วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Review Grado Alessandro MS-Pro

Grado Alessandro MS-Pro






ตอนแรกผมว่าจะไม่ review แล้วตัวนี้ เพราะยังไม่ได้เบิร์นเหมือน Ms-2 เลย มันทำให้ไม่รู้จะพิมพ์อะไรน่ะครับ และก็ไม่กล้าฟันธงมากด้วย กลัวหลัง burn จะให้ผลอีกอย่าง แต่อย่างว่าครับ ลักษณะโดยรวมมันก็ให้สไตล์ของ Grado เลยครับ เอกลักษณ์ครบ แต่มันมีจุดเด่นจุดด้อยที่เราคงต้องมาแจงกันให้เห็นชัดๆครับ

ทำไมต้อง Ms-Pro หลายๆท่านมักจะตั้งคำถามลักษณะนี้กับคนที่ไปซื้อจับจอง Ms-Pro มาเป็นเจ้าของ อาจจะมีสะกิดถามเล็กน้อยว่า ทำไมไม่เอานู่น ทำไมไม่เอานี่ ซึ่ง ก็อย่างที่บอก ความชอบมันไม่เหมือนกันครับ คนเราชอบของแบบนี้แล้วจะให้ไปเลือกซื้อตัวอื่นได้ยังไง จริงเปล่าครับ



ว่ากันเรื่องภายนอก งานไม้ค่อนข้างหยาบครับ คือ ผมเห็นไกลๆก็รู้สึกมันสวย smooth สมราคา แต่พอมาดูใกล้ๆ อ้าว ทำมันไสไม้ไม่เรียบร้อยละเนี่ย ยังมีเสี้ยนอยู่เลย แถมลงแลคเกอร์ไม่ค่อยจะเนียนด้วย แบบนี้ผมฟันธงเลยครับว่า ตาจอร์จ แกเคยขายก๋วยเตี๋ยวแน่นอน เพราะชอบทำอะไรลวกๆแบบนี้แหละครับ คิดดู ขนาดกล่องใส่หูฟังราคา 2 หมื่นแบบนี้ ข้างในยังห่วยเลยครับ ไม่อยากบรรยายความห่วย เอาเป็นว่ามาสนใจกันที่เรื่องเสียงครับ ( ไปว่าแกซะเยอะ จริงๆดูภายนอกมันก็เนี้ยบครับ 555 )

สำหรับมิติเสียงกลางของตัวนี้ แน่นอน ดีกว่าทั้ง Ms-1 และ Ms-2 เพราะค่อนข้างแยกเด่นชัดเจน และลอยสูงกว่าครับ โดยเฉพาะดนตรีแต่ละชิ้นนี่จะเห็นชัดๆเลยครับ ยิ่งถ้าฟังเทียบกับ Ms-1 จะเห็นชัดขึ้นไปอีกเลยครับ ซึ่งลักษณะการแยกมิติของดนตรีและ detail จะเหมือนกับที่ Ms-2 ทำได้ทุกประการครับ แต่... สิ่งที่ต่างคือ ความกว้างกว่า ลึกกว่า และความเป็น 3 มิติครับ เพราะทาง Ms-2 อย่างที่ผมบอกไว้ใน review ก่อนๆ คือ จะให้เสียงที่ชัดมาก แต่ ดันชัดไปซะทุกย่าน ผลคือมันขาดความเป็น 3 มิติครับ ในขณะที่ Ms-Pro ให้อารมณ์ที่เป็น 3 มิติกว่าเยอะครับ ไม่ว่าจะเสียงร้อง หรือ เสียงดนตรีอื่นๆ ถ้าว่ากันอย่างจับผิด ดนตรีบางชิ้นจะเสียงเบากว่าที่ Ms-2 ทำได้ แต่นั่นแหละครับ ทำให้มันมีมิติครับ เพราะมันมีระยะใกล้ไกลที่ให้ความชัดเจนกว่า Ms-2 เยอะครับ ( แต่ไม่เยอะมากขนาดสังเกตได้ครับ แต่อาศัยการจับผิดหนักๆนิดนึง ) soundstage จะกว้างกว่า Ms-2 เล็กน้อยครับ ซึ่ง ตรงนี้มีผลครับ เพราะ เสียงกีต้าร์เนี่ย ไม่มาป่วนวนๆขนาบข้างหูผมครับ โดยมันจะถูกย้ายถอยไปอีก step นึงครับ พูดง่ายๆ ถอยออกไปนิดนึง ไม่ถึงกับไกลมาก แต่ก็อยู่ระดับกำลังดีครับ ผมว่า Ms-2 มันใกล้เกิน ฟังแล้วหงุดหงิดครับ แต่ตรงนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนครับ

ว่ากันดื้อๆในเรื่องเสียงกลางนั้น ทาง Ms-Pro อิ่มกว่า Ms-2 แน่นอนครับ แต่ก็อย่างที่บอก ไม่ถึงกับแบบแยกออกในครั้งแรกที่ฟังครับ ผมว่าเสียงกลางของ Ms-2 จะออกสไตล์แข็งๆพริ้วๆ แต่ของทาง Ms-Pro จะออกนุ่มนวลกว่า และอิ่มกว่า อีกอย่างคือ ฟังแล้วไม่ล้าด้วยครับ เพราะไม่มีเสียงปิ๊งป๊างสว่างสดใส กระตุ้น คึกคัก เหมือน Ms-2แต่เป็นสไตล์นุ่มนวล ใส สบายๆ ซะมากกว่าครับ

เรื่องความใสไม่ต้องห่วงครับ ใสแน่นอน ใสเท่ากับ Ms-2 เลยครับ ไลน์กีต้าร์ชัดแบบ ชัดมากๆ เพียงแต่เสียง Ms-2 มันออกจัดจ้าน เรียกว่า color เลยแหละครับ
เรื่องเบสจะใกล้เคียงกับ Ms-2 มากๆครับ ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องเบสจะน้อยเกินไป เพราะมันพอจะให้ความประทับใจได้ไม่ยากเลยครับ ผมว่าเบสมันมากกว่า Ms-2 นิดนึงด้วยครับ เพียงแต่ Ms-2 เบสจะกระทั้นกว่าเท่านั้นเองครับ

ข้อเสียของ grado ทุกตัวคงมีจุดเดียว ตรง Soundstage นี่แหละครับ ฟังไปฟังมาผมรู้สึกว่าคุณพี่จะแคบกว่าชาวบ้านที่เค้าเป็น Full Size กันแล้วน่ะครับ ยิ่งระดับสูงๆอย่าง MS-Pro นี่ หูฟังในระดับราคาใกล้ๆกัน เค้า soundstage แยกออกเป็นแม่น้ำแล้วครับ... แต่ผมเชื่อว่า ก็มีคนชอบลักษณะ soundstage แบบนี้อยู่ดีครับ เพราะมันได้เสียงเต็มๆกว่า แต่ถ้านับกันกับในบรรรดา Grado ตัวอื่นๆ นี่ ตัว MS-Pro ให้ soundstage เป็นรองแค่เพียง GS1000 เท่านั้นครับ

โดยรวมหูฟังตัวนี้ให้น้ำเสียงที่ใส... แต่ไม่บาดหู และมีเบสที่กระชับ ถึงจะเบสไม่นุ่มเท่ากับที่ K701 ทำได้ แต่มันก็แน่นและกระชับดีครับ มิติเสียงกลางเด่น ตำแหน่งเสียงแยกได้ดีไม่มีกวนกัน และให้ความนุ่มละไมของดนตรี ไม่เกิดอาการล้าเมื่อฟังต่อเนื่อง เสียงที่ได้ให้ความรู้สึกเป็น 3 มิติด้วย ถ้าถามผมว่าสมราคาไม๊ อันนี้ผมตอบให้ไม่ได้ครับ มันอยู่ที่ว่าคุณชอบบุคลิกแบบนี้หรือเปล่า ถ้าคุณชอบ มันก็สมราคาสำหรับคุณแล้วครับ...



SPEC


Transducer Type : Dynamic
Operation principle : open air
Frequency response : 12hz - 30,000hz
SPL 1mV : 98
Nominal impedance : 32ohms
Driver matched db : 0.5

Vented diaphragm
Wooden air chamber
UHPLC copper voice coil wire
UHPLC copper connecting cord

ไม่มีความคิดเห็น: