งสองอย่างที่ว่ามา จริงๆเปลี่ยน mini-rca ก็เห็นผลในระดับนึงแล้วครับ แต่การเปลี่ยนสายลำโพงอันเส้นใสๆก็จะัยิ่งเห็นผลเข้าไปใหญ่ครับ ส่วนสายคงต้องลองเริ่มต้นที่สายราคาไม่แพง อย่าง Van Den Hul ( เห็นราคาอาจจะร้องจ๊าก แต่จริงๆคือ แบรนด์นี้มีตั้งแต่สายราคาถูกยันแพงครับ รุ่นล่างๆซื้อได้เลย แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำ Clear Water ครับ ปรกติผมจะใช้กับตัว Hybrid )

ส่วน mini-rca เริ่มต้นก็ลองพวกสาย Kimber Hero ก็ได้ครับ แต่พอดีผมใช้ Black Diamond ซึ่งมันไม่มีขายแล้ว ก็เลยไม่สามารถแนะนำให้ซื้อตามได้

ก็ลองค่อยๆเปลี่ยนดูครับ ขอยืมเพื่อนมาลองก่อนก็ได้ เพราะพวกนี้คือเปลี่ยนแล้วมันเห็นผลจริง แต่จะดีแบบที่เราชอบหรือเปล่านี่้อีกเรื่องนะครับ

ส่วนเรื่องความคุ้มค่า ก็ต้องคิดนิดนึง เพราะการเปลี่ยนสายสำหรับมือใหม่ คือจะได้คุณภาพเสียงเพิ่มขึ้นราว 10% แต่สำหรับมือเก๋าๆจะรู้สึกว่ามันไป 30% ขึ้นอยู่กับว่าเราแยกได้หรือเปล่าถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพราะถ้าเราไม่รู้สึก ซื้อมาก็ไม่คุ้ม แต่ถ้าเราฟังออกมันก็คุ้มแน่ๆแหละครับ เพราะปรกติสายเดิมๆมันจะอั้นอยู่แล้ว

Unknown กล่าวว่า...

-_-" เห็นราคาสายคร่าวๆก็เหงื่อตกแล้วครับ รวมๆกันแล้ว (สายยาวอย่างละเมตร) เกือบได้ H200 ใหม่อีกตัวเลย 555

Bubble กล่าวว่า...

กำลังหาลำโพงใหม่พอดี
อยากได้เบสแบบกระเดื่องหนักๆ และเก็บตัวเร็วๆ
ไม่ทราบว่าตัวนี้พอได้มั้ยครับ พอดีเล็งๆ MX6021
ไว้แต่เค้าเลิกขายไปแล้ว เลยสนใจตัวนี้ครับ

G7 กล่าวว่า...

ถ้าเอากระเดื่องหนักๆเก็บตัวเร็วๆ ผมว่า Solo 7C จะเหมาะกว่าครับ ตัวนี้เน้นนุ่มนวล เย็นกว้าง ฟังสบายๆ สไตล์ audiophile ครับ

เอาโหดๆไปทางสาย solo ได้เลยครับ

Nuchry กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับคุณ G7 ตอนนี้กำลังหาลำโพงใหม่แบบซื้อทีเดียวใช้ยาวๆอยู่เลยราคาก็อยู่ในงบซะด้วย และถ้าเทียบเบสกับ Enzo600 กับ X3 นี่ไม่ทราบว่าอันไหนเบสคุณภาพกว่ากันครับ แล้วถ้าเปิดดังๆหรือเร่งเบสมากๆ(เวลาฟังพวก HipHop rock)เกิดอาการพล่า บวมรึปล่าวครับ สนใจ7c เหมือนกันแต่มันใหญ่เกินอ่ะครับอยู่หอพักหาพี่วางลำบาก ขอบคุณมากๆครับ

G7 กล่าวว่า...

เอาจริงๆนะครับ

Enzo600 ข้ามไปก่อนได้เลยครับ ผมเห็นตอนที่เค้าเอา demo มาโชว์ใหม่ๆ ด้วยความที่ดีไซน์มันดูดีมากๆ ผมเลยเดินรี่ๆไปลองทดสอบเสียง... ปรากฏว่า ห่วยสุดๆครับ... คือมันก็ไม่ได้น่าเกลียด แต่คุณภาพเสียงไม่สมราคาและไม่ตามดีไซน์เลยครับ ดีไม่ดีรุ่นถูกๆของ Microlab ยังจะเสียงดีกว่าเลยครับ

ส่วน X3 ตัวในตำนาน ถ้าพูดถึงมวลเบส ผมว่า H200 สู้ไม่ได้ครับ แต่ X3 เปิดสุดมีกระพือนะครับ ส่วน H200 อัดสุดไม่สะเทือนครับ ทั้งคู่ถ้าเร่งเบสมากเกินไปก็บวมทั้งนั้นแหละครับ พวก active sub ปรกติเราต้องจูนให้ระดับเบสมัน match กับย่านเสียงอื่นๆอยู่แล้วครับ ดังนั้นเรื่องบวมๆไม่บวม อยู่ที่เราจูนครับ แต่ถ้าจูนพอดี เรื่องเร่งแล้วบวมหรือแตกพร่านี่ยังไม่เจอนะครับ แต่ผมเชื่อว่าก่อนเสียงมันจะแตก บ้านจะแตกก่อนครับ :D

มันอยู่ที่เราน่ะครับ ถ้าอยากได้อารมณ์แบบที่ฟังเพลงกันใน system พวก mid end , hi end ผมว่า H200 ตอบโจทย์มากกว่าครับ อย่าง X3 มันก็แค่ลำโพงคอมที่เสียงดีเฉยๆครับ ตัว H200 เลยจุดนี้ไปนานแล้วครับ

ระยะยาว H200 คุ้มกว่าครับ เพราะมันไปปรับใช้กับอย่างอื่นได้เยอะ แต่ X3 เหมาะกับคอมอย่างเดียวครับ

ฺBublle กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆครับ ตอนนี้ลังเลอยู่ครับ ระหว่าง h200
h300 และ h500 คือจะเอาไปต่อทีวีครับ ถ้าเป็นแบบ 2.1 สองตัวบนนี่หนักแน่นต่างกันมากมั้ยครับเห็น 7Sub ของh300 ใหญ่กว่า อีกอย่างเห็นคุณ G7 บอกว่า H500 ก็ไม่เลวเหมือนกันใจจริงก็อยากได้แบบ 2.1ครับเพราะสะดวกในการจัดวางมากกว่า แต่ถ้า 5.1 เสียงดีกว่าก็น่าสนครับ ลืมบอกไปครับผม ดูหนัง/ฟังเพลง 50/50 ครับ ขอบคุณมากๆครับ

G7 กล่าวว่า...

อันนี้อยู่ที่การใช้งานและขนาดห้องเป็นหลักเลยครับ

คือ H300 มันเป็นแบบ Tower ดังนั้น การ set up จะง่ายกว่า H200 และ H500 ที่เป็น Bookshelf ซึ่งมันต้องใช้ขาตั้งด้วย

ถ้าเน้นวางบนโต๊ะคอม ไม่ซีเรียสเรื่องระยะเสียง ตัว H200 ก็จะเหมาะสมสุดครับ

แต่ถ้าอยากได้ surrond และหาซื้อขาตั้งมาได้ในราคาไม่แพง ก็ไปที่ H500 เลยครับ

แต่ถ้าห้องกว้างๆ นั่งเล่นเกมส์ XBOX , PS3 , Wii และดูหนังแบบระยะค่อนข้างห่าง ก็เลือกเอา H300 ได้เลยครับ

จริงอยู่ว่า H200 การใช้งานจะครอบคลุมกว่า แต่ยังไงก็ต้องใช้ขาตั้งน่ะครับ แต่เท่าที่ผมลองเหมือนตู้ sub ของ H500 จะจูนเบสมาได้อลังการกว่า H200 ครับ

แนะนำให้ดูขนาดห้องและการใช้งานก่อนเลือกลำโพงครับ

ฺBublle กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆครับ ตอนนี้ผมแหลือตัวเลือกอยู่สองตัว
คือ H200 กับ solo7c การใช้งานของผมคือฟัง
ร็อคกระเดื่องหนักๆเบสเก็บตัวเร็ว ดูหนังก็ไม่ค่อยซีเรียส
กับเสียงลึกๆเท่าไหร่ สงัสยคงจะจบที่ solo แน่ๆเลย ยังไงก็ขอบคุณนะครับสำหรับข้อมูล พอดีอยู่ ตจว.หาตัวจริงลองฟังลำบากมากครับ เลยต้องหาข้อมูลจากในนี้แหละครับ อิๆ

Art Cha กล่าวว่า...

รบกวนสอบถามคุณ G7 ครับ
ไม่ทราบว่าผมพอจะหาเจ้า H200D นี้ได้จากร้านอะไรสาขาไหนบ้างครับ(เห็นจาก Review แล้วทำให้เกิดกิเลสเป็นอย่างมากครับ^^) ตอนนี้ผมอยู่ที่จังหวัดอุบลฯ น่ะครับ แต่สิ้นเดือนนี้มีโอกาสได้เดินทางไปทำงานที่ กทม.2-3 วันจึงมีเวลาไม่มากในการสุ่มตระเวณหาร้านที่มีของครับ รบกวนด้วยครับ ขอบคุณครับ

และขอบคุณอีกครั้งสำหรับ Review ที่ดีๆแบบนี้ครับ

G7 กล่าวว่า...

ไม่มั่นใจนะครับ ผมเคยเห็นที่ Zeer รังสิตมีขาย แล้วก็ที่ pantip ประตูน้ำ ชั้น 3 มั้งครับที่มีขาย แต่ถ้าจะให้ชัวร์ โทรถาม Exmory ดีที่สุดครับ เบอร์ 02-427-7375

ถามเค้าได้เลยครับว่ามีขายที่ไหนบ้างรุ่นนี้ แล้วก็บอกแถมไปนิดนึงว่า "พอดีอ่าน review จากผมไปแล้วสนใจมาก ไม่ทราบว่าจะลดได้อีกไม๊..." :D

ราคาตลาดรุ่นนี้น่าจะอยู่ราวๆ 4990 บาทครับ ควรได้ของราคาไม่เกินนี้ แต่ต่ำกว่านี้ได้ :D

Art Cha กล่าวว่า...

ชอบคุณมากๆเลยครับสำหรับช้อมูลในการติดต่อ
ได้เรื่องยังไงจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีครับ ขอบคุณ สำหรับบทความดีๆ ครับ แต่ผมสงสัยอยู่อย่างนึง ลำโพงชุด 2.1แบบนี้ สามารถ ต่อเข้า AVR หรือ Int Amp เพื่อเพิ่มพลังเสียงได้ด้วยเหรอครับ แล้วต้องต่อแบบไหนครับ เพราะเข้าใจว่า มันมีภาคขยายในตู้ซับเบสอยู่ มันจะช๊อตมั้ยครับ พอดีมีDacแล้วกำลังตัดสินใจอยู่ ว่าจะ Int amp+ลำโพง หรือ H200ดี ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ครับ ผมใช้Dac Teac ud-h01 และมองInt Amp Marant pm5004+Kef Q100 ไว้ครับ ถ้าเสียงไม่ต่างเยอะจะได้ตัดสินใจถูก เพราะราคาต่างกันเยอะ ขอบคุณมากครับ

G7 กล่าวว่า...

เอาทีละประเดนแล้วกันนะครับ

- ลำโพง H200 สามารถต่อ AVR และ int amp ได้แน่นอนครับ ทั้งต่อแบบแยกสายเหมือนลำโพง Bookshelf ธรรมดา และต่อแบบผ่านสาย mini-rca ครับ ที่สำคัญคือ เงียบ ถ้าเงียบแสดงว่าไม่ช๊อตครับ :D ( ไม่ช๊อตจริงๆนะครับ แหะๆ )

การต่อแบบแยกสายจะเป็นการใช้ power จากพวก amp ในขณะที่การต่อแบบ mini-rca หรือ rca-rca จะเป็นการใช้ภาคขยายของตัวลำโพงเอง จริงๆถ้าพูดกันตามตรง ผมว่ายังไงภาคขยายในตู้ลำโพง ก็สู้ amp ภายนอกไม่ได้หรอกครับ

ปรกติพวก int amp รุ่นใหญ่ๆ หรือ AVR จะมีช่องสำหรับต่อ sub woofer มาให้ด้วย แต่ถ้าเป็น int ทั่วๆไป หรือรุ่นเล็กๆหน่อย จะไม่มี ดังนั้นการต่อ ถ้าจะเอากำลังขับเต็มๆของแอมป์ ก็ต้องต่อแบบผสมผสาน คือ เอาสายลำโพงต่อจาก int amp เข้าลำโพงตามปรกติ แล้วต่อ RCA-mini หรือ RCA-RCA เข้าที่ตู้ sub แล้วก็จะใช้งานได้ครบ system ครับ

- TEAC UD-H01 โดยปรกติเป็น DAC ที่ให้เสียงคมชัดอยู่แล้ว ดังนั้น การใช้กับ H-200 ผมว่า Match แน่นอนครับ แต่ถ้าไปเทียบกับ system Marantz จับกับ KEF แม้ผมจะไม่เคยฟัง แต่เดาว่าไม่น่าจะไหว ยกเว้นจะเอา H200 ไปจับกับ Marantz แล้วค่อยมาฟัดกับ KEF อันนั้นน่าจะสูสีครับ

แต่แอมป์ Marantz ผมไม่เคยฟังนะครับ เพราะผมไม่ค่อยศรัทธารุ่นเล็กของค่ายนี้

ถ้ายังไงไปลองฟังเสียง H-200 ก่อนดีกว่าครับ ฟังมันที่ system มั่วๆจากที่ร้านเปิดนี่แหละ ถ้าชอบค่อยเอามา เพราะถ้าเราชอบที่ร้าน กลับมาบ้านเรา set ให้มันดีขึ้นได้อีก แต่ถ้าฟังแล้วไม่ชอบก็จบแล้วไปจับเอา pm5004กับ q100 ดีกว่าครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลดีๆ จะไปลองหาฟังดูครับ
ปล.ตอบไวได้ใจมากเลยครับ คุณG7 จะคอยเป็นกำลังใจติดตามผลงานนะครับ

pop กล่าวว่า...

รบกวนช่วยแนะนำ dac มาใช้กับเจ้านี่หน่อยครับ ผมชอบฟังเพลงสนุกๆ คึกคักหน่อย ในงบ 3000 มีตัวไหนใช้ได้มั่งครับ

G7 กล่าวว่า...

ลองเพิ่มอีกหน่อยแล้วเอา Maverick D1 ดีกว่าไม๊ครับ เพราะงบ 3000 นี่หา DAC ดีๆยากครับ จะมีก็แต่ FIIO E7 ที่เรทราคาประมาณนั้น แต่พูดถึงเสียงและการใช้งานภาพรวม ผมว่า Maverick D1 จะได้เปรียบกว่าครับ ทั้งความสะดวกในการต่อ กำลังขับ และการโมในภายหลัง ตัว D1 จะทำได้ง่ายกว่าเยอะ เอาแค่เปลี่ยน opamp เสียงก็ดีขึ้นแล้วครับ

ยกเว้นว่าถ้างบจำกัดจริงๆ ก็เลือกเอา E7 ก็ได้ครับ พอถูพอไถได้อยู่ แนวเสียงออกสนุกทั้งคู่ครับ

zolo_zolo กล่าวว่า...

ขอบคุณนะครับ จะลองไปหาฟังดู

Unknown กล่าวว่า...

ถ้าเอาตัว h500 คู่กับ creative x-fi surround 5.1 pro มันจะพอฟังได้มั้ยครับ

G7 กล่าวว่า...

ถ้าจะ X-fi pro มาขับ H200 ผมว่าพอได้ครับ ดูจากแนวเสียงแล้วก็ไปกันได้โอเค แต่จริงๆตัวนี้ต้อง mod นิดนึงครับ เพราะกำลังขับเดิมมันต่ำ ครั้นจะไปอาศัยกำลังจาก H200 มันก็จะขาด Dynamic ไปนิดครับ แต่โดยภาพรวมของตัวนี้ถือว่าโอเคเลยครับ แต่ถ้าขยับไปเล่นพวก DAC จะดีกว่ามาทางสาย soundcard เยอะครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ซื้อลำโพงแล้วเหลือเงินประมาณ 4000 บาท ควรเอาอะไรเพิ่มดีครับ

G7 กล่าวว่า...

ซื้อลำโพงแล้ว ถ้ายังไม่มี DAC แนะนำให้ซื้อ DAC มาใช้ได้เลยครับ ตัว DAC มีหลายยี่ห้อให้เลือกเลย ตั้งแต่ถูกยันแพงครับ แต่ถ้าจะให้แนะนำก็จะมี Maverick D1 ( ผมรีวิวแล้ว เพิ่มงบนิดนึง ) นี่แหละครับ ถ้าไม่พอใจเสียงเดิมๆก็เดินไปหาซื้อ opamp แถวบ้านหม้อมาใส่เพื่อเปลี่ยนเสียงเอาเองได้ แถมยังเปลี่ยนหลอดเพื่อเปลี่ยนเสียงได้อีก

ถ้ามี DAC แล้ว ก็อาจจะได้ซื้อพวกขาตั้ง หรือไม่ก็สายลำโพงแทนครับ เพราะเดิมๆที่มันให้มาผมว่ามันอั้นไปหน่อย

แต่โดยสิริรวมแล้วทุ่มงบที่ต้นทางอย่าง DAC ก่อนจะเป็นกลางทางอย่างสาย และปลายทางอย่างขาตั้งครับ :D

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ลำโพงซื้อที่เซียร์ ชั้นไหนครับ

คุณ C7 มีเฟส ติดต่อมะครับ จะได้สะดวกอะครับ งบมี 10000

G7 กล่าวว่า...

มีครับ fb แต่ว่า ผมจะไม่ค่อยได้อัพ เพราะมีคน like น้อยครับเลยไม่ได้ up อะไรเลย ถ้าจะติดต่อไม่ทางนี้ ก็ทาง e-mail ก็ได้ครับ เมล์ผมก็ tuumz@hotmail.com ครับ

ส่วนร้านที่ zeer ที่ขาย ผมไม่มั่นใจนะครับ แต่ก่อนผมเห็นอยู่ชั้น 3 นะครับ ถ้ามาจากทางหน้าห้าง ขึ้นบันไดยาวมา ก็ให้เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปอีกชั้นนึง อยู่ราวๆด้านในห้างลึกๆหน่อย

อีกที่ก็อยู่ใกล้ๆศูนย์ Samsung ชั้น 1 ครับ

แต่ถ้าจะให้ชัวร์ โทรไปถามทาง Exmory ที่เบอร์ เบอร์โทรก็ 0-29926153-4 ครับ บอกผมแนะนำให้โทรมาถามเผื่อเค้าจะมีส่วนลดให้ :D

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ตอนี้ผมมีลำโพงแล้ว ข้อถามต่อดังนี้
1. ตัว DAC Maverick D1 ซื้อที่ไหนครับผม
2.ถ้าใส่ตัว DAC แล้วเสียงจะใสขึึนไม๋ครับ
3.ถ้าผมซื้อ DAC แล้ว ต้องการร้องคาราโอเกะ 2 ไมค์ (มีมิกซ์เซอร์แล้ว) จะต่อยังไงครับ ช่วยลำดับการต่อให้ที ว่าเข้าตัวไหนก่อนหลัง ขอบคุณครับ

G7 กล่าวว่า...

DAC maverick D1 ซื้อได้ที่ www.sanookgadget.com ครับ

ส่วนการต่อเพื่อใช้คาราโอเกะ ผมไม่แน่ใจว่าเป็น mixer แบบไหนนะครับ แต่ถ้าเป็น Mixer ที่มี Pre Mic ในตัว ก็แค่เอาไมค์ต่อเค้าที่ mix แล้วเอา DAC เข้า mix ด้วย ส่วน output ก็ไปออกที่ลำโพงเอาครับ

คือที่ Mix มันจะมีช่อง in อยู่ บางรุ่นอาจจะมี RCA in บางรุ่นมันก็เป็น Jack 6.3 in บางรุ่นก็เป็น Digital In ซึ่งถ้าเป็น RCA กับ Digital in ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ แค่ลากสาย RCA จาก DAC ที่เป็นช่อง Audio Out แล้วใส่เข้า Mix ที่เป็นช่อง RCA in ก็จบครับ

แต่ถ้าเป็น Jack in อาจจะต้องแปลงหัวกันนิดนึง

ทั้งนี้ทั้งนั้นบอกชื่อรุ่นกับยี่ห้อของ mix มาให้ผมหน่อยก็ดีครับ เพราะผมต้องดูช่องต่อด้วย

ส่วนเรื่องใสขึ้นไม๊ รับประกันว่าใสแน่นอนครับ ถ้าเอาใสสุดๆมันจะมีช่อง out ที่เขียนว่า Pre Tube Out อันนี่แหละเสียงออกจากหลอดครับ ใสชัวร์ๆ ยิ่งถ้าเปลี่ยนหลอดยิ่งใสกังวาลเลยครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ต่อกับคอม เข้า aux หรือ Cd ครับ

G7 กล่าวว่า...

ถ้าต่อกับลำโพงตรงๆ ต่อทาง aux out ครับ
ถ้าเอา DAC ต่อคอม ให้ต่อทาง USB ครับ หรือถ้ามี souncard เทพๆที่มีช่อง Coaxial ก็ให้ต่อ Coaxial ครับ

ถ้าต่อ mix ก็ต้องเอา DAC ต่อคอมก่อน แล้วค่อยเอาเสียงเข้า mix ครับ รวมทั้งลำโพงด้วยครับ ต้องเข้า Mix หมด

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เข้าไปดูเวปตามที่ท่าน G7 บอก
มีแต่ DAC รุ่น Maverick : D1 Premium
เกือบ 8000 ไม่ไหวจริงๆ
ถ้าตัวประมาณ 5000 น่าสู้ราคาหน่อย อิอิ

G7 กล่าวว่า...

มีครับ Maverick D1 ตัวธรรมดา ราคาราวๆ 5990 บาทครับ ตัว Premium เหมาะกับคนขี้เกียจ mod เองครับ เพราะ opamp opa627au ปรกติบ้านเราไม่มีขายครับ ถ้าจะมีน่าจะเป็นอีกรหัสนึงที่เยอะหน่อย ก็จะมี au หลุดมาบ้างแต่ไม่เยอะ ส่วนคุณภาพเสียงก็จะต่างกันพอสมควร และตัวหลอดก็เปลี่ยนเป็น GE แล้วด้วย ดังนั้นถ้าซื้อ Premium ก็คือพร้อมใช้งานในระดับ mod ครับ

แต่ถ้าไม่ซีเรียส ซื้อ D1 ธรรมดา มาเปิดฝาแล้วหา opamp ในบ้านหม้อมาลองใส่เล่นได้ครับ พวกตระกูล AD ก็โอเคอยู่นะครับ เห็นมีคนเล่นเยอะทีเดียว

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ในพันทิย์ประตุน้ำมีร้านไหนขาย solo7c บ้างครับ ร้าน snp speaker บอกว่าทางตัวแทนไม่นำเข้าเลยไม่มีของครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

solo7c กับ h200d ใช้ต่อ dvd hdplayer เอาไว้ดูหนัง เล่นเกม ps3บ้าง ขอคำแนะนำด้วยครับ

G7 กล่าวว่า...

ถ้าเน้นดูหนังและเล่นเกมส์ ผมว่า Solo7C น่าจะตอบโจทย์กว่านะครับ ส่วน solo7c เดี๋ยวผมโทรถามทาง exmory ให้ครับว่ายังนำเข้าอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่มีแล้วมีอะไรแทน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณ คุณ G7 มากครับ เพราะ ผมโทรไป ที่ siamget แล้วของหมดนานแล้ว ว่าจะหาเวลาไปเดินดูที่พันทิพย์แต่ ยังไม่ได้ไปเลยครับ กลัวไปแล้วไม่มี

Unknown กล่าวว่า...

สวัสดีครับ คุณG7ผมติดตามรีวิวของคุณมาซักพักใหญ่แล้วครับ ตอนนี้หาลำโพงมาฟังหน้าคอมอยู่ ผมฟังเพลงทุกประเภทยกเว้นลูกทุ่งกับพวกHardcore ไม่ชอบเสียงตูมตาม ชอบเบสแน่ๆนุ่มๆ H200Dตอนนี้ยังน่าเล่นอยู่มั้ยครับ ไม่รู่ว่าร้านไหนมีขายบ้าง ผมถามหลายๆร้านเหมือนจะไม่มีขายแล้ว อยู่กทม.ครับ

แล้วถ้าเอาH200DไปเทียบกับEidifier S530Dตัวไหนน่าจะโอเคกว่าครับ คือเพื่อนจะขายS530Dให้ผมในราคา6900บาท สภาพดีมากๆ ประกันเหลือ อุปกรณ์ครบหมด เห็นว่าS530DมันมีภาคDacในตัวด้วย ตอนนี้เลยลังเลครับ

G7 กล่าวว่า...

ไม่แนะนำ Edifier เลยครับ โดยเฉพาะรุ่นที่ว่ามา เพราะเสียงไม่คุ้มราคาอย่างแรง คือ มันดีไซน์สวยดูดี แต่เสียงเข้าขั้นแย่ครับ.. เอาง่ายๆครับ ลองคิดดูว่าทำไมเพื่อนถึงขายทิ้งทั้งๆซื้อมาไม่กี่เดือนครับ

ส่วน H200D ยังน่าเล่นอยู่ครับ แต่เรื่องร้านที่ขายผมไม่มั่นใจครับ คงต้องลองสอบถามทาง Exmory ดูครับว่าร้านไหนยังมีบ้าง เพราะรุ่นนี้ทางเมืองนอกยังผลิตอยู่เลยครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมกำลังหาH200Dอยู่ครับ ถามที่Exvoryแล้วของยังไม่เข้าครับ ไม่รู้ว่าร้านไหนมีเหลือบ้างคงต้องไล่ถามไปเรื่อยๆครับ ^_^

G7 กล่าวว่า...

ลองถามร้านใน list นี้ดูครับ

http://www.pantipmarket.com/mall/fullbright/?node=products&id=50638

http://www.iaudio.co.th/PRODUCT/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-MICROLAB/MICROLAB-H200.html

http://www.snpspeaker.co.th/2013/index.php?route=product/category&path=62_76

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=386034133253&set=a.254436703253.140907.252909428253&type=1&relevant_count=1

ลองดูครับผม

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคุณG7ครับ ตอนนี้ผมได้H200มาแล้วครับ แต่เป็นมือสองและเป็นตัวเก่าที่ไม่มีDisplay เนื่องจากของใหม่ตอนนี้ขาดตลาดครับ ผมหาจนทั่วแล้ว Exmoryแจ้งว่าของน่าจะเข้าเดือนหน้า แต่ผมรอไม่ไหวครับ ค่อนข้างพอใจเสียงมากครับ แต่มันยังอั้นตรงที่ผมใช้sound on board ตอนนี้จะหาDacซักตัวราคาไม่แรงมากมาใช้ครับ มองๆดูMaverick D1ครับ เห็นว่ามีHeadphone Ampในตัวด้วย ตัวนี้โอเคมั้ยครับ ผมอยากให้มันแยกแยะรายละเอียดมากกว่านี้ และให้เสียงมันลอยออกมาจากตัวลำโพงอีกหน่อย ปลายแหลมกรุ๊งกริ๊งอีกนิด ตอนนี้มันเหมือยจมๆอยู่ที่ลำโพง เปลี่ยนสายสัญญาณและสายลำโพงหมดแล้วครับ

G7 กล่าวว่า...

นั่นเลยครับ Maverick D1 เหมาะเลยครับ เผื่ออนาคตเราจะเอามาโมเพิ่มได้ด้วย แค่เปลี่ยน opamp เสียงก็ดีขึ้นจมเลยครับ ระดับ Maverick ก็เอาหลุดตู้ได้แล้วครับ

Unknown กล่าวว่า...

ครับ คงจะเอาตัวD1นี่แหละครับ
แต่ผมคิดอะไรเล่นๆอย่างนึงคือ H200ของผมเป็นตัวเก่าแยกภาคปรีออกมาต่างหาก สัญญาณออกจากปรีไปเข้าตู้ซับแยกเป็นL,RและSub
ถ้าผมจะเอาD1มาใช้แทนภาคปรีของตัวH200เลยจะดีไหมครับ เพราะเห็นD1มีRCAออก2ชุด ชุดนึงไปเข้าL,Rที่ตู้ซับปกติ อีกชุดนึงต่อสายซับที่เป็นสายYเข้าช่องSub
คือผมคิดเอาเองว่ามันจะลดการต่อสายสัญญาณลงได้1ช่วง ถ้าเอาD1มาต่อเลยก็จะต้องต่อสายสัญญาณจากD1ไปเข้าปรีของH200 ต่อสายสัญญาณจากH200ไปเข้าตู้ซับ แต่เราใช้D1มาแทนภาคปรีของH200เลย คุณภาพเสียงน่าจะดีกว่ามั้ยครับ แต่ก็จะเสียภาคควบคุมระดัยเสียงซับจากตัวปรีของH200ไป
แล้วช่องRCA OUTของD1มันจะใช้พร้องกัน2ชุดเลยได้มั้ยครับ
อันนี้ผมคิดเอาเองครับ ถ้ามันใช้ได้ก็จะลองดูครับ

Just กล่าวว่า...

ถ้าเอามาพ่วงกับ Denon AVR 1801 5.1 ได้ไหมครับ แล้วรุ่นไหนดีครับ ระหว่าง H-200 กับ H-500

G7 กล่าวว่า...

ได้ครับ D1 สามารถให้เสียงพร้อมกันได้ทั้งสองช่อง แต่ ปัญหาคือ ช่องนึงของ D1 มันเป็น Pre หลอด อีกช่อง มันเป็น Pre Solidstate ดังนั้นถ้าจะต่อลักษณะนั้น ผมว่าเอาที่เป็น Pre หลอด เข้าคู่หน้า ตัวโซลิตเอาลง sub น่าจะดีกว่านะครับ คุณภาพย่อมดีกว่า pre ของลำโพงมันเองแน่นอน แต่ก็อย่างว่าครับ ตัวซับมันก็จะปรับน้ำหนักเบสไม่ได้

------------------------------------------------


ส่วนเรื่องพ่วงกับ Denon AVR 1801 สามารถทำได้ครับ ก็แค่ลากสายลำโพงเข้า AVR เลย ส่วนตัว sub ก็ใช้ audio out จาก AVR เข้า in ของ sub เลยครับ แล้วใช้หน้าจอ control เพื่อปรับแต่ง sub เอาครับ จะง่ายกว่า H200 เพราะ Control มันแยกต่างหากเลย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ระหว่าง Swans M50W กับ H200ตัวไหนน่าสนใจกว่ากันครับ

G7 กล่าวว่า...

ถ้าให้เลือกระหว่าง Swans M50W กับ H-200

ผมว่า H-200 น่าซื้อกว่าครับ โดยส่วนตัวผมว่า H-200 ให้เสียงได้ดีกว่า Swans ครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คุณ G7ครับ เคยลองฟังmicrolab B77 รึเปล่าคุณภาพเสียงเป็นอย่างไรบ้าง ช่วยแนะนำหน่อยครับ ชอบฟังเพลงสไตล์ นุ่มๆ ใสๆ ครับ

G7 กล่าวว่า...

B77 เคยฟังครับ เป็นลำโพงที่คุ้มราคาค่าตัวครับ ถ้าชอบนุ่มๆใสๆก็เป็นตัวที่ให้เสียงใกล้เคียงกับที่หวังครับ แต่อย่าไปคาดหวังว่ามันจะนุ่มใสหวานนะครับ เพราะศักยภาพมันก็ทำได้เท่าที่เป็นลำโพง Active นั่นแหละครับ

ในชีวิตผมที่เคยฟังแล้วรู้สึกว่าเสียงนุ่มจริงๆ มีตัวเดียวคือ

ลำโพงของ Monitor Audio รุ่น Silver ไม่แน่ใจว่าเป็น RX6 หรือเปล่า แต่เป็นตัวที่เป็น Tower ครับ อันนั้นยอมรับเลยว่าเบสนุ่ม และเสียงกลมกล่อมดีมากๆ แต่เพราะเป็นแบบนั้นมันเลยจะฟังเพลงได้ไม่ค่อยหลากแนวเท่าไหร่ครับ

Unknown กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
Unknown กล่าวว่า...

คุณG7ถ้าเทียบกับpro2ตัวไหนฟังเพลงดีกว่าหรอคับ คือตอนนี้ผมมีx3 2.1 ยุคับผมว่าเบสมันบวมไปหน่อยคับเลยอยากหาลำโพงใหม่ แต่ยังเลือกไม่ถูกระหว่าง แบบ2.0 กับ 2.1 คับ คือผมอยู่ต่าง จ. คับ รบกวรสอบถ่ามหน่อยนะคับ ขอบคุณคับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ช่วยฟันธงให้หน่อยครับพี่ G7 microlab solo7c
microlam solo9c (มี I/O Hdmi) เสียงแตกต่างกันมั้ยครับ ถ้าซื้อมาฟังควนเลือกตัวไหนดี ผมดูหนังเป็นหลักครับ

และถ้าเทียบกับ H200D เป็นไงครับ

G7 กล่าวว่า...

PRO2 ไม่เวิร์คครับ แค่ดีไซน์ดูดี แต่เสียงสู้ H-200 ไม่ได้แน่นอน

ส่วนซีรีย์ solo จะมี signature เหมือนๆกันครับ คือหลางจะติดทื่อๆหน่อย แต่เรื่องมิติและน้ำหนักของหัวโน้ต จะแตกต่างกันตามขนาดของดอกลำโพงครับ

ตัว solo9c จะได้เปรียบนิดหน่อยตรงมีภาค DAC ในตัว การใช้งานจะหลากหลายกว่า 7C ครับ ถ้าไม่เน้นฟังเพลงตัว 9C ดูน่าสรใจกว่าครับ

ถ้าเทียบกับ H-200 นี่ ตัว H-200 จะนุ่มนวลกว่าครับ ผมว่า solo ที่เห็นเสียงออกแข็งๆนิดๆ จะเหมาะกับการดูหนังกว่าครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ท่าน G7 ผมคงจัด solo 9c ดูหนังเป็นหลัก

ขอถามอีกตัวนึง microlab H50bt เป็นบลูทูธ
เสียงดีมั้ยครับท่าน

Unknown กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ZAV กล่าวว่า...

H-200/H-500 กับ Leona G9 Excite
ตัวไหนเสียงดีกว่ากัน
ฟังเพลงดีกว่ากัน
ดูหนังดีกว่ากัน
เบสดีกว่ากันครับ

golf กล่าวว่า...

ผมจะเลือกลำโพงไว้ฟังเพลงหลากเปนหลัก ฟังทุกแนว รองมาดูหนัง เล่นเกมส์
ผมใช้การ์ด asus st เดวคงจะเปลี่ยน opamp
มี sub 10 นิ้ว 1 ตัว
แต่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะเอา pro2 หรือ solo7c
ช่วยแนะนำหน่อยครับ

G7 กล่าวว่า...

H50bt ผมไม่เคยลองครับ แต่ปรกติลำโพง Microlab ให้เสียงที่ค่อนข้างคุ้มราคาอยู่แล้วครับ ตัวเล็กยันตัวใหญ่ไม่ค่อยหลุดเหมือน JBL


Leona G9 เป็นตัวลำโพงระดับตำนาน หมายถึง คุ้มกับราคาที่เสียไปนะครับ แต่โดยบุคลิกมันจะเหมาะกับการดูหนังมากกว่า ถ้าพูดกันเฉพาะการฟังเพลงผมว่า H-200 กับ H-500 น่าจะดีกว่าครับ แต่ถ้าพูดเรื่องภาพรวมทั้งดูหนังฟังเพลง ผมว่า G9 น่าจะกินอยู่นิดหน่อยครับ

ส่วนคู่มวยอย่าง Pro2 กับ Solo7c ผมฟันธงได้เลยว่า Solo7c ดีกว่าในภาพรวมครับ Pro2 มันมีดีแค่หน้าตา แต่เสียงบาง ในขณะที่ solo7c เนื้่อแน่นกว่า แต่ก็มีปัญหาเรื่องความทื่อนิดหน่อย ถ้าเคยฟังลำโพงที่ให้เสียงพริ้วๆมาอาจจะรู้สึกแปลกๆกับมัน แต่ถ้าดูหนัง เล่นเกมส์นี้ มันส์กว่า Pro2 ครับ


ขอโทษที่ตอบช้านะครับ เพราะบางทีผมลืมมั่ง ไม่เห็นเมล์มั่ง แหะๆ

fastapprovedloan กล่าวว่า...

วันนี้ ผมไปสอย เจ้า H200D เพราะบทความนี่เลยครับ

ตอนนี้ผมจะเอาไป ฟังเพลง เป็นหลัก , เอามาเสียบคอม , ตอนนี้รู็สึกว่าเสียงยังออกมาไม่หมด ไม่เหมือนตอนฟังที่ร้าน คงต้องรอดู burn สัก 400 ชั่วโมง ก่อน , สอบถามนิดนึงครับ มีตัว sound card หรือ device แนะนำใหมครับ ? ที่จะทำไห้สามารถรีดประสิทธิภาพของ ลำโพงได้ออกมาเต็มที่ , ผมลองไล่อ่าน ๆ ดูอันเก่า ๆ ไม่ทราบว่าอุปกรณืเหล่านั้นตกยุคใหมครับ ผม ?

ขอบคุณครับ ^^

G7 กล่าวว่า...

ถ้าอยากให้ H-200D ออกมาเต็มๆ ก็ลองหา DAC มาใช้ดูครับ ไม่ต้องแพงมากก็ได้ อย่างพวก Maverick D1 ก็ได้อยู่ครับ

mann กล่าวว่า...

ผมมี solo9c แล้วครับ ตอนนี้ใช้ดูหนังได้คุ้มกับราคาที่เสียไปมากครับ ขอบคุณพี่G7มากครับที่แนะนำมาครับ
ผมจะถามครับว่า solo9c ตัวนี้จำเป็นต้องมี dac มาช่วยขับเสียงเพิ่มอีกมั้ยครับถ้าต้องการเสียงที่ดีขึ้น
ขอบพระคุณครับ

G7 กล่าวว่า...

แน่นอนครับ การต่อ DAC จะทำให้คุณภาพเสียงดีขึ้นแน่นอน แต่ตัว DAC ไม่ได้เพิ่มกำลังขับนะครับ ต้องบอกว่ามันเปลี่ยนบุคลิกเสียงมากกว่า ก็ขึ้นอยู่กับว่านำไปใช้กับอะไรนะครับ แต่ถ้าจะให้ดี ต่อ DAC ผ่าน PC หรือ Mac จะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าการต่อจาก TV หรือ เครื่องเล่น CD Player ครับ

mann กล่าวว่า...

ผมใช้กับเครื่องเล่น บลูเลย์ครับ งั้นคงไม่เพิ่มdacแล้วล่ะครับ ตอนนี้ดูหนังฟังเพลงมีความสุขแล้วครับ
ขอบคุณมากครับ

punjaroon80 กล่าวว่า...

ผมเห็นคนเปรียบเทียบตัวนี้กับ swan m50w เลยไปลองฟังเทียบกันแบบตัวต่อตัว ผมชอบเสียง h200d มากกว่า เพราะ swan m50w เสียงมันเหมือนดูอั้น ๆ ไม่โปร่ง ไม่ใส อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ

punjaroon80 กล่าวว่า...

คุณ g7 ช่วยเปรียบเทียบกะตัว edifier r1700 bt ให้หน่อยครับ ตัวนี้เสียงดีไหมครับถ้าเทียบกับ h200d

G7 กล่าวว่า...

เอาตรงๆเลยนะครับ

ตั้งแต่ผมฟัง edifier มา ตั้งแต่ตัวถูกรุ่นที่ดังมากๆในสมัยก่อน ไปยังตามระดับเทพมหาแพงมี Digial Control ดูดีสวยงาม
ยังไม่พบเจอว่ารุ่นไหนจะเสียงดีซักทีครับ มีดีแค่ตรงดีไซน์ดูดีหลอกตาคนเท่านั้นเอง


ดังนั้น H200d กินขาดครับ

แต่จริงๆแล้ว H500d เสียงดีกว่า H200d อีกนะครับ เพราะภาคขยายเหมือนจะดีกว่า ผมเคยลองฟังเทียบกันแล้ว H200d ค่อนข้างแพ้เยอะครับ ติดตรงราคาแพงกว่าเท่านั้นเอง H200d จึงคุ้มกว่าด้วยประการทั้งปวง


swan m50w ผมเองก็ไม่ชอบครับ ผมว่าไม่สมราคาและหน้าตามันเลย

Unknown กล่าวว่า...

ศูนย์ลำโพงMocrolabมีที่ไหนบ้างครับ

G7 กล่าวว่า...

ศูนย์ลำโพงในที่นี้หมายถึง

ศูนย์ที่รวมลำโพง Microlab เยอะๆ หรือ ตัวแทนที่นำเข้า Microlab มาครับ

เพราะถ้าตัวแทนนำเข้า ต้องลองสอบถามทาง Exmory ดูครับเพราะทางนั้นเป็นตัวแทนในไทย
ส่วนร้านที่ขาย microlab เยอะๆ ลองมาดูที่ IT Mall ชั้น 3 ฝั่งทางโรงแรมดูครับ ร้านจะอยู่ใกล้ๆกับ Proplugin Hi-Fi
ที่นี่จะขาย Microlab หลายรุ่นอยู่ครับ

อีกร้านก็น่าจะที่ Zeer รังสิต ชั้นราวๆ 3-4 นี่แหละครับ อยู่ใกล้ๆร้านขายพวกแผ่น DVD ผี ร้านนี้ก็มีพอสมควรครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขออนุญาตขอคำแนะนำนิดนึงครับ พอดีผมมี H200D อยู่ ชอบแนวเสียงประมาณนี้มากๆ
เลยอยากจะได้ลำโพงอีกสักตัว แต่มีงบประมาณ 4 พันบาท

ตอนนี้ลังเลอยู่ระหว่าง Solo6C กับ Pro2

ไม่แน่ใจว่าผมควรเลือกตัวไหนดีครับ

หรือมียี่ห้อ/รุ่นไหน แนะนำมั้ยครับ


ขอบคุณมากครับ

Christ Romon กล่าวว่า...

สอบถาม Microlab H200D สามารถเล่นเพลงจาก Android ได้มั้ยครับ ผมลองต่อกับ Samsung A7 โดยใช้สายเดิมที่แถมมาให้ (rca to mini) ปรากฏว่า ไม่มีเสียงออกมาเลยครับ แต่พอต่อกับ PC เสียงออกปรกติครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอสอบถามคุณ G7 หน่อยครับ

ผมกำลังหาลำโพงฟังเพลงมาใช้ในห้องนอนครับ ซึ่งระยะฟังเพลงประมาณ 2 - 2.5 เมตร

ผมชอบฟังเพลงที่รายละเอียดดีๆ Stage กว้างๆ ถ้าเป็นหูฟังก็แนวๆ UE TF10 pro

และผมมี Portable DAC คือ DX80 ครับ (DAC ตัวแรกเลย เพิ่งถอยมา)

ไม่ทราบว่าตัว H200D จะตอบโจทย์มั้ยครับ ตัวนี้เอามาฟังเพลงอย่างเดียวเลยครับ

ตอนแรกลองๆไปอ่านรีวิวมาหลายๆอัน ผมสนใจ KEF X300a แต่ราคาก็โหดหน่อย ต้องเก็บตังเพิ่มเยอะเลย ถ้าเทียบเสียงกับ H200D แล้วต่างกันมากมั้ยครับ

และผมกำลังหาลำโพงอีกตัวมาใช้ดูหนังครับ ด้วยระยะเดียวกัน ราวๆ2-3 เมตรครับ ไม่ทราบว่ามีตัวไหนแนะนำบ้างครับ

สองตัวนี้วางงบไว้ ไม่เกิน 20000 ครับ (รวมกันสองตัวนะครับ)

ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

อยากถามเปรียบเทียบสองรุ่น ระหว่าง x15 กับ H500 ตัวไหนดี ถ้าไม่มองในเรื่องราคา เอาใว้ทั้งฟังเพลง ดูหนังในคอมครับ คือเดิมใช้ x3 อยู่ รู้สึกไม่ค่อยชอบใน sat ไม่รู้ว่าใน x15 รุ่นใหม่ที่ใช้ sat ตัวเดียวกับ x3 เนี่ยเสียงจะต่างกันแค่ไหนครับ

G7 กล่าวว่า...

X3 กับ X15 เสียงคนละแบบเลยครับ ถ้าเน้นดูหนังผมว่า X15 น่าสนใจกว่าครับ คือ ถ้าเทียบกับ X3 ตัว X3 กลางจะแหบกว่าและเบสบวมกว่า X15 เบสลงตัวกว่าและเสียงแหลมดูไม่แหบเท่า แต่ H500 จะให้ความนุ่มนวลที่ดีกว่าครับ เหมาะกับการฟังเพลงที่สุด ถ้าเทียบสัดส่วนก็คง

X15 /ดูหนัง 70% / ฟังเพลง 30%
H500 /ดูหนัง 40% / ฟังเพลง 60%
X3 /ดูหนัง 80% / ฟังเพลง 20%

อันนี้เป็นเปอร์เซนต์ของความเหมาะสมนะครับ ถ้าซีเรียสหนัง ผมว่า X15 ดีกว่า แต่ถ้าซีเรียสเพลง H500 ดีกว่าครับ

แต่ควรจะไปฟังที่ร้านอีกทีนะครับ และควรใช้ DAC แทน soundcard ในเครื่องครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

.. ขอบตุณมาก ครับ ..

Unknown กล่าวว่า...

Solo 7 c เป็นไงบ้างคับเห็นขอบยางตัวเบสมันเล็กเบสเเน่นไหมคับเเบบว่ากระหึ่มไหมคับ

G7 กล่าวว่า...

เบส solo7c แน่นอยู่แล้วครับ ด้วยขนาดดอก และกำลังขับ ทำให้เบสออกมากระชับไม่บวม แต่ก็ไม่ได้กระหึ่มเหมือนกับลำโพงหน้าดอกใหญ่ๆ หรือพวกลำโพงแบบ 2.1 ที่บวก subwoofer ติดมาให้ด้วย ระดับเบสของ solo 7C เรียกว่าไม่แห้งหาย และไม่ขี้เหร่แน่นอนครับ แต่คนที่ชอบเบสล้นๆ อาจจะไม่โดนใจ แนะนำให้หา sub มาเพิ่มถ้าคิดว่าเบสยังไม่พอครับ

gun กล่าวว่า...

ณ ตอนนี้ปี 2018 เดือน 11
เจ้า Microlab H-200D ยังน่าเล่นอยู่มั้ยครับ? ในงบราวๆ 6000 บาท
ผมใช้ -เล่นเกม 50% -ฟังเพลงทุกแนว 30% -ดูการ์ตูนทุกแนว (ไม่ดูหนังนะครับ) 20%

หรือมีแนะนำตัวอื่นมั้ยครับ? (อยากได้แนวๆ 2.1 เพราะเน้นเล่นเกมดังที่กล่าวข้างต้น)

G7 กล่าวว่า...

ถามว่าน่าเล่นอยู่ไม๊ ผมว่าถ้าหาซื้อได้อยู่ก็ยังน่าเล่นครับ แต่เล่นเกมส์เสียงมันจะนุ่มนวลหน่อยนะครับ ถ้าเอาจากงบ 6000 ตัวนี้ถือว่าใช้ได้ครับ ถ้าเอาดีกว่านี้ก็น่าจะต้องไปเล่นพวก soundbar ไม่ก็ KRK rotkit4 ครับ แต่ราคาก็จะระดับขึ้นหมื่นแล้ว