ULTRASONE PRO 550
ก่อนที่จะได้ Pro 550 มา review ผมได้ลองเข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหูฟังรุ่นนี้ใน head-fi ปรากฏว่า ข้อมูลมีน้อยมาก เพราะคนได้ลองมีไม่เยอะ ส่วนใหญ่ที่มีให้อ่านจะเป็นพวก Edition 9 ไม่ก็ Pro 750 ( ที่ถกเถียงกันอยู่ว่า มันเสียงดี หรือเสียงห่วย ) ก็เลยรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยว่า ทำไมไม่มีคนสนใจจะใช้ หรือว่าข้อมูลน้อย ? หรือว่าไม่มีคนเชียร์ ? สถานการณ์ช่างแตกต่างจาก Grado และ Sennheiser จริงๆ ( แต่ก็เหมือน Denon , Sony และ JVC ) แต่พอได้เห็นรูปปั๊บ ผมไม่แปลกใจเลย
เพราะมันดูขี้เหร่มาก..... เป็นงาน Design ที่ไม่เรียกร้องความสนใจให้คนซื้อมาฟังเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่พอเจอของจริงแล้วแกะออกจากกล่องปั๊บ......
ก็ขี้เหร่ตามที่คาดหวังไว้เป๊ะๆ..
แต่งานภายนอกดูบึกบึนและน่าจะทนทานเอามากๆ เพราะมันไม่มีส่วนที่เป็นเหล็กแวววาวเหมือนรุ่นพี่ ทำให้ไม่ต้องมานั่งระแวงกลัวเหล็กจะเป็นรอยขูดขีด แต่ PAD นี่ ดูแล้วน่าจะทนทานน้อยกว่าพวก HFI เยอะ ดีที่มันถอดเปลี่ยนได้สบายๆ แถมใน set ของ Pro 550 เอง ก็แถม PAD สำรองไว้ให้อีกชุดนึงด้วย ดังนั้น ใช้งานได้สบายๆ เต็มที่ เรื่อง PAD นี่สำคัญนะครับ เพราะยี่ห้อนี้ PAD ค่อนข้างมีผลกับเรื่องของเสียงเอามากๆเลยทีเดียว ผมชอบอีกอย่างคือ ตัว Ultrasone เกือบทุกรุ่นเนี่ย ตรงส่วนคานด้านบนสุดของหูฟังที่อยู่ในช่วง Headband น่ะครับ มันจะเป็นยางแบบแข็ง ไม่ได้เป็นพลาสติกแข็ง ทำให้งัดงอเล่นได้ เพราะหูฟังตระกูลนี้มันพับเก็บให้เ้ล็กสำหรับพกพาไปไหนมาไหนแบบสะดวกๆหน่อย เผื่อบางคนขี้เกียจแบกเคสไป จะได้หาถุงมาใส่แทน และยังช่วยเพิ่มความทนทานได้อีกระดับนึงด้วย ไม่งั้นจะได้เจออาการหูฟังแตกเหมือนยี่ห้อ Philips (บางรุ่น) ที่เหลือก็มีของแถมตามสไตล์ Pro ทั่วไป คือ เคสใส่หูฟัง และสายสำรองที่เอาไว้เผื่อถอดเปลี่ยนเล่นได้
ตัว Pro จะแตกต่างไปจากพวก HFI นะครับ ตรงที่ Pro ทุกรุ่นยังใช้ S-Logic ธรรมดาอยู่ แต่เรื่องมิติก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันมากนักหรอกครับ
บอกกันตามตรงว่า ผมไม่เคยคิดจะหยิบมาลองฟังเลยแม้แต่นิดเดียวเลยครับสำหรับตัวนี้ และเชื่อว่า ถ้าวางไว้เฉยๆบนโต๊ะ ก็ไม่มีใครคิดหยิบฟัง หรือขโมยกลับบ้านแน่นอนครับ บังเอิญว่า ตอนผมเอา HFI-580 ไปคืน มันเหลือตัวนี้อีกตัวเดียวที่ผมยังไม่ได้ลองเสียงมันเลย นอกนั้นผ่านหูหมดเรียบร้อยแล้ว ( จริงๆเหลือ 450 ด้วยครับที่ยังไม่ได้ลอง เพราะของไม่มี ) ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็หาข้อมูลของทั้ง 450 และ 550 มาก่อนอย่างที่บอกไว้ตอนต้นๆแล้ว เนื่องจากมันเป็น 2 ตัวสุดท้ายที่ยังไม่รู้ว่าเสียงเป็นยังไง เลยอยากจะหาข้อมูลไว้เผื่อเทียบและ reference แต่ในเมื่อหาไม่ได้ ผมก็เลยหิ้วกลับมาลองเองที่บ้านเลยครับ
ผมค่อนข้างคาดหวังไว้ว่า มันจะต้องออกไปทาง Pro 750 แน่ๆ เพราะหูฟังสไตล์ Pro จะออกแนวๆนั้นหมด แต่ปรากฏว่า ผิดคาดครับ เพราะมันไม่เหมือนเท่าไหร่นัก
ตัว Pro 550 จะให้ image เสียงร้องค่อนข้างใหญ่ image ชิ้นดนตรีใหญ่ ถ้านึกภาพไม่ออก ก็นึกถึง AD2000 นั่นแหละครับ คล้ายๆกันเด๊ะเลย ตอนแรกที่ผมฟังยังนึกถึง AD2000 เลยครับ แต่พอฟังเทียบกันแล้วเลยรู้สึกว่า ตัว Pro 550 จะออกนุ่มนวลกว่า ปลายเสียงสูงจะจัดกว่านิดๆ และให้เสียงกลองที่ชัดกว่า ส่วนของAD2000 จะให้เสียงร้องที่ชัดกว่า กลองจะขุ่นกว่าหน่อย แต่ impact ของ AD2000 จะดีกว่า ว่ากันตามตรง คู่นี้ไม่ค่อยน่าเอามาเปรียบเทียบเท่าไหร่ เพราะถือว่าเป็นมวยคนละรุ่น ราคาก็ห่างกันเป็นเท่าตัว แถมตัว Pro 550 เป็น Close Type แต่ AD2000 เป็น Open อีกตะหาก เอาเป็นว่า คุยกันเรื่องเสียงของ Pro 550 ล้วนๆแล้วกันครับ
ครั้งแรกที่ผมลองเปิดเพลง test ผมค่อนข้างตกใจอย่างแรงครับ เหตุผลเพราะ ผมสบประมาทมันไว้เยอะ และคาดหวังความเป็น Signature ของพวก Pro series ว่าน่าจะคล้ายๆกันหมด แต่ปรากฏว่ามันผิดคาดเมื่อเพลงเริ่มต้นขึ้น เพราะมันให้มิติที่ดูสมจริงมากๆ อารมณ์คล้าบๆกับกำลังฟังลำโพงธรรมดาซักตัว แถมยังรู้สึกถึง ความโล่ง ความโปร่ง และความนุ่มสบายของเสียงที่ Pro 550 ให้มาได้อย่างเต็มที่
ด้วยลักษณะ soundstage ที่ออกกว้างๆ และระบบ S-Logic ที่ทำให้ิมิติโอบล้อมรอบด้านหลัง ทำให้ขนาดใหญ่ของ image แต่ละย่านไม่ใช่ปัญหา เพราะโอกาสที่เสียงจะเกยกันนั้นต่ำมาก ถ้าเทียบกับหลายๆตัวของยี่ห้อนี้ ตัว Pro 550 น่าจะเป็นตัวที่ฟังง่ายและฟังสบายที่สุดแล้วครับ มิติที่ได้โอ่โถงอลังการ การใส่ก็ไม่หนีบเิกินไป ไม่หลวมเกินไป ใส่แล้วสบายๆ เพียงแต่จะรู้สึกว่า Driver มันใหญ่โตมากไปหน่อยเมื่อเทียบกับเวลาใส่พวก HFI ที่ให้ความรู้สึกว่ากำลังใส่หูฟังมากกว่า เพราะตัว PRo 550 ให้อารมณ์เหมือนกับกำลังเอาลำโพงมาแปะที่หูสองข้างเลย
เสียงสูงของ Pro 550 จะถูกลบความคมลง ทำให้ขอบเสียงมีความมนมากขึ้น เสียงเลยไม่จัดจ้านบาดหูแบบ HFI-780 แต่ก็ไม่ได้ขุ่นแบบพวก Westone Um2 เพราะยังได้ยินรายละเอียดที่ชัดเจน แม้่จะไม่ได้พริ้วหวานและทอดตัวไปจนสุด แต่ระดับของเสียงก็อยู่ในขั้นกำลังดี กลางๆ ไม่เก็บตัวเร็ว หรือทิ้งตัวนาน เห็นแบบนี้นี่ เวลาฟังเพลงก็ใสมากๆนะครับ เสียงแฉ กับ ไฮแฮทก็ยังได้ยินชัดเจน เพราะยี่ห้อนี้เด่นเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
อีกอย่างที่เห็นได้เด่นชัดคือไลน์กีต้าร์ของ Pro 550 จะนุ่มนวลกว่าของ HFI series แต่ก็ต้องแลกกับความคมชัดของแต่ละเส้นสายในทุกๆช่วงที่กรีดลากลงไป จริงๆก็ไม่ใช่ว่ามันไม่ชัดนะครับ คือมันก็ชัดดี และให้หัวโน้ตที่ดีมาก ไลน์กีต้าร์พริ้วและเป็นธรรมชาติเหมือนกัน เพียงแต่ ความชัดมันสู้พวก HFI ไม่ได้เท่านั้นเอง
เสียงกลางเป็นจุดเด่นอีกอย่างของตัวนี้เลยครับ เพราะกลองจะชัดมาก จังหวะการลงก็นุ่มนวลและให้เสียงที่ดูเป็นธรรมชาติเอามากๆ เป็นกลองที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นกลองจริงๆจนเวลาไปฟังพวก HFI แล้วรู้สึกเลยว่า กลองทางนั้น color กว่าเยอะ ตำแหน่งของการวางกลองก็แน่นอนและชัดเจน ไม่ดูลอยๆเหมือนกับของ AD2000 แถมมวลก็ไม่ได้เยอะแบบ HD650 ด้วย ตัว impact ของกลองก็แน่นดี ถึงแม้ impact จะไม่หนักหน่วงขนาด AD2000 แต่ก็ให้ impact ที่เหมาะสมกำลังดีแล้วครับ
ขนาด image กลองเองก็ดูใหญ่ ไม่ได้โดนบีบให้เล็กเหมือนกับรุ่นพี่อย่าง Pro 750 ทำให้ฟังแล้วไม่อึดอัด ตัว image เสียง Vocal เองก็ใหญ่ ใหญ่แบบ AD200 นั่นแหละครับ แต่จะขุ่นกว่าและถอยไปในด้านหลังแบบลึกๆกว่านิดนึง เพราะของ AD2000 จะขึ้นไปอยู่ส่วนของมิติเสียงกลางที่สูงกว่า ฟังเสียงแล้วก็เพราะทั้งคู่ครับ เสียงไม่ได้ออกหวานแบบ A900 หรือออกอมๆขึ้นจมูกนิดๆเหมือน Pro 750 แต่จะออกกลางๆเย็นๆ นุ่มๆ และค่อนข้างเปิด ฟังเสียงร้องผู้หญิงอย่าง Susan Wong ก็เพลินๆดีเหมือนกันครับ เพราะ sound โดยรวมมันนุ่มด้วย
เบสจะออกคล้ายๆ sub เบส คือ จะไม่เน้น impact มาก แต่จะเน้นที่ middle เบส และ deep ทำให้ไลน์ของเบสชัดนิ่งและพริ้ว แต่ก็ไม่ได้ด้่อยในส่วนของ impact มากมาย เพราะเวลาเหยียบกระเดื่องแต่ละครั้ง มันก็มี impact กระแทกเข้าหูมาเหมือนกันครับ ด้วยความที่เป็นหูฟังที่มวลไม่ได้เยอะ ทำให้เนื้อเบสเลยไม่บวม และไม่ได้มี impact มากมายแบบ HD650 ที่สำคัญ เบสยังออกนุ่มนวลด้วย เข้ากันกับบุคลิกโดยรวมของหูฟังตัวนี้เลยทีเดียว เวลามีเสียงต่ำมันจะมีเบสแบบคล้ายๆซับออกมา แต่ถ้าเป็นเพลงอัดมาดีๆตัวโน้ตเบสก็จะชัดทีเดียว เสียง drum bass ก็แยกไปต่างหาก มี impact ที่ดีและแน่น เป็นหูฟังที่ขึ้นอยู่กับเพลงมากๆ
โดยรวมถือเป็นหูฟังที่ฟังเพลงสบายเอามากๆตัวนึงเลยทีเดียว เสียงก็ออกมาเต็มอิ่มไม่มีอั้น แต่ image รู้สึกแบนไปนิดเท่านั้นเอง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆใน Series เดียวกัน ให้เสียงที่โอบล้อมอารมณ์เหมือนมีคนเอาลำโพงมาวางใกล้ๆเ เสียงออกนุ่มๆ โปร่งๆ ฟังสบายๆ แต่ก็สามารถฟังเพลงร๊อคได้แบบไม่ขัดเขิน ยิ่งถ้าฟังเพลง pop , jazz , Classic ยิ่งเข้ากันไปอย่างดี โดยเฉพาะเพลงที่อัดมาแจ๋วๆ ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ครับ ส่วนเรื่องดูหนัง ดู Concert ก็เหมือนตัวอื่นๆแหละครับ เพราะเป็น S-Logic ยังไงก็ดีทั้งนั้น เหมาะสำหรับการฟังของทุกเพศทุกวัน ยกเว้นพวกหูเหล็กเน้นเบสทรงพลัง
ถ้าวัดเฉพาะเรื่องเสียงอย่างเดียว น่าจะเป็นตัวที่ฟังแล้วรู้สึกดีที่สุดในบรรดาทุกๆรุ่นแล้วครับ ( ไม่ันับ Edition 9 เพราะไม่เคยฟัง ) เพราะความที่มันอยู่ตรงกลางง่ายๆ เบสนุ่มๆ เสียงใสๆ ทำให้ฟังสบาย เพลงอะไรก็ฟังแล้วเพราะ ( ยกเว้นเพลงที่อัดมาห่วยๆ ) ยิ่งฟังยิ่งยากจะหามุ้งหมอนมากางนอนให้รู้แล้วรู้รอดไป...
SPEC
S-Logic™ Natural Surround Sound
Dynamic principle
Frequency range 10-22.000 Hz
Impedance 64 Ohm
Sound pressure level 102 dB
MU Metal bufferboard, reduced field emissions
in accordance with ULE (=Ultra Low Emission) standard
Driver 50 mm Mylar
Weight 295 g (without cord)
Long-term availability of spare parts
2 ความคิดเห็น:
ตัวนี้ใส่สบายไหมครับ
กำลังหาข้อมูลของ อัลต้าโซนอยู่ครับ
ทั้ง pro 2500 pro 550
ไม่รู้จะเอารุ่นไหนดี
ใส่สบายครับตัวนี้ ตัว Pro2500 เองก็ใส่สบายครับ แต่ 2500 จะกระชับกว่า 550 ครับ
ถ้าเอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ และมีเวลา burn นานๆ ก็เลือก Pro2500 ครับ
ถ้าเน้นฟังเพลง ดูหนังบางครั้ง งบไม่สูงมาก ก็เอา Pro550 ครับ
ไปลองฟังดูได้ครับเห็นร้านขายหูฟังเฉพาะด้านอย่าง Munkonggadget และ JetliveAudio จะมีตัวอย่างให้ลองทั้งสองรุ่นครับ
แสดงความคิดเห็น