Jays D-Jay
เป็นหูฟังที่ได้รับการกล่าวขวัญมานานตั้งแต่สมัยออกมาใหม่แล้วว่า ให้รูปแบบและ signature เหมือนกับ Grado เอามากๆ หลายๆคนที่ได้ตัวนี้ไป ( ใน Head-fi ) ก็พากันบอกว่ามันเหมือนจริงๆ ทำให้ผมอยากเอามาลองฟังจับจิต แต่ติดตรงที่สมัยนั้นยังไม่มีตัวแทนที่จะนำเข้ามาขาย ครั้นจะเสี่ยงดวงซื้อมาลองเองก็กลัวจะเจ็บตัวเหมือนหูฟังหลายๆตัวที่โดนมา
โชคดีที่ตอนนี้มีตัวแทนจากทางประเทศไทยรับ Jay เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทำให้ผมมีโอกาสได้ลองซะที ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่คนสนิทของผมอย่างคุณ ped เป็นคนหิ้วมาให้ลองฟัง วันที่ลองก็มีคนมารุมมาตุ้มกันหลายคนทีเดียวครับ พอถึงคิวผม ผมก็ไม่รีรอที่จะหยิบมาฟังอย่างโหยหาย.. พอเสียบเข้าไปในหูแล้วเริ่มบรรเลงเลื่อน Click Wheel บน iPOD ผมก็ต้องอุทานออกมาว่า...
เป็นหูฟังที่ได้รับการกล่าวขวัญมานานตั้งแต่สมัยออกมาใหม่แล้วว่า ให้รูปแบบและ signature เหมือนกับ Grado เอามากๆ หลายๆคนที่ได้ตัวนี้ไป ( ใน Head-fi ) ก็พากันบอกว่ามันเหมือนจริงๆ ทำให้ผมอยากเอามาลองฟังจับจิต แต่ติดตรงที่สมัยนั้นยังไม่มีตัวแทนที่จะนำเข้ามาขาย ครั้นจะเสี่ยงดวงซื้อมาลองเองก็กลัวจะเจ็บตัวเหมือนหูฟังหลายๆตัวที่โดนมา
โชคดีที่ตอนนี้มีตัวแทนจากทางประเทศไทยรับ Jay เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทำให้ผมมีโอกาสได้ลองซะที ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่คนสนิทของผมอย่างคุณ ped เป็นคนหิ้วมาให้ลองฟัง วันที่ลองก็มีคนมารุมมาตุ้มกันหลายคนทีเดียวครับ พอถึงคิวผม ผมก็ไม่รีรอที่จะหยิบมาฟังอย่างโหยหาย.. พอเสียบเข้าไปในหูแล้วเริ่มบรรเลงเลื่อน Click Wheel บน iPOD ผมก็ต้องอุทานออกมาว่า...
" มันเหมือน Grado ตรงไหนครับ...?!?!?."
ทุกๆคนที่อยู่ในบริเวณนั้นก็พากันคิดเหมือนผมว่า มันเหมือนตรงไหน ?? แล้วทำไมใน head-fi review ซะเลิศหรูอลังการอีกตามเคย.. ผมก็เดินหยิบๆจับๆงงๆอยู่หลายนาที ก่อนจะลองใส่เข้่าไปฟังอีกหน แล้วก็พูดว่า
" ตรงไหนที่มันเหมือน Grado เนี่ย ?!?!?! "
พอฟังต่อได้อีกซัก 2 นาทีผมก็หยิบออกจากหูและบรรจงวางลงบนโต๊ะเบาๆ ก่อนจะหันไปคุยเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ แต่ในใจก็ยังคงคิดว่า
" อะไรไปดลใจให้คนใน head-fi เค้าฟังแล้วรู้สึกว่าเหมือน Grado !?!?!?! "
ก่อนที่ผมจะกลายเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำหลอกกัดคนใน head-fi ไปมากกว่านี้ คุณ pedped เลยยื่น D-jay มาให้ แล้วบอกให้ผมช่วยจัดการ review ให้ที ผมก็เลยรับเอากลับมา review โดยที่ไม่รู้ว่า หลังจากนั้นตัวเองจะไม่มีเวลาว่างติดต่อกันเป็นอาทิตย์ -_-'a แต่ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายในนาที deadline ที่ชี้เส้นตายคืนหูฟังในวันรุ่งขึ้น ผมก็เลยรวมรวมความสามารถมา review หูฟังที่กำลังได้รับความนิยม ( หรือเปล่า ? ) ใน head-fi อย่าง d-Jays ครับ
================================================================
ค่าย Jays เป็นค่ายจากทาง Sweden ที่เพิ่งถือกำหนดมาได้ไม่นาน น่าจะอยู่ที่ราวปีกว่าๆ ถือเป็นค่ายน้องใหม่ที่โปรโมทไม่แรง แต่ค่อนข้างได้รับความเชื่อถือจากหลายๆคนใน head-fi ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะความที่เป็นหูฟังจากทางค่ายยุโรป ที่มักจะขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพของหูฟังในแง่ความทนทานและคุณภาพเสียง ทำให้หูฟังค่ายนี้ค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดีในระดับนึงทีเดียว โดย Product ตัวแรกที่วางตลาดก็คือ d-Jays นี่แหละครับ
ในชุดของ D-Jays ค่อนข้างให้ของแถมมาครบครันทีเดียวครับ มีทั้ง Pounching , สายต่อเพิ่มความยาว , แจ๊คสำหรับเสียบฟังในเครื่องบิน , แจ๊คสำหรับเนื้อคู่ตุนาหงัน , ฟิวเตอร์สำหรับสับเปลี่ยน และ จุกยางแต่ละขนาด เรียกว่าแถมของได้โอเคทีเดียว ตัวคุณภาพงานของหูฟังก็ดูแข็งแรงดีครับ ช่วง Housing ก็เป็นพลาสติกคุณภาพดีที่ทั้งหนาและเหนียว ส่วนสายก็เป็นแบบแข็งแรงในระดับนึง ไม่ได้เป็นสายบอบบางเหมือน Sony แน่นอนครับ
ในส่วนเรื่องของเสียง...
เสียงของ D-Jays ค่อนข้างแปลกนิดหน่อยครับ คล้ายๆกับว่าเค้าบูตเสียงแหลมให้มันจัดขึ้นอีกนิดนึงทั้งๆที่บุคลิกของ Driver มันไม่ได้ให้เสียงสูงที่จัดขนาดนั้น ( หรือมันจัดอยู่แล้วในก็ไม่รู้ ) ถ้านึกไม่ออกลองนึกภาพของ Bose In-ear ที่จัดขึ้นมาอีกหน่อยน่ะครับ คือโดยตัวหูฟังจะเน้นที่เสียงกลางเป็นหลัก ต่ำก็ไม่ได้ลงลึกมากมาย สูงก็ไม่ชัดเต็มที่ เรียกว่าเป็นหูฟังที่เสียงออกแนวกลางๆมา แต่ดันโดนบูตให้ออกจัดเล็กน้อย เพราะให้มันดูไม่อับและ dark มากเกินไป ผลคือเสียงมันออกแปลกๆนิดหน่อย
soundstage ของตัวนี้ไม่ได้กว้าง แต่ก็ไม่ได้แคบจนน่าอึดอัดครับ จุดหลักที่ตัวนี้เน้นคือมิติเสียงกลางน่ะครับ ลักษณะการให้มิติจะเป็นแบบแท่งสี่เหลี่ยมแนวตั้งน่ะครับ เพราะความกว้างช่วงมิติเสียงกลาง soundstage และช่วงคล้อยไปด้านหลัง ให้ความกว้า่งเท่ากันหมดครับ อาจจะป่องๆช่วง soundstage ในบางเพลง แต่โดยรวมแล้วเป็นแบบที่ว่ามาเลยครับ
การแยกชิ้นดนตรีถือว่าทำได้ดีครับ แต่ด้วยความที่หัวโน้ตหรือ impact ออกมาไม่เต็มๆ ทำให้ความรู้สึกเหมือนมันแผ่วๆบ้างเวลาเจอเพลงที่มีจังหวะเร็วๆ แต่ก็ยังพอแยกออกครับว่าชิ้นไหนอยู่ตรงไหน sound โดยรวมเลยไม่โดนคลื่นจังหวะดนตรีกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน ที่น่าแปลกคือ Balance ของ image ชิ้นดนตรีกับเสียงร้องมันไม่ค่อยจะไปด้วยกันเลยครับ เพราะเสียงร้องมีขนาด image ใหญ่ แต่ขิ้นดนตรีกลับเล็ก อาจจะเพราะเค้าเน้นให้ฟังเสียงร้องมากกว่าก็ได้ เลยทำให้เสียงร้องดูเด่นกว่าชิ้นดรีอื่นๆครับ
เสียงกลางดูเหมือนเนื้อจะน้อยไปหน่อยครับ มันเหมือนกับว่าจะเป็นหูฟังที่ให้มวลเยอะ แต่ก็ดันดูกลวงไปหน่อย แถมยังออกจัดเล็กๆด้วย ทำให้กลายเป็นกลางกลวงติดแห้งแต่ก็ยังพอมีเนื้อให้ได้สัมผัส สังเกตได้จากเสียงกลองที่มันจะเหมือนว่าลงมาไม่เต็ม เสียง Vocal ก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าส่วนอื่น แต่มวลก็ไม่ได้มากเท่าขนาดของ image แถมเนื้อก็ไม่อิ่ม แต่ด้วยความที่ Focus ได้ดีและมีเนื้อหนังบ้างเลยฟังได้แบบไม่เขอะเขินแต่อย่างใด ผมว่าถ้าเค้าไม่บูตเสียงสูงขึ้นมานี่ เสียงร้องคงขุ่นลงไปเลยครับ พอบูตขึ้นมาเลยทำให้ได้ Focus ที่ดีขึ้นอีกนิด สัมผัสตำแหน่งได้ง่ายขึ้น แต่ก็แลกกับเสียงที่ออกจัดนิดๆ สากหน่อยๆ
เสียงสูงค่อนข้างหายไปไวมากครับ เรียกว่ารู้สึกได้แต่ออกมาน้อย แถมออกแห้งๆด้วย ดูอย่างพวกแฉที่มาไวไปไวแถมไม่มีความกังวานเท่าไหร่ เรียกว่า impact ในส่วนเสียงสูงค่อนข้างน้อยครับ ยิ่งเสียงตีพวก triangle จะมาแบบกลืนเป็นเนื้อเดียวเลยครับ พวกไลน์กีต้าร์ไม่ต้องพูดถึงครับ ไม่ใช่ว่าคุณภาพไม่ดีนะครับ มันก็ดีระดับนึงแต่ยังห่างเกินที่จะใช้คำว่าเหมือน Grado น่ะครับ ไลน์กีต้าร์ยังไม่้เด่นเท่าไหร่ ผมว่า MX90VC ยังทำได้ดีกว่าอีกครับ
ตัวเบสอยู่ในระดับโอเคครับ ไม่ถึงกับรุนแรงมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย คือมี impact , middle และ deep แต่ ไม่ได้เยอะเลยซักอันครับ คือ impact ก็ไม่ได้แรงเท่าไหร่ออกกลางๆ เนื้อช่วง Middle ก็มีไม่ใช่ว่าไม่มี และยังลากลง deep ให้รู้สึกได้ เพียงแต่ทั้งหมดนี้ยังไม่ประทับใจผมเท่าไหร่ บางคนอาจจะชอบนะครับเพราะเบสมันไม่รุนแรงแต่ว่าพอมีให้ชื่นใจ และ Focus ได้ดีระดับนึง คนที่ชอบเบสเป็นหลักคงต้องผ่านตัวนี้ครับ เพราะเดินโน้ตเบสได้ไม่มันส์เท่าไหร่
โดยรวมถือเป็นหูฟังที่ให้เสียงออกกลางๆ ไม่มีด้านใดเด่นเป็นพิเศษ เห็นพิมพ์เหมือนจะไม่ดี แต่คุณภาพของเสียงและองค์ประกอบต่างๆก็ถือว่าทำได้ดีสมกับราคาค่าตัวแล้ว ครับ ไม่ได้ขี้เหร่เหมือนหูฟังถูกๆแน่นอน เพราะชิ้นดนตรีมีความเป็นมิติครับ ไม่ได้บี้แบนเหมือนหูฟังถูกๆ เพียงแต่ย่านเสียงแต่ละย่านมันเป็นแบบที่ผมบอกเท่านั้นเอง ลองฟังดูเองครับอาจจะชอบเสียงของ Q-Jays ก็ได้ ไม่งั้นคนใน head-fi คงไม่ชอบหลายคนหรอกครับ :)
SPEC
Driver : Micro Armature
Isolation : JAYS Sound Isolating System
Sensitivity : 115dB SPL @ 1 kHz
Impedance : 40 Ohm @ 1 kHz
Frequency Response : 20Hz - 20 000 Hz
Cord : L 0.60 m (~24 inch) + 0.90 m (~35 inch) extension cord, W 2/1.5 mm (0.079/0.059 inch)
Weight : 13 grams (0.46 oz)
Plug : Straigth, Gold-Plated Stereo Mini-Plug 3.5 mm (1.8 in)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น