วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Review Sennheiser HD485

Sennheiser HD485



http://www.mrgadget.com.au/catalog/images/Sennheiser_HD485_Open_Dynamic_Hi-Fi_Stereo_Headphones.jpg


review ติดๆกันเลยยี่ห้อนี้ 555 ตัวนี้ผมได้มาซักพักแล้วครับ หลังจากไม่แน่ใจว่าตกลงได้รับการ burn แล้วหรือยัง จริงๆเจ้าของแกก็ยืนยันว่า burn ไปบ้างแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจ ผมก็เลย burn ต่ออีกวันกว่าๆ แต่เสียงก็ไม่หนีจากเดิมเท่าไหร่ เลยสรุปว่าคง burn มาได้ที่แล้วกระมัง
ความจริงผมเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อของมันครั้งแรกนี่แหละครับ เพราะหูฟังของทางฝั่ง Sennheiser รุ่นกลางๆนี่ผมไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ พอดีตัวนี้หลุดมาแปลกๆ แถมราคาก็สูสีกับ MS-1 ด้วย อีกอย่างก็เป็น Open Dynamic เหมือนกัน เลยคิดว่าน่าจะซัดกันสนุก แต่หลังจากได้ลอง ปรากฏว่ามันคนละสไตล์กันเลยครับ ก็ยังมิอาจนำมาเทียบกันได้อยู่ดี คงต้องแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนครับ

เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกผมว่า มันก็ดูดีครับ ไม่ได้ขี้เหร่แต่อย่าใด เนื้อพลาสติกก็ดีครับ เรียกว่างานใช้ได้ทีเดียว แต่ไม่ค่อยชอบใจตรงผ้าหุ้มฟองน้ำเท่าไหร่ครับ มันเหมือนหูฟังถูกๆเลย การใส่ก็สบายครับ ไม่บีบรัดหัวแต่อย่างใด แถมหูฟังน้ำหนักค่อนข้างเบสทีเดียวครับ ใส่แล้วเหมือนไม่ได้ใส่ Very Happy เพราะมันสบายมาก แถมกระชับมากด้วยครับ รับรองว่าไม่หลุดจากหัวง่ายๆแน่ๆ ตัว Driver ก็เป็นแบบครอบทั้งหู ไม่ได้กดทับเข้าใบหู ทำให้คนที่มีปัญหาเรื่องใช้ Fullsize อย่าง Grado แล้วเบื่ออาการเจ็บจากหูล้าเพราะโดนกดทับทั้งใบน่าจะพอยิ้มกันได้บ้างครับ สายก็ดูแข็งแรงทีเดียวครับ แถมผมรู้มาว่ารุ่นนี้ถอดเปลี่ยนสายเองได้ด้วยครับ( เหมือน 280pro กับ 650 เลย )แต่ผมไม่กล้าลองนะ ไม่ใช่ของผมนิ ดึงแล้วเดี๋ยวพังล่ะยุ่งเลย

สำหรับ 485 นี่ สิ่งแรกที่เด่นชัดที่สุดคือ เบสครับ เป็นเบสที่ impact ในระดับนึงทีเดียว เบสจะคล้ายๆ CX300 แต่แน่นกว่า และมี image ที่ชัดเจนกว่า ในขณะที่ CX300 เบสจะออกเบลอๆหน่อย เพราะมีเบสช่วง Middle มากกว่า Upper ครับ ส่วน Deep เบสไม่ต้องหาครับ มันก็ยังคงลงได้ไม่ลึกเหมือนที่ 650 ทำได้อยู่ดีครับ แต่ผมว่าเบสใช้ได้ทีเดียวนะ มีความเป็น Melody กว่า CX300 เยอะเลยครับ และ impact กว่า MS-1 แน่นอนครับ ขานั้นเบสสไตล์นุ่มนวลครับ

เรื่อง Soundstage นี่ไม่ต้องห่วงเลยครับ กว้างมากๆ มิติเสียงกลางก็ใช้ได้ครับ ตอนที่ฟังนี่ผมพลางนึกไปถึง soundstage ของพวก K501 , 601 และ 701 เลยครับ สไตล์การให้เสียง soundstage ออกทางนั้นมากๆ แต่เสียงกลางสู้ 501 ไม่ได้เลย ( 5555 )
Tone เสียงจะออกทึมๆหน่อย หรือเป็นสไตล์แบบ Dark Ambient เลยครับ ก็ตามแบบฉบับของ Sennheiser ตรงนี้ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่ที่ผมสงสัยคือ ทำไมเสียงมันช่างเบลอไปในทุกๆช่วง ไม่ว่าจะสูงกลางต่ำ ไม่มีเสียงไหนนิ่งชัดเลยครับ ขนาดเสียงร้องยังออกเบลอๆเลยครับ ทุกย่านจะติด Distortion เล็กๆบางๆตลอด ช่วงเสียงโทนต่ำจะไม่รู้สึก แต่ตรงเสียงกลางและเสียงสูงจะเห็นได้ชัดมากๆครับ ขนาดเสียงแฉยังตีไม่เป็นแฉเลยครับ ออกมาเป็นเสียงเบลอๆหน่อย ยิ่งบางเพลงที่เป็นพวกกลอง Digital แล้ววางตำแหน่งพิลึกๆหน่อย แฉจะบางเบลอลงมากๆเลยครับ

การแยกชิ้นดนตรีทำได้เกือบดีครับ เพราะด้วยความช่วยเหลือจาก soundstage และ มิติเสียงกลางกว้างๆ ทำให้แยกได้ดีพอสมควร แต่ดันติดที่คลื่รบกวนจาก distortion นี่แหละครับ มันทำให้เวลาดนตรีขึ้นพร้อมๆกันแล้วมันจะมั่วมากเลยครับ แต่มันไม่ได้ทับกันมั่วนะครับ เพียงแค่มีเสียงเข้ามากวนกันเท่านั้นเอง เพราะชิ้นดนตรีไม่มีความนิ่งพอครับ
เสียงกีต้าร์สำหรับหูฟังตัวนี้ให้น้ำหนักได้ดีครับ แต่ก็ เบลอๆ หน่อยๆ คนละเรื่องกับ Mx90vc และ Px10 เลย แต่เรื่องกลองผมว่าดีกว่า Mx90vc ตรงที่ผมสามารถรับรู้ได้ว่าเสียงกลองมาจากหน้ากลองแบบพลาสติกหรือหน้ากลอง หนังครับ น้ำหนักการลงไม้แต่ละครั้งก็ดีมากเลยครับ จริงๆถ้าเนื้อมันไม่ออกเบลอๆจะดีมากเลยครับ

ความจริงก่อนหน้าที่จะฟังตัวนี้ผมได้ลอง ATH A900 ก่อนด้วยครับ ซึ่ง A900 นี้ให้เสียงร้องที่นิ่งและชัดมากๆ image ชิ้นดนตรีทุกชิ้นก็นิ่ง ใส และออกเย็นๆ พอหยิบ 485 ขึ้นมาฟังต่อ... โอ้... คนละเรื่องเลย 555 แต่เบสของ A900 มันเป็น Middle เบสครับ ตัวนี้เลยจะค่อนข้างกินในเรื่องของเบสครับ

เรื่องแปลกอีกอย่างคือ การสร้างมิติของดนตรีครับ คือ เสียง Vocal เนี่ย บางเพลงตัว 485 จะจับลงมาอยู่ข้างหลังหัวตรงช่วงใกล้ๆหลังคอครับ บางเพลงก็อยู่ด้านบนปรกติ ตรงนี้ไม่รู้จะโทษ sound egineer ดีไม๊ เพราะเพลงเดียวกัน ฟังกับหูฟังอื่นก็ไม่เป็นนะครับ ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร แต่ถ้าไม่จับผิดมากก็จะไม่รู้ครับ เพราะปลายเสียงมันก็ทอดขึ้นไปถึงด้านบนครับ เพียงแต่จุด focus ของ vocal มันไปอยู่หลังหัวเท่านั้นเอง

สำหรับเสียงโดยรวมผมให้ดีนะครับ เพราะเบสใช้ได้ กลองก็ตีได้มีพลัง จะเสียงตรงเนื้อเสียงดันมัวๆ ซึ่ง มันไม่ได้ขุ่นเหมือน Um2 ด้วยครับ แต่ออกมัวๆได้เป็นเอกลักษณ์มากๆ เสียงร้องก็มีมวลนะครับ แต่จะออกมัวๆแห้งๆ ถ้าไม่ติดตรงความขุ่นมัว ผมว่าจะเป็นหูฟังที่ดีมากๆครับ เพราะ Dynamic ใช้ได้เลย ปลาย dynamic range ก็ไม่บาง แถม soundstage กว้าง มิติเสียงกลางก็ดีทีเดียว

ถ้าเทียบกับ Ms-1 ผมว่าคนละแบบกันเลยครับ ตอบไม่ได้ใครดีกว่า เพราะมีดีคนละแบบ ถ้าสนใจก็ลองหาฟังกันดูครับ อาจจะตรงใจเราก็ได้นะครับใครจะรู้


SPEC

Jack plug : 3,5/6,3 mm stereo
Nominal impedance : 32 ohm
Weight w/o cable ca. : 220 g
Transducer principle : dynamic, open
Ear coupling : circum-aural
Cable length : 3 m
Frequency response (headphones) : 16hz - 24000 Hz
Sound pressure level (SPL) : 110 dB(SPL)
THD, total harmonic distortion : <0,2 %

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หาแอมป์ที่เหมาะกับ HD 485 หน่อยครับ...

ตอนนี้ใช้คู่กับ Racing Moose อยู่...

ถามว่าโอเคไหม...

มันก็โอเคนะครับ...

เพราะว่ามันลดความมืดคงได้นิดนึง...

แต่ถ้าเป็นอย่าง Thunder Bolt มันจะออกลักษณะไหนอ่ะครับ...

หรือ อาจเป็นตัวอื่น...

รบกวนช่วยแนะนำด้วยนนะคร้าบ...

G7 กล่าวว่า...

Signature ของ Thunder Bolt ไม่หนีจาก Raging Moose หรอกครับ จริงๆแอมป์ทั้งคู่เสียงค่อนข้าง Bright อยู่แล้ว ถ้าอัดไม่ขึ้่นก็ไม่แปลกครับ เพราะโดย Signature ของ HD485 มันออกขุ่นแบบนั้นแหละครับ ผมว่าต่อให้ใช้แอมป์ Headstage หรือ แอมป์ที่เน้นใสเป็นหลักอันอื่นๆ ก็ไม่น่าจะอัดให้ 485 หลุดความ dark ได้ครับ


หรือไม่ก็ต้องยอมแลกกับเบส โดยเลือกแอมป์เป็น Heed แทน น่าจะโปร่งขึ้น เพราะทำให้ 650 โปร่งได้ แต่ก็ทำให้เบสลดลงไปเยอะทีเดียว