วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Review หูฟัง q-Jays

Jays q-Jays







หูฟัง Q-Jay ถือเป็นหูฟังใหม่จากค่ายทางสวีเดนอย่าง Jays ที่เพิ่งเริ่มจับตลาดหูฟังได้ไม่นาน โดย model แรกที่วางตลาดคือ D-Jay ซึ่งเป็นหูฟังแบบ B-Amarture แบบ 1 driver ในขณะที่ q-Jay เป็นหูฟังในแบบ 2 Driver แต่เป็น 2 Driver ที่มีขนาดเล็กมากๆ น่าจะเป็น IEM 2 Driver ที่เล็กที่สุดในตลาดแล้ว


ดูจากงานวัสดุภายนอกนี่ ผมว่างานประกอบอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียวครับ การเก็บรายละเอียดทุกส่วนทำได้เรียบร้อยดีมากๆ ทั้งคุณภาพวัสดุที่นำมาใช้ก็เป็นของเกรดดีเกือบหมด ตัวสายก็ดูแล้วว่าน่าจะแข็งแรงดีในระดับนึง ของแถมที่ให้มาในกล่องเองก็เพียบเลยครับ ทั้ง Pounching แจ็คแปลงทั้งหลาย และ จุกยางสำหรับสับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับรูหูของเราก็ถือว่าให้มาครบจนออก จะเกินหน้าเกินตายี่ห้ออื่นๆด้วยซ้ำครับ
ขนาดสายต่อเพิ่มความยาวยังให้มา ทั้งสองแบบเลยครับ คือมีแบบแจ๊คตรงกับแบบแจ๊คตัว L ให้เลือกไปใช้งาน แถมยังมี "แจ๊คแฟนฉัน" ที่เป็นแจ๊คสำหรับแยกรู 3.5 ออกเป็นสองรู ไว้เผื่อให้คนใกล้ตัวเอาหูฟังมาเสียบฟังเพลงรักร่วมกันยามหวานแหววแอ๊บแบ๊ว




- อุปกรณ์ครบเครื่องจริงๆครับ -




ที่สำคัญคือ มี Filter แถมมาให้ด้วย.. ถ้าสังเกตดูจากในรูป จะเห็นเหมือนเป็นแผงปืนแก๊ป ที่เป็นจุดเล็กๆสีดำนั่นแหละครับ เห็นว่าสามารถเปลี่ยนเองได้ด้วย แต่ผมก็ไม่กล้าแกะเปลี่ยนหรอกนะครับ เพราะไม่ใช่ของตัวเอง เกิดหายไปละแย่เลย เพราะมันอันนิดเดียว แถมยังดำอีกตะหาก หล่นพื้นไปนี่ไม่ต้องหาให้เสียเวลา

ส่วนที่ผมชอบอีกอย่างคือ ขนาดความยาวของสายครับ หลังๆรู้สึกว่า หูฟังเป็นแบบ SP จะเริ่มฮิตมากขึ้น ขนาด Sennheiser ยังทำ CX400 ออกมาเป็นแบบ SP ที่ต้องมีสายต่อเลย คนอื่นๆจะเอาไปใช้กับอะไรนี่ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเอามาใช้กับ Bluetooth ของ iTech แล้วสะดวกมากเลยครับ ความยาวของสายต่อก็พอเหมาะพอดี ไม่ยาวหรือสั้นเกินไป ไม่เหมือนกับ Shure SE series อันนั้นนี่สั้นเกิดเหตุ เพราะของ Shure ผมเอามาเสียบกับ iPOd ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อไม่ได้เลยครับ แต่ของ q-Jays นี่สบายๆ ยาวกำลังดี ( รู้สึกว่า CX400 ก็สั้นไปนิดครับ ) โดยรวมถือว่าออกแบบได้ดีครับ ทั้งงาน Design ก็อยู่ในระดับที่โอเคทีเดียว เป็น In-ear ที่ไม่ต้องคล้องหลังหู เพราะเค้า design ให้ใส่สบายๆเหมือน earbud ครับ ผมว่า ใส่ดีกว่าพวก CX อีก เพราะอย่าง body ของ q-Jays จะหันตัวเข้าไปวางพอดีกับช่องว่างด้านในใบหู ส่วน CX จะลอยๆ บางทีผมก็ใส่แล้วไม่ค่อยมั่นใจว่ามันอยู่พอดีหรือเปล่า แต่ของนี่ q-Jays นี่เป๊ะหมดเลย กับหูคนอื่นผมก็ไม่รู้นะครับ เพราะโครงสร้างบางจุดไม่เหมือนกัน เดี๋ยวใส่แล้วไม่เหมือนที่ผมบอกจะมาว่าผมอีก



มาว่ากันที่เรื่องของเสียงบ้าง....



ตอนที่ลองครั้งแรกผมก็รู้สึกเลยว่า image มันเล็กเอามากๆ ขนาดผมว่า E4C ให้ image ที่เล็กแล้ว ตัว q-Jays ก็ยังอุตส่าห์เล็กกว่านั้นอีก แต่ก็ไม่ได้เล็กกระจิดริดเท่ากับ ER4P นะครับ โดยส่วนตัวแล้วผมจะชอบ Image ใหญ่ๆ และให้มิติดีๆมากกว่า เพราะมันฟังแล้วเต็มๆกว่า แต่หูฟังตัวนี้ให้ขนาด image ที่ match กับรูปลักษณ์ภายนอกมันมากๆเลยครับ ผมว่าหูฟัง q-Jays ไม่เหมาะกับสีดำด้วยซ้ำครับ โดยบุคลิกเสียงของมันแล้ว สีขาวนี่้แหละลงตัวที่สุด

soundstage ของ q-Jays ไม่แคบเลยนะครับ ถึงแม้จะไม่กว้างเท่ากับ super.fi แต่ผมถือว่า ระดับของ soundstage ขนาดนี้อยู่ในขนาดกำลังเหมาะครับ เพราะ image ของตัวq-Jays ค่อนข้างเล็กอยู่แล้ว ถ้า soundstage กว้างไปกว่านี้ัมันจะเวิ้งว้างมาก อีกอย่างคือ มิติเสียงกลางมันก็ให้ได้ลึกดีกมากๆ ถ้าใครได้ลองฟังจะรู้สึกว่ามันทั้งโปร่งทั้งโล่งเลยครับ และด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมว่ามา เลยเป็นผลให้การแบ่งแยกชิ้นดนตรีทำได้ดีเอามากๆครับ แต่ก็ยังไม่ดีเทียบเท่า E4C นะครับ เพราะเวลาเจอดนตรีหนักๆมากๆ การแบ่งแยกชิ้นดนตรีบางชิ้นก็ยังไม่ขาดชัดเจนเท่า E4C แต่โดยรวมนี่ต้องถือว่าด้อยกว่า E4C อยู่เล็กน้่อยครับ อยากจะเทียบกับ Er4P เหมือนกัน แต่ผมจำเสียงมันไม่ได้ซะแล้ว..

เสียงกลางของ q-Jays จะออกจัดเล็กน้อยครับ คือจะ Bright แต่ก็ไม่แห้งและจัดเท่า Er4P เพราะมันยังพอมีเนื้อๆให้ได้สัมผัสบ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะเสียงกลางที่รู้สึกถึงน้ำหนักได้ครับ ผมว่าเป็นข้อดีของพวก Dual Driver นะที่ดึงพวกเสียงย่านต่ำขึ้นมาชดเชยมวลให้ดีมีเนื้อขึ้นมาได้ กลองนี่ถ้าไม่พูดเรื่อง impact ผมว่าให้น้ำหนักได้ดีกว่า E4C ด้วยซ้ำครับ ( เพราะ E4C ตีกลองดังแปะๆ ) เสียง Vocal เองก็ Focus ได้ดีครับ และมีมวลเจือปนอยู่บ้าง อาจจะไม่หนาเท่า CX400 แต่ผมว่าขนาดมัน match พอดีกับ image แล้วครับ ผมชอบตรงที่ขนาดเสียงร้องไม่่โดนบีบเล็กมากๆเหมือน ER4P ครับ ทำให้ฟ้ังแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่

ส่วนเรื่องเสียงหวานไม๊ ตัวนี้ไม่หวานนะครับ ผมว่า a900 กับ a950ltd จะหวานกว่านี้ครับ

เสียงสูงนี่ออก bright เลยครับ จริงๆปลายสูงก็ไปได้ดีเหมือนกันนะครับ ไปแทบจะสุดเลยทีเดียว แต่ติดตรงที่จัดไปนิดหน่อย น่าจะลดขอบเสียงให้มันมนกว่านี้นิดนึง แต่เรื่องใสนี่ไม่ต้องห่วงครับ ใสกิ๊งเลยทีเดียว สไตล์เสียงใสคล้ายๆกับที่ผมเึคยฟังใน K790i เลยครับ แต่ไม่ได้เป็นแหลมแบนๆแบบ k790i แถมยังให้ dynamic-impact ของเสียงสูงได้ชัดเจนด้วยครับ หัวโน้ตของย่านสูงนี่ชัดมากๆ เวลากรีดสายกีต้าร์เลยออกใสๆไปหมด บางทีผมฟังๆนี่นึกว่ากีต้าร์โดนเปลี่ยนเป็นสายเล็กสุดทุกเส้นเลยครับ ใครที่โหยหายความใสนี่น่าจะโดนตัวนี้ไม่ยากเลยครับ

เสียงเบสจะมาแนวๆนุ่มๆเลยครับ คือ ไม่ได้เน้น impact ที่มันกระแทกกระทั้นรุนแรง แต่จะไปเน้นในจุดของ middle และ deep มากกว่า คือมันไม่ได้ใหญ่โตอลังการเทียบเท่าพวก CX series แต่ให้ image เบสที่กำลังดี และมีเนื้อมีหนังจับต้องได้ครับ เบสทั้งแน่นและนุ่ม ไม่ขึ้นไปกวนย่านอื่นด้วย เพราะ image ไม่ได้ใหญ่โตมากมายแถมยังแบ่งแยกตำแหน่งออกมาได้ชัดเจน ถ้าเอามาฟังเพลงที่เน้น impact เบสอาจจะรู้สึกว่าเบสน้อยไปเลย เพราะบางเพลงเค้าจะเน้น impact เป็นหลัก และไม่ได้เน้น melody เบสกับ deep เท่าไหร่ ทำให้หูฟังแสดงศักยภาพไม่ออก แต่ถ้าได้เพลงเหมาะๆก็ฟังเพลินเลยครับ บางเพลงยังรู้สึกถึงน้ำหนักไลน์เบสได้ด้วยซ้ำครับ แต่มันจะบางไปนิดเท่านั้นเอง เพราะเนื้อเบสของหูฟังมันไม่ได้หนาเท่าไหร่


โดย รวมนี่ถือเป็นหูฟังที่ดีตัวนึงเลยครับ รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูตั้งใจในการออกแบบ เสียงโดยรวมก็ให้ความรู้สึก โปร่ง ใส นุ่ม ดูสุภาพมากๆ จะมีข้อเสียนิดหน่อยก็ตรงเสียงสูงนี่แหละครับ ดันบูสให้จัดไปนิด ทำให้ Vocal ติดเสียงจัดไปด้วย น่าจะให้มันออกนุ่มๆ soft ลงไปอีกนิดหน่อย โดยเฉพาะเสียงร้องเนี่ย ถ้าวาง Mid Range แยกไว้อีกซักตัว เพื่อให้เสียงกลางออกมาได้เต็มๆ และนุ่มๆ ผมว่าน่าจะแจ๋วกว่านี้อีกเยอะเลยครับ








Specification

Driver : Dual Micro Armatures
Isolation : JAYS Sound Isolating System
Sensitivity : 95 dB SPL @ 1 kHz
Impedance : 39 Ohm @ 1 kHz
Frequency Response : 20Hz - 20 000 Hz

Cord lype : PVC coated with Kevlar filling
Cord length : 60 cm (24 in)
Cord diameter : 2/1.5 mm (0,079/0,059 in)
Weight : 8 grams (0.46 oz)
Plug: Straight, Gold-Plated Stereo Mini-Plug 3.5 mm (1/8 in)

ไม่มีความคิดเห็น: