AKG K530
วัสดุภายนอกของตัวหูฟังเองถือว่าใช้ของเกรดที่ดีใช้ได้ครับ ตัว PAD เองก็เป็นหนังเทียมที่หนากว่าตัว ATH A900 ซะอีก แต่ความนุ่มนวลนี่ A900 ดูจะดีกว่าครับ ตัว K530 นี่ PAD ออกกระด้างกว่านิดหน่อย ตัวแผ่นคาดหัวที่เป็นหนังเทียมก็ดูแข็งแรงทนทาน และหนาดีครับ การใส่ก็ถือว่าสบายๆครับ ไม่รัดไม่บีบให้เจ็บหัวเจ็บหูจนฟังเพลงไม่มีความสุข ใส่ฟังนานๆได้สบายๆครับ น้ำหนักก็เบา ไม่หนักแต่อย่างใด
สิ่งเดียวที่ผมไม่ชอบคือ มันเป็นหูฟังที่ถ้าขยับไม่ดี เช่น เลื่อนหูฟังมาด้านหน้ามากๆ หรือ เลื่อนหูฟังถอยหลังไปมากๆ มิติมันจะเปลี่ยนไปเลยครับ เดาว่าคงใช้ Driver ขนาดเล็กแบบเดียวกับใน AKG K701 นั่นแหละครับ เพราะปรกติพวก Driver ใหญ่ๆ มันจะไม่มีปัญหาเรื่องพวกนี้เลย ถ้ามีก็เปลี่ยนน้อยมาก แต่ของ K530 และ K701 ที่เปลี่ยนแปลงเยอะอย่างเห็นได้ชัด เวลาใส่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ใส่ลงไปตรงๆ แล้วก็อย่าขยับเลื่อนไปข้างหน้าหรือถอยหลังครับ แล้วจะได้มิติที่แท้จริงของมัน
จุดเด่นแรกที่เห็นได้ชัดคือการแยกชิ้นดนตรีที่ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว ตัวตนของ image แต่ละชิ้นสามารถสัมผัสได้ชัดเจน แต่เป็นหูฟังที่ไม่ได้ image ที่เท่ากันหมดครับ เพราะ image ของ Vocal จะเด่นชัดที่สุด และมีขนาดใหญ่ที่สุด เล่นเอาชิ้นดนตรีอื่นๆกลายเป็นพระรองกันไปหมดเลยคัรบ เพราะขนาดมันเล็กกว่าเสียงร้องเยอะ แต่ก็ไม่ได้บีบจนเล็กมากเกินไป ทำให้ช่องระยะห่างในแต่ละชิ้นไม่ได้ทิ้งห่างกันเยอะ เวลาฟังเพลงที่มีชิ้นดนตรีน้อยๆจึงไม่รู้สึกโหรงเหรงแต่อย่างใด
มิติเสียงกลางของตัวนี้ไม่ได้ลึกมากมายครับ จุดเด่นน่าจะเป็นเรื่องของ soundstage มากกว่า เพราะจะเน้นออกด้านข้างมากกว่าจะอัดขึ้นไปในส่วนของ Headstage ทำให้เวลาฟังเพลงจึงรู้สึกว่า soundstage มันกว้าง ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้กว้างมากแต่อย่างใด ยิ่งถ้าเกิดลอง 601 มาก่อน แล้วเปลี่ยนมาใช้ K530 นี่จะรู้สึกเลยว่า soundstage มันหดลงมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าอย่างนั้นมันก็ยังให้ soundstage ในระดับที่ดีครับ ไม่ได้มากระจุกวุ่นวายอยู่บริเวณข้างๆหูเหมือนกับ Grado ตัวล่างๆ
เสียงย่านสูงของ K530 ค่อนข้างชัด ไม่ color มากมาย แต่ด้วยความที่ impact ไล่ไปยันปลายเสียงค่อนข้างให้ความหนาใกล้เคียงกัน แถมยังไปได้ไม่สุดด้วย สังเกตได้จากพวก Triangle หรือ แฉ และ ไฮแฮท โดยเฉพาะ แฉ ที่เวลาเคาะแล้วยังถ่ายทอดน้ำหนักของเสียงในแต่ละช่วงได้ไม่ดีนัก ทำให้เสียงสูงยังขาดความเป็นประกายไปนิดนึง แต่โดยรวมก็ถือว่าดีมากๆแล้วครับ แถมเสียงก็ไม่ได้จัดมากด้วย แต่ไลน์กีต้าร์จะ color กว่าปรกติเล็กน้อย
เบสก็มีครบนะครับ ตั้งแต่ impact ไล่ไปจน Deep ทีเดียว แต่ด้วยความที่เนื้อเบสไม่ได้แน่นมาก เหมือนกับว่า signature ของหูฟังเน้นที่การฟังให้มันผ่อนคลายๆสบายๆมากกว่าจะเอาสนุก ทำให้ impact ก็อยู่ในระดับไม่หนัก มี middle และ deep ให้ฟังสบายๆแบบไม่อึดอัด ไม่ต้องนั่งจินตนาการวาดหาเบสเอาเอง image ของเบสเองก็ค่อนข้างชัดเจน สัมผัสความเป็นตัวตนของเบสได้
เสียงกลางไม่ได้เน้นมวลมากมาย เรียกว่าพอมีบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่ impact จัดอยู่ในระดับดีทีเดียว ที่เด่นและรู้สึกได้ชัดก็คงเป็นช่วงที่หวดกลองลงตรงทอมกับสแนร์ไล่ติดต่อกัน ตรงนี้ปรกติหูฟังบางตัวผมจะแยกไม่ค่อยออก เสียงมันจะกลืนและใกล้ๆกันไปหมด แต่กับ K530 สามารถแยกได้สบายขึ้นครับว่า กำลังหวดสแนร์ หรือหวดทอม ที่สำคัญ บางเพลงไม่รู้อัดมายังไง เวลาซัดที่สแนร์ ตำแหน่ง image ของสแนร์จะมาอยู่บริเวณด้านบนใน zone ของ headstage แต่พอตีที่ทอม ดันย้ายไปอยู่ด้านหลังหัวแถวๆต้นคอแทน อารมณ์ประมาณฟังเพลงแล้วจ้องหน้ามือกลองอยู่น่ะครับ แถมยังนั่งขวางกลองทอมอีก ทำเค้าตีลำบากด้วย เพราะต้องคอยยืดแขนมาตีที่ทอมด้านหลังผม
จุดสำคัญของหูฟังตัวนี้ก็คงเป็นส่วน Vocal ที่ผมได้เกริ่นบอกไปในช่วงแรกๆแล้วว่า เป็นหูฟังที่ให้ image เสียงร้องที่ใหญ่เกินหน้าเกินตาเครื่องดนตรีชิ้นอื่นๆ ด้วยขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้การ Focus เป็นตัวเป็นตนของคนร้องยังไม่สามารถเทียบรัศมีกับ K601 และ K701 ได้ แต่ถ้าเพลงไหนที่อัดมาดีมากๆ ก็จะให้ความรู้สึกเป็น 3 มิติได้เหมือนกัน เพียงแต่รูปร่างของ image ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ยังไม่สามารถสัมผัสความเป็นตัวตนของนักร้องคนนั้นๆได้ชัดเจนเท่ากับ K701 แต่ด้วยราคาที่ห่างกันหลายขุม ทำให้จุดนี้ไม่น่าเอาไปเทียบกันเท่าไหร่ แต่ก็น่าสนใจที่จะกล่าวถึง
ด้วยความที่มวลเสียงร้องไม่เยอะ ทำให้เนื้อไม่หนาแน่นพอ เสียงร้องจึงรู้สึกว่าออกกลวงนิดๆ และตำแหน่งค่อนข้างเข้าใกล้ตัวเรามากกว่าชิ้นดนตรีอื่นๆ แต่เสียงไม่จัด น่าจะเป็นการจูนให้สามารถฟังเพลงแบบสบายๆ ไม่เครียดมาก เพราะเท่าที่ผมลอง ผมฟังแล้วไม่รู้สึกว่าล้าหูแต่อย่างใด ถึงแม้เสียงสูงจะออกอาการจัดนิด ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกหงุดหงิดแต่อย่างใด สามารถใส่ไปฟังไปและ review ได้สบายๆ ( หูฟังบางตัวผมต้องถอดออกเพื่อ review )
บรรยากาศโดยรวมเวลาฟังให้อารมณ์เหมือนกับ K701 คือ เป็น Open ที่ไม่ได้โปร่งโล่งแบบ Grado แต่ออกไปทางอับเล็กๆคล้ายๆกับกำลังนั่งฟังในห้องโล่งๆหน่อย ในขณะที่ของ Grado จะเหมือนฟังในที่กว้างๆ ไม่ได้ฟังในห้อง ส่วน K701 จะเหมือนกับกำลังฟังใน Hall คือพูดง่ายๆนะครับ ทั้ง K701 และ K530 ให้อารมณ์การฟังเหมือนอยู่ในพื้นที่สภาพปิดแต่มีความโล่งไม่อึดอัด ส่วน Grado ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในพื้นที่สภาพเปิด ฟังแล้วโล่งโปร่งสบาย
จริงๆตัว K530 ถือว่าเป็นหูฟังที่ให้เสียงได้ครบทุกย่านอีกตัวนึงทีเดียว แถมราคาก็ไม่แรงมากมาย การฟังเพลงก็ถือว่าฟังได้ค่อนข้างหลากหลายพอสมควร มีที่แปลกอย่างนึงคือ เวลาฟังเพลงบางทีชิ้นดนตรีที่วางไว้ไกลๆ หรือ เวลาเล่นเกมส์ที่มีดนตรีประกอบ มันมักจะโดนถอยห่างออกไปมากอย่างแปลกๆ กับเกมส์นี่จะเป็นบ่อย แต่ก้บเพลงนี่จะเป็นแค่บางเพลงครับ ตอนที่ผมใช้ 701 ก็ไม่เคยเจออาการแบบนี้เหมือนกัน ถือเป็นเรื่องแปลกๆเล็กๆแล้วกันครับ
SPEC
Headphones weight without cable (g) : 245
Sensitivity (dB/mW, dB/V*) : 102
Frequency Response : 17Hz - 26.5 Khz
Max. input power (mW) : 200
Rated impedance (ohms) : 55
- Convertible jack plug (1/8" to 1/4")
- Replaceable ear pads
- Patented self-adjusting headband
- Exclusive leather headband
- Unbreakable metal arches
- 99.99% oxygen-free cable (length in m)
- Single-sided cable
- Hard gold-plated jack plug and contacts
- Patented Varimotion diaphragms
- Semi-open, dynamic headphones
- NdFe magnets
1 ความคิดเห็น:
That's good sound device.
Thanks
Headphones Black Friday
แสดงความคิดเห็น