วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Review แอมป์ THE PIG

THE PIG


http://www.munkonggadget.com/shop/m/munkonggadget/img-lib/spd_20061107155326_b.jpg




เรื่อง SPEC โดยรวมของ The Pig ผมยังไม่รู้นะ รู้แต่ว่า op-amp ที่ใช้ใน The Pig จะให้โทนเสียงที่อุ่น และนุ่ม คล้ายๆกับแอมป์หลอด ตรงจุดนี้ก็มีบางคนมาถามผมว่า แอมป์ที่มีบุคลิกในตัวเองอย่าง AwayG และ The PIG กับแอมป์ที่ไม่มีบุคลิกใดๆอย่าง Kotch ( HAE ) อันไหนจะดีกว่ากัน... บางคนก็บอกว่า ไม่มีบุคลิกสิดีกว่าเพราะตามหลักแอมป์มันไม่ควรไปยุ่งกับบุคลิกของเสียง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหูฟังไปจะดีกว่า บางคนก็ว่า ... ฮึ้ย... ไม่ได้ มีบุคลิกต้องดีกว่าแน่นอน มันมีน้ำมีเนื้อกว่า เวลาฟังเพลงก็ได้อารมณ์ของดนตรีกว่าเยอะ แถมยังช่วยแก้จุดด้อยบางจุดได้ด้วย.... อันนี้ ผมตอบตามตรงเลยว่า ดีทั้งคู่ครับ ขึ้นอยู่กับความชอบของเราว่าอยากได้สไตล์ไหนมากกว่า เพราะต่างก็มีดีคนละแบบ..

ว่ากันด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ผมว่า สมราคาแล้วครับ แค่ค่าตัว op-amp ก็พุ่งไป 2 พันแล้ว ค่าตัวที่เหลือก็เป็นค่าอุปกรณ์ที่ครบเครื่องจริงๆ แถมทั้งหม้อแปลง และ ถ่านชาร์ต รวมทั้งสาย mini-mini ที่คุณภาพไม่ได้ขี้เหร่แต่อย่างใด เสียตรงผมไม่มีเวลามานั่งเทียบว่ามันดีกว่า Kimble หรือเปล่า เพราะผมจำเป็นต้องใช้ Kimble เป็นหลัก เนื่องจากมันง่ายต่อการ review ครับ เพราะผมเคยชินกับมันแล้ว เอาไว้จะเทียบเรื่องสายอีกทีถ้ามีโอกาส แต่เท่าที่ผมลองมาหลายๆตัว ผมว่า Kimble ให้เสียงที่โปร่งสุดแล้วครับสำหรับผม...

งานตัวกล่องก็เนี้ยบเลยครับ Gain ในการปรับ Volume ก็ smooth จริงๆ ตัวขีดที่บอกวัดระดับของการ gain volume ก็ใช้ได้เลยครับ มีการไล่ตามขีดจริงๆ ซึ่ง แอมป์ที่ดี ตรงจุดนี้สำคัญครับ จำเป็นต้องมีทีเดียว เพราะการ test หูฟังหรือลำโพง จะต้องไล่เสียงตามระดับของขีด หรือจุดตำแหน่ง volume นี่แหละครับ
สภาพโดยรวมดูแข็งแรงทีเดียว แต่ยังมีจุดไม่เนี้ยบนิดนึง คือ ตรงพื้นกล่องตัวที่ผมได้ ฝั่งที่ไม่มีน๊อตล๊อคมันเผยอนิดนึงครับ จริงๆมันก็ไม่มีผลอะไรมาก จะมีผลก็ต่อจิตใจผม ที่อุตส่าห์เนี้ยบไปทุกจุดแล้ว ไม่น่าพลาดตรงนี้เลย.... เอาไปแก้ได้ไม๊เนี่ย 555
ผมมักจะหยิบเจ้า PA2V2 มาเทียบเสมอครับ จริงๆมันก็เทียบไม่ได้หรอกครับ ราคา 1,XXX กับ 3,XXX แต่ ผมมองว่า PA2V2 ให้เสียงไม่คุ้มราคาครับ แล้วก็ยังงงว่าทำไมฝรั่งชอบกันเหลือเกิน ทั้งๆที่มันให้ sound ที่ทื่อมาก แถมยังเน้นเสียงต่ำจนบางเพลงโดนข่มเสียงกลางซะ soundstage แคบเลย มิติก็เปลี่ยน... อันนี้ก็ทำให้ผมเชื่ออยู่อย่างว่า ฝรั่งมันไม่ได้เก่งไปทุกคนหรอกครับ แถมบางคนก็กลายเป็นตัวโฆษณาการค้าให้อีก.... เราควรเชื่อมั่นในตัวเองดีที่สุดครับ เชื่อหูเรา อย่าไปเชื่อหูฝรั่ง...

มาว่ากันเรื่องเสียงครับ The Pig ให้โทนเสียงที่อุ่นตาม spec ของ op-amp จริงๆ แต่ ก็ไม่ได้ลืมส่วนของเสียงสูงซึ่งก็ได้แถมพกให้มาด้วยโดยไม่ขาดตกบกพร่องแต่ อย่างใด ผลที่รวมเอาสองจุดนี้โยกขึ้นพร้อมกัน ทำให้น้ำหนักเสียงกลางมีมากขึ้นครับ กับหูฟังอย่าง AKG K701 ซึ่งเสียงกลางจะโปร่งและค่อนข้างลอยๆ ก็กลับมามีน้ำหนักของเสียงมากขึ้น แถมด้วยความพริ้วของเสียงกลางที่มาพร้อมความกังวานของเสียงด้วยครับ เวลาฟังเพลงอย่าง How deep is your love ใน version accoustic ของ Portrait ซึ่งผมจะรู้สึกเสมอว่า น้ำหนักของเสียง vocal มันน้อยและเบาเกินไป พอได้ The Pig มา ก็ทำให้ส่วนนี้ลงตัวขึ้นเยอะครับ เวลาฟังก็เลยไพเราะขึ้นมาอีกโข

ปัญหาของ The Pig มาอยู่ตรงนี้ครับ การผ่อนเสียงของเบส ยังทื่อเกินไปไม่ smooth เหมือนกับที่ Kotch ทำได้ครับ ซึ่งถ้าฟังกับ MS-1 จะไม่รู้สึกครับ แต่กับ AKG K701 นี่ไม่ได้เลยครับ พี่แก sensitive ตรงจุดนี้มาก เพราะโดยปรกติแกจะผ่อนเบสได้นุ่มและ smooth มากๆ แต่ The Pig กลับยังทำให้ทื่อไปนิด ทว่าไม่ได้เฉพาะ The Pig นะครับ แม้แต่ AwayG เอง ก็ให้อาการเดียวกันเด๊ะ ผมว่า น่าจะมาจาก op-amp น่ะครับ ที่เป็นบุคลิกส่วนตัวของยี่ห้อนี้... เลยออกมาแบบเดียวกันทั้งคู่

ความเข้ากันกับหูฟังนั้น จริงๆผมจะยืนพื้นที่ AKG K701 ในการ test ซึ่งตามหลัก K701 จะเหมาะกับ KOTCH ( Headphone Anti-Equalization ) มากกว่า เนื่องจาก KOTCH จะให้ soundstage ได้ดีกว่า โปร่งกว่า ใสกว่า เพราะมันแทบจะไม่มีบุคลิกใดๆเลย แต่บางเพลงนั้น The Pig จะทำได้ดีกว่า เพราะบางเพลงอย่าง How Deep is your love หรือ A Promise I make ต้องการเสียงของ Vocal ที่อิ่มอีกซักหน่อย เพราะ source ที่ได้มา เสียงจะออกลอยๆครับ ทำให้ผมรู้สึกว่ามันบางเกินไปไม่เพราะ The Pig เลยจะลงตัวที่จุดนี้
แต่... ซึ่งที่ไม่น่าเชื่อเลยคือ สำหรับผมแล้ว มันไม่เข้ากับ MS-1 ครับ... เหตุผลคือ มันทำให้ MS-1 หมองลงไปครับ เพราะโดยโทนของ MS-1 คืออุ่น เมื่อมาจาก The PIG ที่อุ่นอีก ทำให้มันเลยอุ่นไปกันใหญ่ กลายเป็นขาดความสดใสของเสียง ถ้าเอามาฟังกับแจ๊สจะเห็นได้ชัดเลยครับว่ามันขาดความสดใสของดนตรี แม้แต่เอามาฟังเพลงร๊อคก็ยังดันไม่ค่อยขึ้นครับ ตรงนี้เจ้าของ MS-1 บางคนอาจจะเห็นต่างจากผม แต่สำหรับผม ผมว่า ไม่เข้ากันครับ

ตรงกันข้ามกับ Koss KSC35 ครับ คู่นี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยทีเดียว กลายเป็นว่า ไปเพิ่มเบสให้ KSC35 อีกครับ เวลาฟังเพลงร๊อคผมบอกได้คำเดียวว่า สุดยอด ! จะจับคู่ได้ลงตัวอะไรขนาดนั้น แถมยังช่วยดันมิติเสียงกลางให้ขึ้นไปอีกนิดนึงด้วยครับ เสียงเลยทั้งอิ่ม มีมิติ และมีพลัง... เวลาฟังร๊อคเลยได้ใจเป็นพิเศษ...

สำหรับ UE super.Fi 5 pro นั้น ถ้าใครเคยเอามาฟังแจ๊สจะรู้ว่าเวลาโดนเสียงแซ๊คเทคขึ้นสูงๆจะเป็นยังไง บาดทรมาณสุดชีวิต แต่ว่า The PIG แก้ตรงนี้ได้ครับ เสียงแซ็คไม่ขึ้นมาบาดเลยครับ ทั้งๆที่ sound ส่วนอื่นๆยังใสอยู่ แถมบาดด้วยเวลาเปิดดังไป 555 คงเป็นเพราะการให้เสียงอุ่นๆที่เสียงกลางแล้วไปเน้นเสียงสูงที่มิติเสียง อื่นๆ ทำให้แซ็คไม่ทรมาณผมอีกต่อไป ฟังแล้วดีเลยครับ แต่ก็ยังไม่ถูกใจสำหรับผม เพราะผมฟังแนว Flat เรียกว่า บาดก็ยอม เพื่อความ Flat

ผลสรุปจากการทดลองฟังผมว่า เป็นแอมป์ที่คุ้มค่าตัวนึงครับ ขนาดไม่ใหญ่ พกง่าย ของแถมก็เรียกได้ว่า ซื้อมาก็เสียบใช้ได้เลย ผมลองเอาไปให้หลายๆคนดู แม้แต่คนที่ผมรู้จักที่เค้าเคยทำงานด้านเครื่องเสียงมาก่อน แกยังชมว่างานเนี้ยบเลย... ผมก็ว่ามันคุ้มครับ แต่มีข้อแม้นิดนึงตรงที่ควรจะหยิบเอา หูฟังที่ใช้ประจำ แนวเพลงที่ชอบ และ Player ที่ใช้เอาไป test ก่อนด้วยครับ เพราะมันก็ไม่ได้เข้ากันกับทุกแนวเพลงหรอกครับ... ส่วนตัวผมว่ายังไม่ดีพอต่อการฟังแจ๊สของผม แต่คนอื่นผมไม่รู้นะ ยังไงไปลองดูแล้วกันครับ....


ไม่มีความคิดเห็น: