วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Review Sennheiser CX500

Sennheiser CX500






หลัง จากที่เอามาดองได้หลายเพลาก็ถึงเวลาที่ผมจะหยิบออกมา review ซักทีครับ ไม่รู้ว่าเจ้าของร้อนใจอยากได้คืนแค่ไหนแล้ว เพราะผมเอามา burn ไว้นานพอดูเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ burn ผมก็ไม่ค่อยจะกล้า review เท่าไหร่ เดี๋ยวไม่ตรงกับที่คนอื่นฟังล่ะแย่เลย

จริงๆตัว Body CX500 กับ CX400 นี่เหมือนกันทุกประการเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพงานประกอบ วัสดุ จุดตัด ทั้งหมดล้วนเหมือนกัน เพียงแต่สายของ CX500 เป็นแบบ LP ไม่ได้เป็น SP แล้วมีตัวต่อต่างหากเหมือนของ CX400 แถมตัว CX500 ยังให้ Volume Control มาอีกด้วย ซึ่งก็ใช้งานได้ดีในระดับนึงครับ อย่างน้อยก็ลดเสียงลงจนสามารถคุยกับคนอื่นได้สบายๆ เพราะตัว CX500 ไม่ค่อยจะกันเสียงภายนอกซักเท่าไหร่ เรียกว่าดีกว่า Earbud หน่อยนึงเท่านั้นเองครับ ก็ถือว่าเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียไปในตัวเลย



ใน set ของ CX500 จะจุกยางแบบใหม่มาด้วยนะครับ เป็น Double Flange ที่รูปทรงแปลกๆนิดนึง คือขนาดความกว้างและความสูงของวงยางล่างค่อนข้างใกล้เคียงกับวงยางด้านบนน่ะ ครับ โดยจะให้มาสองขนาด มีแบบกลางและใหญ่เลย มันเลยออกมาแปลกตานิดนึงสำหรับผม แต่เท่าที่ลองดูทั้งแบบเล็กและใหญ่ ( แบบเล็กไม่พูดถึงนะครับ เพราะผมใส่แล้วไม่ match ) ตัวจุกนี้จะทำให้มิติเสียงกลางแคบลงมาอีกนิดนึง image ใหญ่ขึ้นหน่อย ขนาดเบสเลยใหญ่กว่าเดิมเลย แถมเบสอวบหนากว่าเดิมด้วย เลยเปลี่ยนเอาจุกเดิมๆที่มาพร้อมหูฟังมาใช้เหมือนเดิมดีกว่า




- ของแถมนี่แจ๋วจริงๆครับ ซองหนังก็ใช้ได้เลย -





มาว่ากันที่เรื่องของเสียง



เรื่อง เสียงนี่ ถ้าพูดกันถึงเรื่องเสียงกลาง ผมว่าคล้ายๆกับ CX400 เลยล่ะครับ ( พอดีตอนนี้ไม่มี CX400 ในมือแล้วเลยเทียบไม่ได้ ) ก็คือ image เสียงกลางใหญ่เด่น ทั้งเสียงร้องและกลอง ดูใหญ่ไปหมด เรียกว่าเต็มพื้นที่ของมิติเสียงกลางและ soundstage เลยทีเดียว มวลของเสียงกลางก็ถือว่าใช้ได้เลยครับน่าจะเยอะกว่า CX400 ด้วย แต่ อาจจะไม่อิ่มมากเท่ากับ Triple.fi 10 pro และ IE4 แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับกำลังโอเคเลยครับ เสียงกลองก็ลงได้แน่นมากๆ มวลเสียงกลองก็เยอะพอตัวทีเดียว เสียงตรงออกขุ่นๆ เรียกว่าโดยรวมออกขุ่นๆจะดีกว่าครับ ทำให้ผมไม่ค่อยชอบ แต่คนอื่นๆที่ชอบฟังเพลง smoothๆ หน่อย น่าจะชอบนะครับ

การแบ่งแยก ชิ้นดนตรีก็ทำได้ดีครับ เพราะให้ soundstage ที่กว้าง ถึงจะไม่กว้างมาก แต่ก็กว้างกว่าตัว CX400 ล่ะครับ ส่วนมิติเสียงกลางผมว่า พอๆกันกับ CX400 เลย เสียตรงขนาด image ใหญ่ไปหน่อย เวลาที่เจอเพลงเร็วๆถึงแม้จะแยกออกว่ามีเสียงกลอง กีต้าร์ และเบส แต่ไม่สามารถบอกตำแหน่งที่แน่นอนได้ครับ เพราะ sound จะค่อนข้างปะปนกันไปหน่อย จริงๆอาการแบบนี้ก็เกิดกับ CX400 เหมือนกันครับ ผมก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะแยกได้เท่ากับที่ E4C ทำได้ แต่อย่างน้อยๆ น่าจะทำให้มิติเสียงกลางกับ soundstage ออกไปอีกหน่อย จะช่วยเรื่องการแยกชิ้นดนตรีให้ดีขึ้นไปอีกนะครับ แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเคครับ เพราะเสียงไม่ปนกันมั่วจนฟังไม่รู้เรื่อง

เสียง เบสที่ใครๆหลายคนถามถึงนี่ไม่ต้องห่วงครับ ปริมาณยังคงเยอะเหมือนเดิม แต่ตอนที่ผมฟังเทียบกับ CX400 จะรู้สึกว่า impact ของ CX400 ดีกว่าเล็กน้อยครับ ส่วน deep และ middle เบสพอๆกันครับ เบสยังคงลากลงมาได้ลึกเหมือนเดิม แต่เนื้อไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ โดยรวมจะออกเน้นไปทางมวลมากกว่าความแน่นกระชับครับ Melody เบสเลยไม่ออกเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆเบสก็ไม่ฟุ้งเหมือน CX300 แน่นอนครับ

ด้าน เสียงสูงเองก็ยังเหมือน CX400 ครับ คือออกใส แต่ก็ไม่ได้กระจ่างสดใสมาก เพราะบรรยากาศโดยรวมมันออกขุ่นๆอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่ขุ่นเท่าพวก SE310 แต่ก็ยังไม่ค่อยประทับใจตรงเสียงสูงเท่าไหร่ บางคนฟังอาจจะรู้สึกว่ามันพริ้ว แต่ที่พริ้วเพราะว่ามันขุ่นครับ พอช่วงปลายมันผ่อนหายมันดันหายแบบค่อยๆจาง เลยรู้สึกว่าไปได้ไกล แต่อันที่จริงแล้วมันก็ยังไปได้ไม่สุดครับ อยู่ในระดับกลางๆกำลังดีมากกว่า ผมว่าทั้งเสียงเบสและเสียงสูง ลากไปจนสุดมากมันก็น่ารำคาญนะครับ ลองเจอเพลงที่มีเสียงเบสลงต่ำๆและเสียงสูงลากยาวๆพร้อมๆกัน รับประกันความปวดหัวครับ โทนเสียงสูงของ CX500 ก็ยังคงเป็น Warm โทนเหมือนเดิมครับ ส่วน detail จัดอยู่ในระดับกลางๆครับ โดยรวมออกแห้งนิดๆ ไม่ค่อยฉ่ำเท่าไหร่



โดยสรุปก็ถือว่าเป็นหูฟังที่ให้กลางที่ แน่น มวลเยอะ เบสเยอะ image คับจอ รูปแบบเสียงคล้ายๆเอา CX400 มา upgrade เรื่อง soundstage ลด impact นิดนึง เพิ่มมวลเสียงกลางลงไปหน่อย แล้วเติม volume control เข้าไป ถ้าเทียบเรื่องฟังสบาย ผมว่าตัวนี้น่าจะฟังสบายกว่า CX400 ครับ เพราะให้ความรู้สึกว่าโปร่งกว่าอีกนิดนึง เห็นว่าราคาหิ้วของตัวนี้ไม่สูงมาก ถ้าชอบ Sennheiser , และชอบเบสเป็นหลัก ก็น่าจะชอบ CX500 ครับ






SPEC

Frequency response : 17 - 22000 Hz
Cable length Symmetric : (earphone->seperator: 300 mm; separator->plug: 800 mm)
Impedance 16 OhmTHD, total harmonic distortion : < 0.2 %
Sound pressure level (SPL) : 113 dB (1 kHz, 1 Vrms)
Jack plug : 3.5 mm gold plug, rt-angled
Ear coupling : intraaural (ear canal fit)
Transducer principle : dynamic

1 ความคิดเห็น:

Glong กล่าวว่า...

CX-500 กับ CX-400 II และ CX-400
ต่างกันอย่างไรครับ