Audio-Technica L300
นี่คือ 1 ในสุดยอดหูฟังที่คนทั้งโลกพากันยอมรับว่า มันคือหูฟังที่น่าหลงใหล และอยากได้มาครอบครองกันมากที่สุด ด้วยสนนราคาที่แพงอย่างมากมายมหาศาลเพราะมันคือหูฟังที่มีจำนวนจำกัดเพียง 500 ตัวทั่วโลก ทำให้แฟนๆที่เป็นคนรักเรื่องเสียงเพลง และชอบหูฟังเป็นชีวิตจิตใจ อยากที่จะมีโอกาสได้สัมผัสซํกครั้งหนึ่ง
จริงๆผมคิดว่าชีวิตนี้อาจจะหมดโอกาสได้ฟัง L3000 แล้ว เพราะช่วงที่มีดวงได้ลองก็วืดตลอด พอได้ข่าวรำไรว่าคนนั้นมี คนนี้มี ก็กลายเป็นแห้วซะหมด แต่ในที่สุด ผมก็ได้สัมผัสมันเข้าจริงๆ ตอนนี้ก็ยังเป็นปลื้มอยู่เลยครับ ยังไงก็ขอขอบคุณ sponsor อย่างคุณเบียร์ที่ให้หยิบยืมมาฟัง ซึ่งเป็นเรื่องไม่คาดฝันจริงๆ ยังไงก็ขอขอบคุณอีกทีที่ให้ผมยืมตั้งปีนึง (อ..อ๋อ... พรุ่งนี้่คืนหรอกหรอครับ แหม ผมคงฟังผิดไปนิดนึง.. )
เวลาดีมีน้อย... ผมมี review ไม่มาก เวลาฟังก็ไม่มาก แต่ต้อง test กับอุปกรณ์เพียบเลย ทำให้เสียเวลาไปมากโข บางทีอาจจะมีผิดพลาดบ้างต้องขออภัยครับ เพราะช่วงเวลามันสั้นจริงๆ ไหนจะต้องเทียบกับหูฟังทั้ง 950Ltd และ K701 แล้วยังแอมป์อีก Player อีก สลับไปสลับมาหลายรอบ ทำให้เลือกเพลงยังไม่ครอบคลุมเท่าไหร่ เอาเป็นว่า ถ้าผมยึดได้อีกรอบ แบบว่าอยู่กับผมซักชั่วชีวิต ก็น่าจะละเอียดกว่านี้ครับ
ดูกันที่ส่วนประกอบภายนอกก่อน
งานประกอบของทาง Audio-Technica คงไม่ต้องพูดถึงมากนะครับ เพราะเค้าผลิตได้ปราณีตและเนี้ยบทุกสัดส่วน แม้แต่หนังที่หุ้มตัว Housing ของหูฟังก็ยังใช้หนังที่สั่งของ Connolly ทำให้หูฟังดูหรูหราขึ้นมาก ช่วงที่อยู่ส่วน Headband จะมีหนังนุ่มๆของ Connolly หุ้มอยู่ นุ่มประมาณโซฟาอย่างดีเลยทีเดียว ช่วงข้อต่อระหว่าง Housing กับ ก้านหูฟังก็ทำได้ Smooth มากๆ เท่าที่ผมลองหมุนไปมาก็ดูแข็งแรงและมีการหมุนที่นุ่มนวล ไร้อาการติดขัดโดยสินเชิง ตัวสายเองก็ใช้สายแบบหุ้มด้วยผ้าถักและปลายแจ็คก็เป็นหัวแจ๊ครุ่น Top ทั่วไปที่ใช้ในตระกูลสูงๆของ Audio-Technica แต่จะมีความแตกต่างกว่ารุ่นอื่นๆ เพราะช่วงขั้วต้นแจ๊คจะมีที่จับยางเพื่อให้จับถนัดมือยามจะเสียบเข้ารูแจ๊ค
ตัว PAD เป็น PAD ที่หุ้มด้วยหนังแท้ และมีความนิ่มนวลเอามากๆ เวลาเราใส่ L3000 จะเหมือนกำลังเอาเบาะนุ่มๆมาทาบไว้บนหัว ใส่แล้วไม่รู้สึกเมื่อยหรือล้าเลยครับ เพราะใส่สบายมากๆ ตัวหูฟังเองก็ไม่ได้มีน้ำหนักอะไรมากมาย PAD ก็นุ่ม ช่วง headband ก็นุ่ม ทำให้มันดูนุ่มนวลชวนใส่ไปหมดเลยครับ
มาที่เรื่องเสียงกันบ้าง
มาว่ากันเรื่อง Dynamic ก่อน... ในส่วน Dynamic ของกลิ่นบุหรี่นั้นยังคงอบอวนอยู่จางๆ แต่ stage ของกลิ่นไม่กว้างมากนัก และก็ไม่อิ่มเท่าไหร่ โชคร้ายที่ยังพอ Focus ได้เป็นระยะ ช่วงที่ครอบหูอยู่จะไม่รู้สึก แต่พอถอดออกมานี่ สามารถรับรู้ถึงตำแหน่งของกลิ่นได้ชัดเจน คาดว่า L3000 ถ้าเอาไปทอดคงหอมน่าดู เพราะรมควันมาได้ที่ทีเดียว
เข้าเรื่องเสียงจริงๆแล้วกันครับ 555
ผมเคยอ่านใน Head-fi ที่เค้่า review เรื่อง L3000 ไว้ ซึ่งโดยสรุปที่เค้าสรุปไว้นั้น เค้าบอกว่า มันคือการรวมร่างของ 650 และ 701 เข้าไว้ด้วยกัน โดยให้เหตุผลว่า มันมี soundstage และ detail ในแบบของ 701 แต่ให้น้ำหนักเบสและมวลเสียงกลางไปทา่ง 650 ซึ่ง ทำให้ผมต้องรีบตะกายไปหยิบเอา 701 ออกมาเทียบกันตรงๆ และก็ไม่ลืมจะหยิบ 950Ltd มาด้วย เพราะตอน 950ltd ออกใหม่ๆ มีคนใน head-fi บอกว่า มันคือ L3000 Jr. แุถมคนที่บอกก็เป็นแฟน ATH อย่างเหนียวแน่นซะด้วย ผมจึงไม่รอช้าที่จะหยิบเอามาดวลกันทั้งหมด
ดังนั้นขอสรุปผลมวยก่อนแล้วกันครับ
ข้อ สรุปของ 650 กับ 701 รวมร่างกันนั้น เท่าที่ผมลองฟังหลายๆทีในฐานะที่เคยมีทั้งคู่มากก่อน ผลปรากฏว่า มันไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ครับ โอเค soundstage เหมือน 701 จริงๆ Mid เบสคล้ายๆ 650 จริงๆ แต่... ก็ไม่ได้เหมือนแบบเอามารวมร่างจริงๆ ผมรู้สึกว่ามันมีความเป็นตัวของตัวเองซะมากกว่าครับ บุคลิกค่อนข้างส่วนตัวกว่าเยอะ จริงๆถ้าจะพูดว่ารวมร่างกันก็คงค้านเค้าไม่ได้ครับ เพราะมันก็เป็นในลักษณะนั้น เพียงแต่ ลักษณะเด่นๆของ 701 กับ 650 นี่ ไม่ได้ออกมาแบบชัดเจนเลยครับ มิติเสียงกลางก็ไม่ลึกเหมือน 650 ว่ากันง่ายๆ 701 ยังให้มิติเสียงกลางที่ลึกกว่าเลยครับ มวลเบสก็ยังไม่เท่า 650 แต่มวลเสียงกลางเหมือน 650
ดังนั้น สรุปได้ว่า
L3000 V.S. K701
soundstage = เหมือน
มิติเสียงกลาง = ไม่เหมือน
เบส = ไม่เหมือน
Detail = ใกล้เคียง แต่ไม่เหมือน
เสียงกลาง = ไม่เหมือน
เสียงสูง = ไม่เหมือน
Ambient = ไม่เหมือน
L3000 V.S. Sennheiser Hd650
soundstage = ไม่เหมือน
มิติเสียงกลาง = ไม่เหมือน
เบส = ใกล้เคียง แต่ไม่เหมือน
Detail = ไม่เหมือน
เสียงกลาง = ใกล้เคียง
เสียงสูง = ไม่เหมือน
Ambient = ใกล้เคียง ( ออก dark เล็กๆ )
ดังนั้น เรื่องเป็น 701 รวมกัน 650 หรือไม่ มันแล้วแต่มุมมองครับ
สำหรับเรื่อง 950Ltd กับ L3000 ว่าเป็นพ่อลูกกันหรือไม่ อันนี้ผมก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่า มันไม่ใช่ เพราะเสียงทั้งคู่ก็ตรงตามนโยบายสไตล์ของ ATH ถ้าใครเป็นเจ้าของ ATH อยู่น่าจะนึกออกว่าเสียงสูงของ ATH ที่เป็นเอกลัษณ์ในรุ่น A Series ก็ยังติดตัวมาที่ L3000 เช่นกัน แต่โดยองค์ประกอบอื่นๆ เรียกว่า ไม่มีความเหมือนกันเลยครับ ตั้งแต่เสียงกลา่งที่มวลของ 950Ltd ด้อยกว่าเยอะ แต่ดันให้ิมิติเสียงกลางที่ดีกว่า ลึกกว่า โปร่งกว่า ส่วน soundstage สู้ L3000 ไม่ได้ ชิ้นดนตรีในตำแหน่งเดียวกัน ของทาง 950Ltd จะอยู่สูงกว่า L3000 อันเป็นผลมาจากความที่มิติเสียงกลางลึกกว่านั่นเอง
ที่สำคัญ เบสของ L3000 เหนือกว่า 950Ltd ทุกประตูครับ ทั้งขนาด น้ำหนัก impact และความแน่น ทุกอย่างดีกว่าหมดครับ แต่น้ำหนักเสียงกลองใกล้เคียงกัน
L3000 V.S. ATH A950Ltd
soundstage = ไม่เหมือน ( L3000 ดีกว่า )
มิติเสียงกลาง = ไม่เหมือน ( 950Ltd ดีกว่า )
เบส = ใกล้เคียง แต่ไม่เหมือน
Detail = ใกล้เคียง ( แต่ 950ltd ให้ detail เสียงสูงละเอียดกว่า )
เสียงกลาง = ไม่เหมือน ( 950ltd ชัดกว่า focus ดีกว่า แต่มวลน้อยกว่า)
เสียงสูง = ไม่เหมือน ( 950Ltd แห้งกว่า แต่ชัดกว่า )
Ambient = ไม่เหมือน ( 950Ltd ออกโปร่งกว่า )
ความสบาย = ไม่เหมือน ( L3000 ใส่สบายกว่า )
ความแพง = ไม่เหมือน ( L3000 แพงกว่า )
ความหายาก = ไม่เหมือน ( 500 ตัวนี่หายากกว่า 2000 ตัว )
ดังนั้น สรุปได้ว่า 950Ltd ไม่ได้เป็นลูกของ L3000 ด้วยประการทั้งปวงครับ ได้แค่เป็นญาติครับ
ทีนี้มาว่ากันเรื่องเสียงของ L3000 เต็มๆครับ
เรื่องการแบ่งแยกชิ้นดนตรีนี่ผมคงไม่พูดถึงนะครับ ระดับนี้แบ่งแยกชิ้นดนตรีได้แย่ก็กะไรอยู่ ซึ่งก็ดีในระดับที่มันทำได้อยู่แล้วครับ แบ่งแยกได้ชัดเจนแบบสัมผัสได้ การถ่ายน้ำหนักเสียงจากซ้ายไปขวาก็ทำได้ smooth มากๆครับ ไม่มีช่วงจุดบอดหลุดให้รู้สึกเลย อีกอย่าง ช่วง image แต่ละชิ้นก็ไม่มีการคาบเกี่ยวกันเลยครับ คือ ขอบเสียงของแต่ละชิ้นไม่มีเข้ามากวนกันนั่นแหละครับ แยกได้ึค่อนข้างขาดอย่างน่าประทับใจเมื่อเทียบกับขนาด image
เสียงกลางของ L3000 ออกไปทางอิ่มมากๆครับ ขนาด image เรียกว่าใหญ่กว่าทั้ง K701 และ 950Ltd ด้วยซ้ำ คล้ายๆกับ Hd650 มากๆ เสียงร้องนี่อิ่มแบบรู้สึกได้เลยครับ ทั้งอิ่มทั้งใหญ่ เรียกว่านักร้องดูตัวใหญ่มากขึ้น เมื่อเทียบกับตอนที่ฟัง 950Ltd ที่นักร้องดูผอมเล็กบอบบางน่ารัก ส่วนหวานไม๊นี่ผมไม่รู้ครับ สัมผัสเรื่องความหวานตอนนี้ไม่ึ่ค่อยมีเท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบกับ W5000 ในความทรงจำนี่้ ตัว L3000 ให้มวลเสียงกลางที่ดีกว่าเยอะครับ และยังออกนุ่มนวลกว่าด้วย เสียอย่างเดียวมิติเสียงกลางไม่ลึก ทำให้เสียง Vocal เข้ามาใกล้เกือบทุกเพลง น่าจะถอยออกไปให้เหมือน 950 ซะหน่อย จะดีมากๆเลยครับ ส่วนเสียงกลองทำได้ดีอยู่แล้ว ทั้งน้ำหนักและ้ detail ของเสียงกลองได้ดีกว่า 950Ltd ทั้งหมดครับ
เบสของ L3000 ก็อย่างที่บอกครับ ให้ impact ที่ดี มี middle ที่แน่น แต่ deep ยังสู้ 650 ไม่ได้อยู่ดี จะว่าไป โดยรวมผมว่าแพ้ 650 แค่ impact กับ deep เท่านั้น ตรง middle ถือว่าใกล้เีคียงกันมากๆ ( อันนี้จากความทรงจำนะครับ เพราะไม่มี 650 ให้เทียบแล้ว ) ถ้าเทียบกับทาง 701 และ 950ltd นี่ คู่นั้นแพ้หลุดลุ่ยทุกประตูสำหรับหัวข้อนี้ เพราะเบสของ L3000 มีคุณภาพกว่าเยอะ
ในส่วนเสียงสูงนี่ ผมว่า ตรงตามรูปแบบของ ATH เลยครับ คือออกเย็นๆ ไม่จัด และปลายใสไปได้พริ้ว แต่ detail ยังสู้ 950Ltd ไม่ได้นะครับ ทว่ามีความเป็นมิติกว่า 950ltd เยอะ ขานั้นออกแบนกว่าในส่วนของ detail เสียงสูง แม้แต่ 701 ก็ยังให้รายละเอียดของเสียงสูงได้ไม่เป็นมิติเท่า L3000 ครับ คือบางเพลงที่มีเสียงแบบ Triangle ตรงช่วงหัวโน้ต หรือ impact ของ 701 จะเป็นแบนๆแล้วค่อยกระจายออก แต่ของ L3000 จะรู้สึกเป็น image ขึ้นมาแล้วค่อยกระจายแผ่ออกครับ ที่จะคล้ายๆหน่อยในตรงจุดนี้ก็เห็นจะมี 950Ltd นี่ล่ะครับ แต่ก็ยังให้ขนาดที่เล็กกว่าและ detail จัดกว่า
จุดเด่นของ L3000 จริงๆคือ image ของชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นครับ เพราะมันเป็น 3 มิติเกือบทั้งหมด
ไม่ต้องนั่งหลับตาจินตนาการให้เสียเวลาด้วยครับ แค่นั่งฟังดีๆในที่เงียบๆก็สามารถรับรู้ถึงรูปแบบ 3 มิติของแต่ละชิ้นได้เลยครับ ตอนแรกที่ฟังกันที่เสียงดังๆผมยังงงๆอยู่ว่าทำไม image มันเหมือนกับมีเสียงซ้อนๆแปลกๆ พอมานั่งฟังเงียบๆที่บ้านถึงรู้เลยว่า นี่แหละ... เอกลักษณ์ของมันเลย เพราะเท่าที่ฟังมาผมยังไม่เคยรู้สึกถึงความเป็น 3 มิติได้ชัดเจนเท่านี้ ปรกติได้ยินเป็นแบนๆซะมากกว่า ซึ่งมันก็ไม่ได้ลึกเพราะมิติเสียงกลางด้วย แต่มันมีความเป็นรูปทรงรูปร่างและมีระยะใกล้ไกลของตัวเอง ซึ่งเท่าที่ผมฟังมาก จะมี 701 นี่แหละครับที่ให้เสียง Vocal มีความเป็น 3 มิติ แต่ตัว image ชิ้นอื่นๆกลับออกแบนๆ
ถ้าจะให้เห็นภาพง่ายๆก็
อารมณ์ประมาณว่ากำลังดูทีวีที่แสดงภาพเป็น 3 มิติตามห้างอย่าง Paragon หรือ Siam Center น่ะครับ สำหรับ L3000
ส่วนของ 701 ก็เหมือนกับเวลาเราดูทีวี Plasma ที่ให้ Contrast ดีๆ และต่อเล่น HD-DVD ผ่านช่อง HDMI พูดง่ายๆคือ เรารับรู้ว่ามันมีมิติ แต่ไม่สามารถสัมผัสได้ชัดเจนเท่าทีวี 3 มิติ นั่นเองครับ
ในขณะที่ iPOD nano gen1 นี่เหมือนกำลังนั่งดูภาพถ่าย
โดยรวมแล้ว L3000 ให้ความเป็น 3 มิติที่ดี แยกชิ้นดนตรีได้เยี่ยม เสียงกลางอิ่ม ฟังแล้วนุ่มนวล ( บอกตามตรงว่า ผมฟังร๊อคกับ L3000 ไม่ค่อย work เท่าไหร่ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม แต่อารมณ์น่าจะเหมือนที่คุณ poko รู้สึกน่ะครับ ) ทุกอย่างทุกย่านทำได้ดีและมีความเป็นตัวของตัวเอง จะตินิดเดียวตรงที่เวลาถอดทีไรได้กลิ่นรมควันทุกที สงสัยหนังของ Connolly ต้องรมควันก่อนบุเสมอ
4 ความคิดเห็น:
เอิ่ม...ลงรูปสุดท้ายผิดรึเปล่าครับ x_x
ไอ้มดเขียวข้างล่างนี่ ดูเหมือนจะคนละราคากันมั้ยครับเนี่ย = ='
55555
ราคามันก็ไม่ถึงกัีบหนีกันมากหรอกครับ :D
ผมว่าค่าตัวทั้งคู่พอๆกันนะครับ เพียงแต่ตัวสังขยาแค่หายากกว่าเท่านั้นเองครับ
ได้มาแล้วครับคุณ G-7
อ่านที่คุณ G-7 รีวิว ซื้อไล่้มาตั้งแต่ Ms-1 -> Super Fi 5 -> SE530 -> AD2000 -> Triple fi 10 -> D5000 -> Ms-Pro -> 701 -> W5000 -> L3000
ทุกตัว ยกเว้น D5000 ผมซื้อเพราะอ้างอิงจากรีวิวคุณ G-7 ทุกตัวเลย ^^
ขอบคุณมากเลยครับ ผมได้รับความช่วยเหลือจากคุณ G-7 มากมายจริงๆ (ทั้งที่ตอบผมหลังไมค์ด้วย ^^v)
ps : ปิดเกมซะทีครับ L3000 เทพจริง ชนะเลิศ !!
แสดงความคิดเห็น