Ultimate Ear Super.Fi 5 Pro
ในยุคก่อนๆนี่ ต้องถือว่าเป็นหูฟังที่ให้ของแถมอลังการงานสร้างอีกตัวนึงครับ เพราะนอกจากจะให้ Pounching Case ที่เป็นอลูมิเนียมแล้ว ยังจะมีหูฟังสำรอง , แจ๊คเพิ่มโอห์มสำหรับใช้กับเครื่องเสียงกำลังโหดๆ , แจ็คสำหรับฟังบนเครื่องบิน , ที่แคะสิ่งสกปรกที่ตัวหูฟัง และ pouching หนัง สำหรับใส่อุปกรณ์เหล่านี้ให้ต่างหากอีกด้วย เรียกได้ว่าของแถมคุ้มค่ามากๆ
ตัว super.fi 5 pro จะค่อนข้างแปลกกว่า IEM ตัวอื่นพอสมควร ในขณะที่ตัวอื่นๆเน้น Design ให้ตัว Housing รับกระชับเข้ากับหูให้มากที่สุด แต่ Super.fi 5 pro กลับออกแบบให้มันยื่นออกมามากที่สุด ส่วนเหตุผลในการทำ Housing แบบนี้ ก็เพื่อให้สามารถใส่ Driver สองตัวลงไปได้สบายๆ และยังช่วยสร้างระยะห่างของ Driver กับแก้วหูเราให้ไกลมากขึ้น เพื่อให้เกิดช่วงของ soundstage ที่กว้างมากขึ้นกว่าเดิม และเป็นการโชว์หูฟังไปด้วยในตัว เลยมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบการใส่แบบนี้ไปด้วยพร้อมๆกัน แต่โดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างเฉยๆนะ
ตัว super.fi 5 pro จะค่อนข้างแปลกกว่า IEM ตัวอื่นพอสมควร ในขณะที่ตัวอื่นๆเน้น Design ให้ตัว Housing รับกระชับเข้ากับหูให้มากที่สุด แต่ Super.fi 5 pro กลับออกแบบให้มันยื่นออกมามากที่สุด ส่วนเหตุผลในการทำ Housing แบบนี้ ก็เพื่อให้สามารถใส่ Driver สองตัวลงไปได้สบายๆ และยังช่วยสร้างระยะห่างของ Driver กับแก้วหูเราให้ไกลมากขึ้น เพื่อให้เกิดช่วงของ soundstage ที่กว้างมากขึ้นกว่าเดิม และเป็นการโชว์หูฟังไปด้วยในตัว เลยมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบการใส่แบบนี้ไปด้วยพร้อมๆกัน แต่โดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างเฉยๆนะ
มาว่ากันที่เรื่องของเสียง
จุดเด่นของ Super.fi 5 pro คือ ให้ Sound Stage ที่ดี เพราะมันจะกว้างมากๆครับ แม้กระทั่งมิติของเสียงกลางก็ทำได้ดีทีเดียว เรียกว่าแยกกันเห็นๆ มิติดีพอๆกับ MS-1 เลยครับ แต่ยังสู้ไม่ได้ตรง MS-1 มิติจะโดดและชัดเจนกว่า ปรกติเวลาใส่พวก IEM นี่ผมจะเน้นเรื่อง Soundstage เป็นพิเศษครับ เพราะหู IEM มันก็อึดอัดจะแย่แล้วเวลาเจอ Soundstage กว้างๆมันทำให้รู้สึกหายใจคล่องคอขั้นเยอะครับ ถ้าไปเจอพวกอุดอู้อยู่วงตรงกลางล่ะ อกจะแตกตายเอาครับ และที่ผมชอบ Super.Fi 5 ที่สุดก็ตรง กล่องใส่ กับของแถมครับ มันดูคุ้มค่าดี ในขณะที่ราคาถูกกว่าทั้ง Um2 และ Shure E5C เยอะครับ สายจะออกแข็งกว่า UM2 เยอะครับ ดูแล้วบอบบางไปหน่อย ในขณะที่ E5C สายจะแข็งแรงที่สุดแล้วครับ ผมว่า สาย UM2 นิ่มนวลที่สุดแล้วครับ แต่เคยเห็นฝรั่งเอาสายเหมือน E5C มาโมให้ Super.Fi นะ ไม่รู้เสียงจะออกมาเป็นไงมั่ง พอดี Super.Fi สายมันสามารถถอดแยกออกจากหูฟังได้ครับ การเปลี่ยนสายเล่นเลยค่อนข้างทำได้สะดวกกว่าพวก UM2 และ E5C
เท่าที่ลองกับเสียงของกลองชุด ผมว่าเสียงกลองแน่นมากครับ ชัดเจนเลยทีเดียว ถ้าเผลอเปิดดังเกินไปจะเล่นเอาเราสะดุ้งเลยครับ เสียงเปียโนเองก็ค่อนข้างเด่นครับ แต่ยังไม่ชัดเท่ากับ UM2 ถ้าฟังไม่จับผิดนัก ผมว่าไม่หนีกันเท่าไหร่ครับ แต่โทนของ UM2 เสียงเปียโนจะออกนุ่มๆใสๆครับ และดูมีน้ำหนักในการกดมากกว่า ถ้าฟังเพลงที่เดี่ยวด้วยเปียโน เสียงจะหวานมากๆเลยครับ แต่ของ Super.Fi จะออกใสๆ เคลียร์ๆ
เสียงไลน์กีต้าร์ชัดมากๆครับ แต่ว่ายังไม่พริ้วเหมือน UM2 ค่อนข้างออกใสๆ กังวาน ใช้ฟัง Accoustic เพราะแน่นอนครับ ผมลองฟังช่วง intro ของ Hotel.. รู้สึกว่าเสียงกีต้าร์ออกมาดีมากๆครับ มันกังวานใส ต่างกับ UM2 ที่จะออกมัวๆ แต่หวาน ซึ่งการฟัง Hotel ผมไม่ต้องการเสียงหวานเลย อยากได้ใสๆ ผมเลยจะค่อนข้างชอบไปทาง Super.Fi มากกว่า
เสียง Vocal สำหรับหูอันนี้ผมชอบมากเลยครับ เพราะเสียงร้องคลุมได้ค่อนข้างกว้างมาก อนิสงค์จากความกว้างของ Soundstage นั่นแหละครับ ฟังแล้วสบายใจไม่อึดอัด ถ้าเปิดดังเกินไปมันจะบาดหูครับ ดังนั้นต้องฟังในระดับพอดี เสียงจะไม่มีบาดหูให้เห็นเลยครับ แถมยังคงได้ยินครบทุกรสชาติทุกย่านเหมือนเดิมด้วยครับ ดังนั้นเวลาที่ฟังแล้วบาดหูจะเป็นสิ่งที่บอกเราได้ว่า เราเปิดดังเกินไปแล้ว ถ้าไม่อยากหูพังและอยากฟังเพราะๆ ให้ลดเสียงลงไปซะไ
ถ้าจะเทียบกับของกิน ผมว่า Super.Fi ก็เหมือนต้มยำกุ้งน้ำข้นที่ปรุงรสชาติครบเครื่อง แต่ออกนุ่มละมุนลิ้น ไม่เผ็ดเกินไม่เปรี้ยวเกิน ค่อนข้างกลมกล่อม เป็นหูที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงหลากหลายแนว ไม่ยึดติดอยู่แค่เพียง rock เพราะแม้แต่เพลง Hiphop ก็ยังได้ใจผมเลยครับ
ผมได้ไปอ่าน review ของบางท่านมา ส่วนใหญ่มักบอกกันว่า หูฟังอย่าง Super.Fi 5 เนี่ย เล่นกับ iPOD สบายๆ ขับออกได้หมดจด ในขณะที่ UM2 กับขับเสียงได้ออกมาไม่ครบ ซึ่งผมมองว่าไม่จริงนะ เพราะ iPOD น่ะ เรื่องกำลังขับหายห่วงนะครับให้ขับพวกหูฟังแบบ 32 Ohm แต่ Sensitivity สูงๆแบบ IEM น่ะสบายๆครับ แล้วมันจะขับออกได้ไม่หมดยังไง.... ถ้าพูดถึงว่าการต่อ amp ทำให้รีดประสิทธิภาพออกมาจนหมด ผมว่า ผมไม่ต่อให้เสียเวลาหรอก เต็มที่ก็รีดออกมาได้ 10% แต่การที่ผมต้องแบก amp ไปมาเพื่อเสียงอีก 10% เนี่ย แถมเอามาฟังกับพวก Portable Mp3 อีก ผมว่า เอาไปนั่งจิ้มกับ amp หลอดแล้วนอนฟังที่บ้านดีกว่า
เสียงโดยรวมตัวนี้ออกใส มีเบส impact ที่ดีมากๆ แต่ขาด deep ไปหน่อย เพราะเบสจะค่อนข้างไปไว และให้ middle กลางๆ ไม่แน่นเหมือน Shure แต่ก็ได้ soundstage ที่ดี มิติของเสียงดี ( Soundstage ดีกว่า UM2 ครับ ) แต่ห้ามเปิดดังเกินไป ไม่งั้นบาดหูเอาดื้อๆครับ และข้อดีอีกอย่างคือกล่องที่แถมมาเป็นเหล็ก สวยมากด้วย ซึ่งมันก็มาพร้อมข้อเสียคือ เวลาหยิบหูเข้าออกลำบาก ตัว case เป็นรอยง่าย ต้องหาถุงผ้ามาใส่หุ้ม case อีกทีครับ
สำหรับหูฟังตัวนี้ ผมว่ามันเป็นหูฟังแบบ OverAll ครับ ฟังเพลงได้หลากแนวมาก เรียกว่าเพลงตลาด เพลงป๊อป ไปจนถึงดนตรีแบบ Classic ก็ยังฟังได้สบายๆ ความที่เป็นหูฟังที่ออกแนวสนุกนาน ฟังง่าย และเข้ากับเพลงที่มีอยู่ในท้องตลาด ทำให้เป็นหูฟังที่ติดหูใครต่อใครได้ง่ายมากๆครับ
ข้อควรระวัง !!!! เนื่องจากรุ่นนี้พวกรุ่นเก่าๆที่เป็น Package Seal กล่องเขียว จะมีล๊อตห่วยๆปนมาด้วยครับ คือ มันจะบอบบางมาก แตกเอาได้ง่ายๆ มีฝรั่งซื้อมาใช้แค่ 2 อาทิตย์ ปรากฏว่าช่วงที่กำลังยัดเข้าหู มันดันระเบิดคามือครับ ( จริงๆอย่าว่าแต่ฝรั่งเลยครับ ของผมก็แตกเหมือนกัน โดนล๊อตห่วยกับเค้าด้วย ) ดังนั้น การเลือกซื้อหูฟังรุ่นนี้ ต้องวัดดวง ม่ายช่ายครับ ต้องค่อนข้างเลือกนิดนึง แต่ถ้ามันพังหรือระเบิดก็ไม่เป็นไรครับ ส่งไปเคลมได้ โชคดีที่ล๊อตหลังๆไม่มีปัญหาพวกนี้แล้ว โดยเฉพาะล๊อตที่เป็นกล่องชมพูขึ้นไป ยิ่งพวกสายที่ไม่ใช่สายเทาจะไม่พบปัญหาที่ว่า ดังนั้นสบายใจได้ครับ
SPEC
Product Specifications
Speaker Type : Dual driver( low and high range precision balanced armatures )
Input Sensitivity : 119dB/mW
Impedance : 21 Ohms
Cable Length : 46 inches
Weight With Cable Assembly : 0.6 oz.
Input connector : 1/8" (3.5mm) Gold plated
Frequency Response : 20 to 16,000 Hz
Noise isolation : 26 dB
14 ความคิดเห็น:
อยากถามหน่อยครับ fi5 pro กับ fi 10 เสียงแตกต่างมากไหมครับ
ผมเคยใช้Crossroad Mylarone X3
ชอบเสียงแนวนี้ควรจะขยับไปเล่นตัวไหนดีครับ
fi.5 กับ fi.10 เสียงแตกต่างกันเยอะมากครับ
แต่อันนี้แล้วแต่ความชอบนะครับ ถ้าิึิคิดว่างบไม่เยอะมาก ก็เล่น fi.5 ก็พอ แต่ถ้างบไม่ใช้ปัญหา เลือกซื้อ fi.10 ได้เลยครับ
สวัสดีครับคุณ G7
คือผมรบกวนคณ G7 เปรียบเทียบจุดเด่น-จุดด้อยของ เจ้า UE Super fi 5 Pro กับ Sony MDR EX-700 หน่อยอ่ะครับ
ว่ามันเป็นยังไงบ้าง
แนวเพลงที่ผมฟังก็เป็นพวก Pop,Pop-Rock,Hip-Hop
อ่ะครับ
ยังไงรบกวนหน่อยนะครับผม
ขอบคุณมากครับ
EX700 จะให้เสียงแหลมที่ออกสไตล์แบบ Sony น่ะครับ คือไม่หวาน ออกโทนจัดจ้านแต่เป็นแบบ Warm Tone และให้เสียงเบสที่มี deep มวลเบสเยอะ กลางหนา มิติดี
แต่ของ Super.fi 5 pro จะเด่นเรื่องเบส impact มี deep บ้างเล็กน้อย และเสียงแหลมที่ดูดีกว่า แถมยัง soundstage กว้างกว่าครับ
จริงๆคู่นี้ก็ถือว่าเป็นมวยที่เหมาะจะต่อยกันดีครับ เพราะถ้าพูดถึงงาน QC ผมให้ sony ดีกว่า แต่ Super.fi 5 pro จะได้เปรียบเรื่องลูกเล่น เพราะสายถ้าแตกหรือขาดก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ แต่ sony ทำไม่ได้ครับ
ถ้าฟังเพลงแนวที่บอกมาก็ได้ทั้งคู่ครับ แต่ผมให้ credit เอียงไปทาง Super.fi 5 pro มากกว่าครับ
ขอบคุณมากครับคุณ G7
แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้เจ้า EX700 สามารถหาของมือ1 ได้ที่ไหนบ้างครับ
ผมหาแทบพลิกแผ่นดินแล้ว แต่ก็ยังหาไม่ได้เลยครับ
ยังไงรบกวนคุณ G7 ขอคำแนะนำอีกสักครั้งนะครับ
อีกนิดนะครับคือ super.fi5 pro กับ super.fi5 ธรรมดามันต่างกันยังไงอ่ะครับ
ขอบคุณมากครับผม
ex700 ถ้าหามือ 1 ไม่ได้ก็ไม่ต้องซีเรียสครับ ยังมีหูฟังดีๆในท้องตลาดอีกเยอะครับ
ส่วน Super.fi 5 pro นอกจากรูปร่างต่างจาก Super.fi 5 แล้ว เสียงก็ต่างกันด้วยครับ ถ้าอธิบายเดี๋ยวจะยาว เอาเป็นว่า Super.fi 5 pro เหนือกว่าทุกกระบวนท่าครับ
ตอนนี้มีคนเสนอขาย EX700 ให้ผม
เป็นของมือ 1 หิ้วมาจากญี่ปุ่น(limited edition) เห็นคนขายบอกแบบนั้นครับ
คือผมไม่แน่ใจว่าว่าจริงรึเปล่าที่เค้าบอกว่าเป็น limited เพราะพ่อค้าบอกว่ารุ่นทั่วไป ตรงที่หูฟังที่บอกว่า left-right มันจะ screen สีแดงกับน้ำเงิน แต่รุ่น limited มันจะ screen สีขาวทั้ง 2ข้างเลยอ่ะครับ ส่วนราคาผมต่อรองแล้วอยู่ที่ 4,600 บาท ยังไงฝากคุณ G7 comment ให้ผมทีนะครับว่า ราคานี้ ok มั๊ยครับ
ขอบคุณมากครับผม
ไม่เคยได้ยินว่า Ex700 มี limited edition นะครับ แล้วถ้า limited ทั้งทีดันทำสีแค่ตรง L,R เป็นสีขาวนี่ผมว่าไร้สาระแล้วครับ ไม่ใช่ limited ของ sony แน่ๆครับ
ถ้าราคาของแท้ถือว่าถูกมากครับ แต่ปัญหาคือ รุ่นนี้ของปลอมระบาดมาก จะชัวร์ได้ไงครับว่าเค้าหิ้วจากญี่ปุ่นจริง และที่เค้ามีมันเป็นของจริงน่ะครับ
คือผมเห็นพ่อค้าท่านนี้เค้ามี credit อยู่หลาย web ตาม link ข้างล่างนี้เลยอ่ะครับ
http://www.seclub.com/club/viewtopic.php?t=70702&sid=0cd5c46e981e25a576bf959f622e60a9
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=30383
http://forums.overclockzone.com/forums/showthread.php?t=808882&highlight=ex700
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=30382
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=30133
เห็นใน web มั่นคง เฮียเค้าเข้ามาช่วย up
ให้เกืยบทุกกระทู้เลยอ่ะครับ
ไม่แน่ใจว่าคุณ G7 รู้จักมั๊ยอ่ะครับสำหรับคุณปริน
ยังไงขอข้อมูลหน่อยนะครับผม จะได้ตัดสินใจถูก
ขอบคุณมากครับผม
ต่ออีกนิดนะครับ
เรื่อง limited edition
ผมเห็น walkman player(X-series)อ่ะครับ
คือตัวรุ่นธรรมดาสีของตัว player มันจะเหมือนมีกากเพชรเคลือบอยู่
ส่วนตัว limited มันจะเป็นสีดำด้านธรรมดาครับผม
ซึ่งจากตรงนี้มันต่างกันแค่สีเหมือนกันอ่ะครับ
สำหรับรุ่น limited กับ ธรรมาดา
คือผมไม่แน่ใจรายละเอียดมากนักอ่ะครับ
ยังไงรบกวนคุณG7 อีกสักทีนะครับ
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับ
ผมเจอ link ที่หูฟังทำสีตรง L,R เป็นสีขาวแล้วครับ
http://store.apple.com/us/product/TR521LL/A?afid=p210%7Cshpg&cid=AOS-US-SHOP-Shoppingcom
ก็เลยแปลกใจต่อไปว่าทำไมบาง lot sony ทำออกมาเป็นสายสั้น R,L แดง กับ น้ำเงิน
ส่วนlotหลังๆ ทำออกมาเป็นสายยาว แต่ตรงR,L
เป็นสีขาวทั้งคู่
ไม่รู้ว่ามันเป็น minor change เหมือนรถ
รึเปล่าอ่ะครับ???
อ๋อ คุณปรินผมรู้จักครับ แกขายของ sony มานาน ไม่รู้หามาจากไหนเหมือนกัน ส่วนรุ่น X ที่ว่ามา ตัว limited เป็นดำด้านนี่มีจริงๆครับ แต่ Ex700 ผมไม่มั่นใจครับ แต่คิดว่าการสลับสี หรือทำสลับตำแหน่ง น่าจะเป็นที่ล๊อตเพื่อป้องกันการปลอมแปลงสินค้ามากกว่าครับ เหมือนที่ทาง Monster ทำ
แสดงความคิดเห็น