COWON D2
ก่อนจะเริ่มอะไร ผมขอขอบคุณทาง Com7 ก่อนเลย ที่อุตส่าห์ให้ยืม D2 มาทดสอบ เพราะผมคงไม่มีปัญญาไปนั่งซื้อ Player มาลองทีละตัวสองตัวแน่นอนครับ ลำพังแค่ iPOD ก็ไม่ค่อยอยากจะหิ้วไปไหนมาไหนแล้ว ถ้ามีเพิ่มมาอีกคงต้องมานั่งคัดกันละครับว่าใครจะเจ๋งกว่า แล้วก็ค่อยหิ้วตัวนั้นไปไหนต่อไหนแทน ส่วนตัวที่เหลือก็นอนรอแอ้งแม้งอยู่กับบ้านไปตามอัธยาศัย
ตัว D2 นี่ จริงๆแล้วช่วงก่อนที่จะมีการวางตลาด ตัวผมเองก็อยากจะได้มันมาเป็น sub player เพื่อใช้สับเปลี่ยนกับ iPOD เวลาที่ขี้เกียจแบก ซึ่งตอนนั้นคิดว่าถ้าเสียงมันเหนือกว่า iPOD ก็กะจะเอามาเป็นตัวแทนไปเลย เพราะผมกำลังหา player ที่ให้เสียงที่เหนือกว่า iPOD ในระดับราคาไม่สูงมากนัก ที่สำคัญคือ ตัว D2 เปิด SPEC มาได้น่าสนใจจริงๆ ทั้งหน้าจอ touchscreen , design และกำลังขับ อีกทั้งยังให้กำลังแบตมาค่อนข้างเหลือเฟือ เรียกว่า อึดกว่า iPOD อีกครับ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของซักที จนแล้วจนรอดจน iPOD Classic ออกมา ก็กำเงินไปซื้อ iPOD Classic อีก ตัว D2 เลยถูกลืมไปกับกาลเวลาในบัดดล ตอนแรกผมก็คิดว่าจะไม่มีโอกาสได้ฟังจริงๆจังๆแล้ว เพราะเคยฟังเสียงมันแค่ผ่านๆ พอรู้ว่าทาง Com7 ยินยอมให้ยืมมาทดสอบ ผมก็ไม่รอช้าที่จะรีบเอามา test อย่างเต็มใจ
ผมจะไม่ว่ากันถึง Fuction การทำงานแต่ละส่วนนะครับ เพราะที่ไหนก็มีให้อ่าน ดังนั้นผมจะว่ากันถึงส่วนเฉพาะที่ผมมองว่าน่าสนใจและน่าหยิบมาพูดถึงเท่านั้นครับ
ว่ากันด้วยเรื่อง”จอ”กันก่อนนะครับ
ตัว D2 ใช้จอ LCD ขนาด 2.5 นิ้ว แบบ QVGA ( 320x240 ) โดยให้เฉดสีได้ถึง 16 ล้านสี ซึ่งก็สมราคาตาม spec ล่ะครับ เพราะจอแสดงรายละเอียดของภาพได้ดีมาก แต่ถ้าเทียบกับจอของ iPOD Classic เอง ตัว D2 จะสว่างน้อยกว่าครับ ทำให้สีดู Drop กว่าของทาง iPOD ด้วย
< ภาพเปรียบเทียบ iPOD และ D2 ภาพจอบนเป็น D2 จอล่างเป็น iPOD>
ที่สำคัญคือ View Angle หรือมุมมองของ LCD จะด้อยกว่าของทาง iPOD ครับ โดยเฉพาะแนวมุมมองจากด้านบนและด้านล่างค่อนข้างแคบทีเดียว ทำให้เวลาเราพลิกจอหงายไปทางด้านบนเล็กน้อย หรือพลิกจอลงมาทางด้านล่างเล็กน้อย สีของภาพจะเพี้ยนไปครับ แต่ก็ไม่ได้หนักหนามากเหมือนสมัยจอ TFT และ CSTN ออกใหม่ๆ ที่ต้องพยายามให้จอตั้งตรงกับหน้าเราเป๊ะๆ เรียกว่าอยู่ในระดับรับได้สบายๆครับ
หน้าจอ Touchscreen ก็ใช้งานได้ง่ายแถมสะดวกด้วยครับ ถึงแม้ว่าอัตราการตอบสนองจะไม่ได้หวือหวาเท่าพวก iPOD Touch หรือ iPhone ที่ Design มาให้เหมาะกับการใช้งานด้วย “นิ้ว” ของเราเอง เพราะตัว D2 เน้นการใช้งานกับ Stylus ที่แถมมากับเครื่องมากกว่า แต่ความเร็วการตอบสนองทั่วๆไปก็ถือว่าทำได้ดีมากๆอยู่แล้วครับ อย่างน้อยก็ดีกว่า Pocket PC ที่ผมเคยใช้อีก
ตัวเครื่องก็ใช้วัสดุค่อนข้างดีทีเดียวครับ ดูงานแล้วเนี้ยบแน่นหนาดีมากๆ วัสดุที่ใช้ก็ไม่ได้เป็นรอยง่ายๆเหมือนกับ iPOD VDO งาน Design ก็ทำได้ดีครับ เรียกว่าไม่ได้ดูหรูหรา หรือ ไฮเทค จ๋า แต่ดูลงตัวทางความสวยงาม ความแข็งแรง และความทันสมัย แจ็คเสียบรูหูฟังก็ค่อนข้างแน่นมากๆ เสียบแล้วดึงไม่ค่อยอยากจะออกเลยทีเดียว จะเสียนิดหน่อยตรงแบตเตอร์รี่น่ะครับ ดันไป design เป็น Built-in เหมือนกับ iPOD ทำให้การเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ก้อนใหม่ทำได้ค่อนข้างลำบากครับ ตรงนี้ผมก็ลืมสอบถามไปทาง COM7 ว่า ถ้าลูกค้าแบตเสื่อมจะทำยังไง คิดว่าทางบริษัทน่าจะมีมาตรการรองรับในจุดนี้ไว้แล้วนะครับ
ที่น่าสนใจคือ ในชุดอุปกรณ์ของ D2 นี่ แถมหม้อแปลง Charger มาให้ด้วยครับ ผมประทับใจตรงนี้มากๆ เพราะเท่าที่เห็น Player หลายๆตัวที่ขายในท้องตลาด โดยเฉพาะ iPOD รุ่นหลังๆ เล่นไม่แถมหม้อแปลงมาให้ด้วย ทำให้เวลาชาร์ตต้องลำบากชาร์ตผ่าน USB สถานเดียว ถ้าจะชาร์ตด้วยหม้อแปลงก็ต้องไปซื้อต่างหาก ซึ่งผมมองว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคน่ะครับ ให้ลูกค้ามานั่งชาร์ตผ่าน USB นี่เป็นเรื่องมักง่ายไปหน่อยครับ
< รูปหม้อแปลง D2>
ในส่วนของ Function เอง ก็ค่อนข้างหลากหลายครับ เรียกว่ามีครบถ้วนตามที่คนส่วนใหญ่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง , ฟังเพลง , ฟังวิทยุ , อ่านข้อความ , อัดเสียง ฯลฯ และทีเด็ดของตัวนี้คือ Support Flash Animation ด้วยครับ พูดง่ายๆคือถ้ามี file Flash Animation คุณสามารถเอามาเล่นใน D2 ได้ครับ ถึงแม้ว่าเรื่องเสียงของ Flash Animation จะยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ แต่การเคลื่อนไหวของภาพเรียกว่าลงตัวและ smooth ใกล้เคียงที่เปิดกับในคอมพิวเตอร์เลยครับ
สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างของตัว D2 ก็คือ Fuction การอัดเสียงนี่แหละครับ ที่อัดออกมาได้ค่อนข้างชัดมากๆเลยทีเดียว เรียกว่าไมค์ built-in จับเสียงภายนอกได้ดีมากๆ เสียอย่างเดียวตรงที่ได้ยินเสียง noise ค่อนข้างชัดด้วย แต่ก็ไม่ได้กวนเสียงที่เราต้องการอัดครับ แค่พอมีให้รำคาญนิดหน่อย
เสียงที่อัดด้วย D2 จะค่อนข้างจัดเล็กน้อยครับ คล้ายๆกับว่าเครื่องปรับแต่งให้รับสัญญานเสียงไวมากกว่าพวกมือถือทั่วๆไป หรือ Player บางตัว อย่าง MEIZU ครับ เรื่องความชัดเจนเลยหายห่วงได้ครับแถมให้ความเป็นมิติที่ดีด้วย เพราะผมเคยใช้มือถือหลายๆรุ่นลองอัดเสียงดู ส่วนมากไม่ออกแบนๆ ก็ให้เสียงขุ่นๆอับๆ มิติก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ให้อารมณ์เหมือนออกมาเป็นระบบ Mono ในขณะที่ตัว D2 ให้ความรู้สึกเป็น Stereo มากกว่าครับ ลองฟังตัวอย่างที่ผมอัดมาเพื่อทดสอบครับ
ระหว่างการอัดสามารถกดหยุดชั่วคราวแล้วอัดต่อในภายหลังได้ ตรงนี้พวกมือถือยังทำไม่ได้ครับ โดยเฉพาะ k790i ถ้ากดหยุดก็จะเป็นการจบการอัดเสียงทันที file จะถูก save แล้วเค้า mode ทดลองฟังทันที แต่ตัว D2 สามารถเรื่องที่จะหยุด หรือ จบการอัดได้ ทำให้การใช้งานยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ เราสามารถได้ยินเสียงระหว่างการอัดผ่านหูฟังได้ด้วย ซึ่งปรกติ player ทั่วๆไปจะตัดในส่วนถ่ายทอดเสียงจากไมค์เข้าหูฟังครับ ตรงจุดนี้จริงๆแล้วสำคัญมากนะครับ เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ว่าตรงจุดที่เราตั้งอัดนั้น ได้ยินเสียงชัดเจนแค่ไหน บางทีอัดๆไปก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับว่าอัดเสียงออกมาได้ไม่ชัดเลย การที่ได้ยินระหว่างอัดทำให้เราสามารถเลือกมุมที่จะได้ยินเสียงครบถ้วนสมบูรณ์แบบไม่มีผิดพลาดครับ
นอกจากนี้แล้ว เรายังสามารถปรับระดับเสียงความดังในการอัดได้ตั้งแต่ 1-5 โดยปรกติผม set ไว้ที่ 3 ก็ดังมากๆแล้ว ถ้าเกิด set ไว้ที่ 5 ก็น่าจะได้ยินเสียงที่อยู่ไกลๆชัดเจนยิ่งขึ้น ที่สำคัญเราสามารถเลือก bitrate ได้ว่า ต้องการให้เก็บเสียงที่ความชัดระดับไหน ซึ่งก็จะเริ่มตั้งแต่ 32k ไปจนถึง 256k ครับ แต่ข้อเสียคือ ไม่สามารถเลือกเป็น Format MP3 ได้ เพราะตัว D2 บังคับให้ใช้เป็น WMA แทน ตรงนี้ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะเปลี่ยนให้เป็น MP3 ได้หรือเปล่า ลองพยายามหาในหมวดของ setting แล้ว ก็ไม่เจอวิธีที่จะแก้ไชได้ เลยฟันธงไปว่า Support เฉพาะ WMA ไปก่อนแล้วกันครับ ?
ในส่วนของการรับวิทยุ FM นั้น ก็ทำได้ดีมากๆครับ เสียงออกมาชัดเจนมากๆทีเดียว แม้จะยังไม่ใสเท่ากับที่มือถือ Sony-Erisson ทำได้ แต่ก็ถือว่าเสียงไม่น้อยหน้า iRiver แน่นอนครับ การรับสัญญานเองก็ทำได้ดีด้วยครับ แม้จะมีบางจุดที่ drop ลงไปบ้าง แต่โดยรวมผมว่าน่าจะดีที่สุดเท่าที่ Player แบบพกพาจะทำได้แล้วครับ
การรับสัญญานนั้นเป็นแบบทศนิยมสองหลัก เรียกว่า ถูกใจนักเล่น FM แน่นอนครับ แถมยังมีระบบ Auto Scan ที่จะไล่ Scan ตั้งแต่ 87.50mhz ไปจนถึง 108mhz แล้วก็จับเอาสัญญานคลื่นที่ชัดที่สุดของแต่ละสถานีที่จับได้ ใส่ลงใน Preset ทั้ง 24 preset ทำให้เราสะดวกในการฟังมากขึ้น ไม่ต้องมานั่งไล่จิ้มเลื่อนๆเพื่อหาทีละสถานี แถมยังปรับ mode ได้ว่า จะเปลี่ยนเป็นใช้เลื่อนทีละ Preset หรือจะเลื่อนตามแบบปรกติที่ขยับครั้งละ .05 mhz เพื่อหาสถานีที่เราชอบ
ที่สำคัญตัว D2 สามารถอัดเสียง FM ลงเครื่องได้ด้วยครับ และยังให้คุณภาพเสียงที่ค่อนข้างชัดเจนทีเดียว อาจจะ drop ลงเล็กน้อยจากที่ได้รับฟังในวิทยุ แต่ก็ถือว่าคมและชัดดีทีเดียวครับ ซึ่ง Function การอัดนี้ก็เลือก bitrate ได้เหมือนกับการอัดเสียงธรรมดาครับ แถมอัดออกมาใน format WMA เหมือนกันอีกด้วย
< ตัวอย่างเสียงเพลงที่อัดจาก FM (FM record music.wma) >
มาว่ากันที่เสียงของ Player เองบ้าง
เสียงของ D2 นั้นจะออกไปทางสไตล์เสียงแบบญี่ปุ่นน่ะครับ ถ้าใครเคยฟังพวกหูฟังหรือ player ที่เป็น Brand ทางญี่ปุ่น ก็น่าจะคุ้นเคยกับสไตล์เสียงของทางนั้นดี แนวเสียงจะออกไปทาง Sony มากๆครับ แต่ Sony จะให้เสียงสูงที่คมกว่านี้ ตัว D2 จะออกพลิ้วกว่าครับ เรียกว่าให้อารมณ์แบบ Digital มากกว่าที่จะเป็น analog ครับ
เนื้อเสียงกลางถ้าเทียบกับ iPOD Classic แล้ว ตัว D2 จะให้มวลที่น้อยกว่า และมี Dynamic-Impact ที่ยังไม่ดีเท่า iPOD Classic ดูได้จากน้ำหนักเสียงกลองที่ลงได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่การแบ่งแยกชิ้นดนตรีก็ทำได้ดีครับ
ตำแหน่ง image ช่วงที่อยู่ใน zone มิติเสียงกลางจะวางไม่เหมือนกับของ iPOD ครับ เพราะจะอยู่ค่อนข้างสูงกว่าโดยเฉพาะเสียงร้องที่จะเห็นได้ชัดเจน และ image จะเล็กกว่าของทาง iPOD เล็กน้อยครับ แต่ Soundstage จะกว้างกว่า เรื่อง soundstage คงจะเป็นจุดเด่นของ player ตัวนี้ครับ ที่ให้ได้ค่อนข้างกว้าง คล้ายๆกับ iPOD Touch น่ะครับ
โดยปรกติผมเป็นคนไม่ชอบใช้ EQ เท่าไหร่ครับ เรียกว่าไม่ชอบมากๆเลยจะดีกว่า เพราะที่เคยใช้ๆมา ไม่ได้มี player ตัวไหนทำให้ผมใช้ EQ แล้วรู้สึกพอใจได้เลยครับ แต่พอได้ลองใช้ D2 นี่ ก็ต้องขอปรับ EQ นิดหน่อย โดยเฉพาะในส่วนของเบส เพราะเป็น Player ที่ให้เบสน้อยจริงๆครับ เรียกว่าไม่ปรับเร่งเบสไม่ได้เลยทีเดียว ส่วนนึงอาจจะเพราะเนื้อเสียงที่ออกบางเล็กๆ ทำให้ต้องปรับเบสออกมาให้ชดเชยโทนเสียงต่ำอีกหน่อย จะได้ match อีกนิดนึงครับ
ตัว EQ ของ D2 ก็ทำได้ค่อนข้างดีครับ ปรับแล้วไม่เพี้ยน เท่าที่ลองยก EQ ดูทุกตัวก็ไม่เจออาการแตกพร่าแต่อย่างใด โดยเฉพาะตรงส่วนเบสที่ปรับแล้วก็ไม่ได้บวมอะไรมากมาย แถมทำให้รู้สึกถึง Deep และ Middle ได้ดียิ่งขึ้นครับ แต่ควรจะปรับให้อยู่ในระดับพอเหมาะนะครับ การปรับเบสเว่อร์เกินไปก็ขึ้นมากวนเสียงย่านอื่นได้เช่นกัน เป็น Player ตัวแรกที่ผมรู้สึกว่าควรจะปรับ EQ ซักหน่อยถึงจะดีครับ
โทนเสียงโดยรวมของ D2 จะให้เสียงสไตล์ที่ฟังสบายๆ พริ้วๆ นุ่มๆ ใสๆ เสียงร้องชัดไม่ขุ่นหรืออิ่มอวบเกินความจำเป็น เท่าที่ลองฟังหลายๆเพลง รู้สึกว่า ตัว D2 ไม่ค่อยเหมาะกับเพลงร๊อคเท่าไหร่ครับ เพราะน้ำหนักกลองกับกีต้าร์ถ่ายทอดยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ การปรับ EQ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรตรงนี้มาก แถมทำให้ balance เสียงโดยรวมเสียไปด้วย ยิ่งไปปรับเป็น ROCK mode ยิ่งแล้วใหญ่เลยครับ เสียงสูงจะจัดจ้านนำหน้าเบสออกมาทันที ผมว่าเป็น Player ที่เหมาะกับการฟังเพลงสบายๆ หรือเพลง pop มากกว่าครับ ถ้าเน้นฟังร๊อคเป็นหลักให้มองไปดู player ตัวอื่นได้เลยครับ
นอกจากนี้แล้ว หูฟังที่แถมมากับ player ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลยนะครับ สไตล์เสียงคล้ายๆ MX400 แต่มี image ที่ใหญ่กว่า และให้ soundstage ที่ดีกว่า Focus Image ก็ทำได้ดีเช่นกัน เนื้อเสียงจะออกอิ่มกว่า MX400 เล็กน้อย แต่มิติเสียงกลางผมว่า MX400 จะดีกว่า เพราะ image ของทางนั้นเล็กกว่า เลยทำให้ดูเหมือนมีพื้นที่มากกว่า เลยรู้สึกว่าลึกกว่าไปโดยปริยายครับ ส่วนเบสนี่เหมือนกันเลยครับ น้อยพอๆกัน ผมว่าทาง D2 เลือกหูฟังได้ดีแล้วนะครับ เพราะสไตล์เสียงของหูฟังค่อนข้างเหมาะกับ D2 ทีเดียว
สรุปแล้วเป็น Player ที่ครบเครื่องตัวนึง เด่นทั้งทางด้านการอัดเสียงและวิทยุ ดูหนังก็ไม่ได้ด้อยกว่าเจ้าไหนในตลาด เพราะภาพเคลื่อนไหว Smooth มากๆทีเดียว แถมโปรแกรมอย่าง Jetaudio ที่เป็นผู้ช่วยตัวสำคัญของ D2 ก็ใช้งานได้ง่าย สามารถแปลง file หนังที่เป็น DivX ได้ด้วย และยังใช้งานได้สะดวกใกล้เคียงกับ iTune ทีเดียว แต่ก็ระบบการจัดการเพลงและค้นหาเพลงก็ยังทำได้ไม่ดีเท่า จะดีกว่าก็ตรงที่ตัว Jetaudio สามารถดูหนังได้ และมีระบบการ Convert file หนังที่มีประสิทธิภาพกว่า
การที่สามารถเพิ่ม memory ภายนอกได้ก็ช่วยเพิ่มขีดจำกัดในการเก็บข้อมูลของตัว D2 ได้อีก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องขนาด memory ในเครื่องมากนัก แถม Fuction การใช้งานทั่วไปก็ใช้ได้ง่ายด้วยครับ เรียนรู้เพียงแป๊ปเดียวก็สามารถใช้งานได้อย่างคุ้นเคย แถมยังเปลี่ยน Wallpaper ได้ด้วย
ข้อเสียคือ การ Transfer ข้อมูลยังถือว่าช้าไปหน่อยครับ ช้ากว่า iPOD Classic ค่อนข้างมาก ตรงส่วนนี้ผมค่อนข้างเข้าใจว่า ความจุในเครื่องมันไม่เยอะ โอกาสจะได้ Transfer ข้อมูลระดับ 1gb คงไม่ค่อยมี เลยไม่จำเป็นต้องเร็วมากมาย แต่ขอเร็วกว่านี้หน่อยจะดีมากครับ เพราะที่ผมทดสอบเนี่ย อัตราการโอนถ่ายข้อมูลยังช้ากว่าตัว iAudio 6 ด้วยซ้ำครับ ( แต่ช้ากว่านิดเดียว ) จริงๆมันก็ไม่ได้ช้าอะไรมากมายหรอกครับ ผู้ใช้คนอื่นๆอาจจะไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่ามันช้า แต่ถ้าใครใช้ iPOD มาตลอดย่อมจะรู้สึกได้ไม่ยากครับ
อีกอย่างคือ เรื่องกำลังขับที่ดูเหมือนจะเหลือเฟือ แต่พอใช้งานจริงแล้วปรากฏว่า กำลังขับใกล้ๆกับ iPOD Classic เลยครับ แต่อาจจะดีกว่าเล็กน้อย ส่วนนึงอาจจะเพราะผมคาดหวังจาก SPEC มากเกินไป เพราะเหมือนทาง Cowon จะชูจุดนี่เป็นจุดเด่นด้วย โดยส่วนตัวผมคิดว่า ในเรื่องกำลังขับนี่ iPOD nano Gen3 น่าจะเป็น Player ที่ให้กำลังขับที่อลังการที่สุดในท้องตลาดแล้วครับ แต่ Dynamic ก็ยังสู้ iPOD Classic ไม่ได้อยู่ดี
นอกจากนี้แล้ว การอ่านภาษาไทยก็ยังทำได้ไม่สมบูรณ์นัก ถึงแม้ว่าจะอ่านได้ แต่สระก็ยังเพี้ยนอยู่ครับ แถมใน mode TEXT ก็ไม่สามารถอ่านภาษาไทยได้เลยครับ ( อ่านได้แต่ชื่อ file ที่เป็นภาษาไทย ) ตรงจุดนี้ถ้าทาง Com7 ปรับปรุงให้สามารถอ่านได้นี่ จะทำให้เครื่องนี้สุดยอดมากๆเลยครับ
แต่โดยรวมผมค่อนข้างประทับใจการใช้งานหลายๆจุดครับ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าระบบที่รวดเร็ว ( เร็วกว่า iPOD เวลาจับ restart ) การตอบสนอง touchscreen ที่ฉับไว และ fuction การใช้งานที่เรียบง่ายที่มีประสิทธิภาพ แถมยังอัดเสียงและรับวิทยุได้ชัดอีก แล้วยังน้ำหนักเบาด้วย ที่สำคัญคือตัว D2 รองรับ *PODCAST ด้วย โดยแยกออกมาเป็นส่วนอิสระจาก music zone ซึ่ง player อื่นๆนอกจาก iPOD ผมยังไม่เห็นมีตัวไหนรองรับเลยครับ นอกจากนี้ยังมี Accessory เพียบ ไม่ว่าจะเป็นกรอบใส ซีลีโคน หรือสติ๊กเกอร์แต่ง body ก็ถือว่าเป็น player ที่แจ๋วใช้ได้ตัวนึงทีเดียวครับ
*PODCAST คือ การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทาง internet ในรูปแบบใหม่ ซึ่งสามารถนำมาฟังในภายหลังและฟังซ้ำเท่าไหร่ก็ได้ เนื่องจาก file ที่เป็น PODCAST จะอยู่ในรูปแบบของ MP3 เป็นส่วนใหญ่ ( มีบ้างที่เป็น WMA ) ส่วนมาก PODCAST มักจะเป็น Music Station สำหรับคนที่อยากทำรายการวิทยุแต่ไม่มีโอกาสได้ไปเป็น DJ หรือ คนที่ต้องการเผยแพร่ข่าวสารต่างๆ และยังมีรายการวิทยุบางรายการจัดทำ PODCAST สำหรับคนที่ไม่ทันฟังในช่วงนั้นๆสามารถกลับมาฟังย้อนหลังได้ด้วย PODCAST จึงมีความสำคัญมากๆครับ PODCAST มีที่มาจาก iPOD นี่เองครับ เป็นการรวมกันระหว่าง iPOD และ Broadcasting นั่นเอง
6 ความคิดเห็น:
d2 ของผมพึ่งเจ๊งไปครับ
เซ็งเลย โดนไฟแอมป์หลอดกระชาก
ตอนนี้สียงเงียบไปเลย ไม่รุ้ซ่อมได้รึป่าว
หมดประกันหรือยังครับ
เร็วๆนี้เห็นว่าจะมีตัวแทนจำหน่ายใหม่เข้ามาทำตลาดครับ
ถ้ายังไม่หมดประกัน หรือหมดประกันแล้ว ก็รออีกซักอึดใจครับ เดี๋ยวจะมีคนรับผิดชอบใหม่มาหา :)
ประกันหมดไปแล้วครับ
ผมใช้มาปีกว่าแล้วครับ หมดมา สี่ห้าเดือนแล้วครับ
ตอนนี้กำลังมองหาตัวใหม่มาแทนอยู่ครับ
ส่วน d2 ก็คงรอซ่อมถ้าซ่อมได้ และคุ้มที่จะซ่อมครับ
ถ้างั้นรอซ่อมแล้วกันครับ คิดว่าค่าซ่อมไม่น่าแพงด้วย
รออีกไม่นานนี้ครับ ไม่กี่อึดใจแล้ว
ผมชอบฟังร็อคอะครับ สนใจ D2 แต่มันไม่เหมาะหรอครับ แล้วเทียบกันระหว่าง d2 กับ touch ตัวไหนฟังร็อคดีกว่าครับ ตามความเห็น
ไม่ใช่ไม่เหมาะครับ จริงๆพวกนี้ก็อยู่ที่แต่ละคนนะครับ
เพราะร๊อคมันก็แตกออกเป็นหลายแบบ แต่ละคนก็ฟังไปคนละแบบ แล้วแต่คน
เอาเป็นว่า ฟังตัวไหน ชอบตัวไหน เลือกตัวนั้นครับ
แต่ถ้าเทียบกับ iPOD touch นี่ เรื่องคุณภาพโดยรวม iPOd touch ทำได้ดีกว่าครับ พูดง่าๆยคือ Dynamic ดีกว่านั่นเอง
แสดงความคิดเห็น