วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Review Harman Kordon EP-710

Harman Kordon EP-710





สำหรับคนที่ยังไม่รู้นะครับ เพราะเคยได้ยินคนสงสัยว่าทำไม Etymotic ที่ยอมให้ค่ายอื่นเอาหูฟังตัวเองไปใช้ง่ายๆ แต่อันที่จริงแล้ว Etymotic โดน Takeover โดย Harman Kordon ไปเรียบร้อยแล้วครับ ดังนั้นทาง Harman เลยบังคับขู่เข็ญให้ทาง Etymotic ผลิตหูฟังภายใต้ concept เดียวกับ Etymotic ER6i และ ER4P โดยใช้ housing แบบอื่นและใช้ชื่อว่า Harman Kordon EP series เท่าที่เห็นตอนนี้รู้สึกจะออกมาสองรุ่นคือ EP-710 กับ EP-720 นะครับ ตัวที่ผมยืมมาก็คือ EP-710 ที่เป็นน้องเล็กสุดเลย.. ( จริงๆนอกจาก Harman Kordon ที่ให้ทาง Etymotic ทำหูฟังให้นี่ ก็มีค่าย Altec Lensing อีกค่ายที่ทำแบบเดียวกันครับ แต่เสียงน่าจะดีกว่าของทาง Harman Kordon เพราะทางนั้นเค้าให้ตังค์ แต่ทางนี้ใช้กำลัง 555 )

ตัว EP-710 นี่ตอนแรกผมนึกว่าจะให้เสียงแบบเดียวกับ ER6i ซะอีก แต่พอได้ฟังก็รู้สึกตรงกันข้ามเลยครับ ต้องบอกว่าคนละบุคลิกเลยจะดีกว่าครับ แต่งาน design ผมชอบ ER6i มากกว่านะ ตัวนี้ดูใหญ่แปลกๆ แถมข้างซ้ายกับขวาก็ดูยากมากครับ เนื่องจาก Screen เป็นสีเทา แต่ตัว Body สีออกดำๆ แล้วดันไป Screen ตรงช่วงด้านบนของ Housing อีก เลยดูยากเป็นกันใหญ่ แต่งานประกอบก็ดูแข็งแรงดีครับ สายก็ดูแข็งแรงใช้ได้ ผมว่าสาย ER6i ดูบอบบางกว่าเยอะเลย

ส่วนของเบสนี่เหมือน ER6i เป๊ะๆเลยครับ คือมี impact แต่ middle ไม่แน่น และขาด deep เพียงแต่ผมรู้สึกว่าเบสของ Er6i จะดูมีเนื้อกว่าครับ ส่วน deep ของ 710 ดูจากลากลงได้เห็นชัดเจนกว่า โดยสรุปคือ ไม่เน้นเบสทั้งคู่ครับ

เสียงกลางค่อนข้างจัดทีเดียวครับ อาจจะไม่จัดเท่ากับ W1000 ที่ฟังแทบไม่ได้เลย แต่ก็อยู่ในระดับที่ฟังแล้วรู้สึกว่าจัดเอาเรื่องครับ เป็นอะไรที่ตรงข้ามกับ ER6i ที่ออกแนวนุ่มนวลเลยครับ ขนาดกลองยังหาสแนร์ลำบากเลยครับ เพราะเสียงมันจัดมากนั่นเอง เสียง vocal เองก็เนื้อแหว่งหายไปเยอะครับเมื่อเทียบกับ ER6i เสียงค่อนข้างบางกว่ากันเยอะ แถมยังจัดด้วย ประมาณว่าร้องทีก็ปลายเสียงแตกทีตลอดเวลาเลยครับ แต่มันไม่ได้แตกเยอะน่าเกลียดเป็น distortion นะครับ เพียงแต่ขอบเสียงมันออกหยาบๆน่ะครับ ตรงเป็นคนที่ชอบจริงๆถึงจะถูกใจเสียงแบบนี้

เสียงสูงไม่ต้องพูดถึงครับ พริ้วหรือไม่พริ้วฟังไม่รู้เรื่องเลยครับ มันออกจัดจ้านประมาณว่า Bright เอามากๆ แต่ก็ลากไปไม่สุดเหมือนกับ ER6i ครับ จะมีก็แต่ detail เสียงสูงที่ดีกว่า ER6i เพราะชัดกว่า เลยเห็นรายละเอียดเสียงสูงได้ง่ายกว่าน่ะครับ

การแบ่งแยกชิ้นดนตรีก็ทำได้ดีตาม Style Etymotic ครับ ผมว่าการแบ่งแยกชิ้นดนตรีพอๆกับ ER6i นั่นแหละครับ เพียงแต่ตัวนี้มิติเสียงกลางจะขึ้นไปสูงกว่า และ image เสียงร้องค่อนข้าง Balance กับ image ชิ้นดนตรีอื่นๆมากกว่าทาง ER6i ครับ แต่ก็ยังเกินๆอยู่ดี ส่วน soundstage พอๆกับ ER6i ครับ ส่วนความเป็นมิตินี่ ผมว่า ER6i ทำได้ดีกว่านะครับ มันดูมี space มีพื้นที่และระยะที่ชัดเจน ตัวนี้เหมือนจะพยายามฉีก ER6i ออกไป โดยไปแก้ข้อเสียอย่าง มิติเสียงกลางที่ไม่ลึก และ detail เสียงสูงที่ไม่ชัด Vocal ของบางเพลงก็ย้ายมาอยู่ zone ด้านหน้าด้วย ในขณะที่ ER6i จะอยู่หลังเกือบตลอด แต่ระยะใกล้ไกลของช่วงมิติเสียงดนตรีที่ระนาบเดียวกันซึ่งเป็นจุดเด่นของ ER6i มันสูญเสียไปกับการแก้พวกนี้ครับ จริงๆมันก็ไม่ได้ี้ขี้เหร่อะไรครับ คือไม่ได้แบนตรงไหน แต่ถ้าเทียบกับ ER6i แล้ว ผมว่า ER6i ให้ในแง่มิติของชิ้นดนตรีได้ดีกว่าครับ ถึงแม้ช่วง headstage จะสู้ไม่้ได้ก็ตาม

โดยรวมผมว่า Er6i ก็ยังฟังเพลงได้เพราะกว่าอยู่ดีครับ ตัวนี้จัดเกินห้ามใจไปหน่อย แถมเนื้อแต่ละย่านก็บางกว่าของ ER6i ด้วย การทำให้เสียงจัดจ้านขึ้นก็ไม่ได้ช่วยให้แนวเพลงฟังได้มากขึ้น ผมว่ามันกลับทำให้แนวเพลงลดลงอีกตะหาก แต่ถ้าคนชอบเสียง Bright แบบนี้ ก็อาจจะหลงรักตัว EP-710 เข้าก็ได้นะครับ


Spec ครับ
=====

Sensitivity : (@ 1kHz) 96dB SPL for a 0.1 Vrms input
Total Harmonic Distortion : <1% at 1kHz at a nominal output of 102dB SPL
Impedance : 16 Ohms (nominal)
Noise Isolation : 30dB (3-flange eartip deeply seated)
Frequency Response : 50Hz - 15kHz

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อ่านะ นึกว่าจะดีขึ้นเสียอีก ทีลำโพงคอมพิวเตอร์นี่ ผมว่าเสียงสุดยอดเลย(ตัวใสๆและแซทเทอไลท์เป็นแท่ง)
มีเรื่องอยากถามท่านจี7หน่อยครับ อยากทราบความแตกต่างระหว่าง UE SF fi5 pro กับ SF 3 studio ว่าแตกต่างมากไหมครับ ชอบเสียง 5 pro แต่ยังไม่เคยฟัง3 studio แต่ราคา 5 pro มันเกินงบผมไปมาก เลยอยากจะลดมาที่ 3 stu ไม่ทราบว่าด้อยกว่าเยอะไหมแล้วตัวนี้ดีกว่า PL30เยอะไหมครับ เพราะอีกตัวที่เล็งๆ เห็นราคาถูกรับได้ ขอบคุณครับ