Ultrasone HFI-450
เป็นหูฟังที่ผมใช้เวลาในการ review นานที่สุด เพราะต้องใช้เวลาถึง 3 วัน เพื่อ review ตัวเดียว...ที่นานนี่ไม่ได้อะไรหรอกครับ เพราะผม review แบบขย้อน คือ ค่อยๆ review ไปเรื่อยๆ เพราะรู้สึกมึนๆจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน แถมยังต้องใช้เวลาในการ burn นานเอามากๆ เพราะเล่นได้แบบแกะกล่องมาเลย จะ review ทันทีก็ทำไม่ได้ ต้องเอามานั่ง burn ไปเรื่อยๆ ซึ่งผมก็กะไว้ว่าจะ burn ซํกแค่ 100 ชั่วโมงก็พอ ไปๆมาๆดัน burn ทะลุไปถึง 180 กว่าๆชั่วโมง ซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะเข้าที่เข้าทางคนมันแล้วล่ะครับ เพราะหูฟังตัวนี้ถ้าไม่ burn จะให้มิิติไม่ดีเท่าไหร่ และ focus เสียงได้ไม่ค่อยดีนัก ต้องใช้เวลาในการ burn ซักพักถึงจะเข้าที่ครับ เป็นหูฟังที่ได้มานานพอสมควรจนเล่นเอาคนที่ให้ยืมลืมเลือนกันไปเลยทีเดียว
รูปร่างภายนอกของตัว HFI-450 จะไม่เหมือนรุ่นพี่ๆอย่างพวก HFI-580 , 680 และ 780 เพราะ series HFI model เก่าๆที่รูปร่างเหมือน HFI-450 ได้ถูกดันไล่ออกไปจากไลน์การผลิตเรียบร้อยแล้ว และก็ปล่อยให้ HFI series ใหม่ที่ได้รับอนิงค์มาจาก Edition 9 ทั้ง Design และ ระบบเสียง เข้ามาปรจำการแทน ดังนั้น รูปร่างแบบ HFI เดิมๆ เลยเหลืออยู่แค่ที่ HFI-450 ตัวเดียวเท่านั้น กระทั่งกล่องใส่ก็ยังเป็นรุ่นเดิมอยู่เลย ดังนั้น ตัว HFI-450 ก็ยังคงใช้ S-Logic รุ่นดั้งเดิมเป็นพื้นฐาน การสวมใส่ก็สบายครับ ไม่ได้บีบรัดหัวแต่อย่างใด จะค่อนข้างผ่อนคลายกว่า 580 และ 550 ครับ ใส่แล้วรู้สึกนุ่มนวลกว่านิดนึง
ตัว body ของ HFI-450 ก็ยังคงเก็บงานได้เนี้ยบเหมือนตัวอื่นๆ ตัวเนื้อพลาสติกก็เป็นแบบเดียวกับรุ่นพี่ตัวอื่นๆ กระทั่ง PAD ก็ยังเหมือนกับพวกตัวที่สูงกว่า ดังนั้นเรื่องความแข็งแรงนี่ไม่ต้องห่วงครับ ทนเหมือนตัวอื่นๆของ Ultrasone แน่นอน ตรงช่วงก้านด้านบน หรือจะเป็นช่วงตัวรองกันที่คาดหัวจะกดแต่ดูหน้าตาแล้วก็สมกับราคาเลยครับ พี่เล่นใช้พลาสติกล้วนๆ ไม่มีเครื่องประดับเท่ห์ๆที่เป็นแผ่นเหล็กเหมือนรุ่นพี่ๆบ้างเลย สถานะพอๆกับรุ่นล่างสุดของ series Pro อย่าง Pro 550 เด๊ะๆ ที่ไม่มีเครื่องประดับเช่นกัน แต่ ของแบบนี้ไม่ว่ากันครับ เพราะราคามันถูก และเน้นกันที่เสียงเป็นหลักอยู่แล้ว
มาว่ากันเรื่องของเสียงครับ...
ตัว HFI-450 จะให้มิติที่ออกไปทางพวก Pro มากกว่าครับ คือเน้นไปที่ soundstage มากกว่าจะเน้นที่มิติเสียงกลาง ถ้าเทียบกับพวกรุ่นพี่อย่าง HFI-580 หรือ Pro 550 ล่ะก็ จะรู้สึกเลยว่า HFI-450 ให้ soundstage ที่แคบกว่า แต่ถ้าวัดกับหูฟังทั่วๆไป ก็ถือว่า soundstage กว้างและโอเคอยู่แล้วครับ และด้วยความสามารถของ s-logic ก็ช่วยให้มิติทางด้านหลังทำได้ลึกไกลเหมือนพวก Pro 550 ด้วย แถมยังแยกชิ้นดนตรีได้ค่อนข้างดีทีเดียว ถ้าเทียบกับพวกระดับเดียวกันในท้องตลาดแล้ว ตัว HFI-450 น่าจะทำได้ดีที่สุดแล้วครับ แต่ความโปร่งยังสู้พวกรุ่นพี่ๆอย่าง HFI-480 หรือ pro 550 ไม่ได้ บรรยากาศเวลาฟังจะให้อารมณ์เหมือนกำลังนั่งฟังในห้องเล็กๆส่วนตัวห้องนึง แล้วมีลำโพงเล็กๆซักคู่นึงอยู่ใกล้ๆ ตั้งอยู่ห่างจากด้านหลังเราเล็กน้อย ซึ่งก่อนเปิดเพลงจะรู้สึกว่าบรรยากาศมันอับลง แต่พอมาจะเหมือนเรากำลังนั่งในห้องเล็กๆ ซึ่งแตกต่างกับ HFI-580 กับ pro 550 ที่พอเปิดเพลงแล้วจะรู้สึกโล่งโปร่งเหมือนกำลังอยู่ในที่กว้างๆน่ะครับ
เนื้อเสียงสูงนี่ชัดมากๆเลยครับ ชัดและนิ่ง สไตล์ออกไปทาง Studio หน่อยๆ คือมีความนิ่งและสด แต่ไม่จัดจ้าน พวกไลน์กีต้าร์นี่จะให้รายละเอียดได้ดีและชัดเจนเอามากๆครับ พวกเสียงแฉหรือแสนร์เองก็ชัด โดยเฉพาะไฮแฮทที่ถ่ายทอดออกมาได้ชัดเจน ไม่มีขุ่นมัว หลายๆเพลงผมสามารถจับจังหวะการเคาะและการเหยียบลงกระเดื่องไฮแฮทได้ รับรู้กระทั่งว่าตีด้วยน้ำหนักระดับไหน แรงหรือเบา แม้ความไหลลื่นของเสียงจะยังแพ้รุ่นพี่ แต่ความชัดระดับนี้กับราคาแบบนี้ หาได้ยากทีเดียวครับ
เสียงกลางเองก็ค่อนข้างเด่นครับ เพราะเสียง Vocal จะออกชัดๆ และให้ขนาด image ที่ค่อนข้างใหญ่ แถมยังให้ Texture ของเสียงร้องได้ดี ไม่ได้เป็นเนื้อลื่นๆ บางๆเหมือนกับหูฟังบางตัว เนื้อแน่น ไม่มีอาการกลวงให้รู้สึกรำคาญ สังเกตง่ายๆว่าการจับรายละเอียดเสียงร้องโดยเฉพาะเพลงที่อัดมาดีๆ จะได้ยินเสียงช่วงที่ผ่อนลม เสียงน้ำลายเหนียวๆการ Focus ของ image ก็ทำได้ชัดเจน แต่รูปร่างของ image ก็ยังสู้ของ 580 ไม่ได้ ( อย่างว่า ราคาก็ถูกกว่ากันเยอะ ) เสียงจะค่อนข้างเข้ามาใกล้หัวมาก ไม่เหมือน 580 ที่จะถอยขึ้นไปอยู่ในช่วงของ headstage เพราะตัว 450 ไม่ได้ให้มิติเสียงกลางได้ลึกเท่า 580 เสียง vocal เลยวนๆอยู่ใกล้หัวหน่อย จุดเด่นของตัวนี้คือเสียงกลอง ที่ทำได้แน่น และชัดเจนมาก การไล่โทนน้ำหนักกลองก็ทำได้ดี ไม่ค่อย color มากด้วย จะออกกลางๆหน่อย โดยเฉพาะเสียงของสแนร์ที่จะฟังดูแล้วสมจริงกว่า 580 เพราะทางนั้นจะชัดมาก ชัดจนออก color ไปหน่อย แต่รายละเอียดก็จะสู้ตว 580 ไม่ได้ครับ เพราะเสียงของสแนร์มันจะขุ่นกว่านิดๆและเสียงแส้สแนร์มันยังออกได้้ไม่เท่า 580 คือ มันมี รู้สึกได้ แต่ไม่ชัดเท่าแค่นั้นเอง
เสียงต่ำโดยเฉพาะช่วงเบสจะเป็นเบสวางไกลๆเหมือน 580 ครับ เน้นไปที่ mid กับ deep เบสเป็นหลักเลย ส่วน impact มีแต่ไม่ได้เยอะมากมาย ถ้าได้แอมป์ที่ปรับเบสได้จะยิ่งช่วยเสริมเรื่องเบสอีกครับ เหมือนกับว่าการต่อตรงๆจะยังรีดเบสออกมาได้ไม่หมดครับ ถ้าได้แอมป์มาจับจะช่วยให้เบสออกมาได้เต็มที่มายิ่งขึ้น และเป็นเบสที่แน่น มี deep หน่อยๆเพื่อให้เบสมีความไหลเลื่อนและต่อเนื่อง แถมยังให้ไลน์เบสได้ค่อนข้างชัดเจนโดยเฉพาะเพลงที่มีพวก double bass อยู่รวมด้วย เพราะจะได้ยินเสียงของสายเบสชัดพอสมควรเลยทีเดียว แต่ถ้าอัดเบสเพิ่ม เบสจะเข้ามาใกล้เรามาขึ้นครับ และมวลเบสก็ใหญ่ขึ้น แต่ impact จะไม่แรงแบบกระแทกกระทั้น จะมาแบบน้ำหนักกำลังดี เนื้อดี และให้ deep ที่โอเค
โดยรวมถือเป็นหูฟังที่ถูกและดีอีกตัวนึงเลยทีเดียว ให้มิติที่ค่อนข้างดี เสียงสูงชัดและใส กลางกำลังดี กลองแน่น ชัด และให้เบสกำลังพอเหมาะ ยิ่งถ้ืาได้แอมป์มาช่วยเพิ่มเบสก็จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่ครับ สามารถฟังทั้งแบบต่อตรงๆก็ได้ จะฟังผ่านแอมป์ก็ยิ่งดี จะมีข้อเสียบ้างก็ตรงคุณภาพเนื้อเสียงกลางสำหรับตัวผมยังรู้สึกว่ามันสากไป นิด และ image ดนตรีรายรอบบางชิ้นจะออกขุ่นนิดๆ เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ๆ ก็อย่างว่าล่ะครับ ถ้าทำให้ดีเท่ากัน ใครเค้าจะไปซื้อของแพงๆกันละ... เหมาะสำหรับคนงบน้อยแต่อยากได้หูฟังที่เสียงใสๆ เสียงพูดเสียงร้องชัด และแยกชิ้นดนตรีได้ดี กลองตีได้สุดยอด ใส่ก็สบาย ไม่บีบรัดหัว คุณภาพงานประกอบก็ทำได้ดีมากๆ ดูแล้วทนทานเลยทีเดียว แถมยังมีประกันให้อีกตั้ง 2 ปี น่าจะเป็นหูฟังอีกตัวที่อยู่ในระดับ top ของพวกระดับราคา 3 พันกลางๆครับ
SPEC
Dynamic/Closed Principle
Frequency Range : 20 - 20.000 Hz
Driver : Mylar 40mm
Impedance : 32 Ohm
SPL : 96 dB
Weight (excl. cord) : 265 gr
Cord length : ca. 3m straight
14 ความคิดเห็น:
ขออณุญาติถามครับ แม้ว่ารีวิวท่านจะนานแล้วก็เถอะ
แต่หวังว่าคงจะเห็นและตอบให้ผลซักหน่อยนะครับ ^^
ตัวนี้เมื่อเทียบกับตัวราคาเท่ากันอย่าง
ms-1i หรือ AKG K530 ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
ในเรื่องเสียงต่างๆ
ตัว Ms-1i ผมยังไม่มีเวลาไปฟังเลยครับ :D เอาเป็นว่าเทียบกับ Ms-1 ธรรมดาก่อนแล้วกันนะครับ
ถ้าเทียบกับ MS-1 ตัว HFI-450 จะให้เสียงย่านสูงชัดเจนกว่า และให้ soundstage ที่กว้างกว่า แต่เนื้อเสียงของทาง Ms-1 จะนุ่มนวลกว่า หวานกว่า และให้เบสละมุนละม่อมกว่า
ถ้าเทียบกับ K530 เสียงย่านสูงของ K530 จะแห้งกว่า จัดจ้านกว่า กลางบางกว่า แบนกว่า แต่ soundstage กว้างใกล้ๆกัน ส่วนเบส เนื้อของ 450 จะแน่นกว่าครับ
โอ้...ขอบคุณมากเลยครับ
ไม่นึกว่าจะตอบเร็วทันใจขนาดนี้ ><
แต่ยังไงถ้าจะซื้อก็ต้องลองฟังก่อนค่อยซื้อเป็นแน่แท้
ก็ขอบคุณคำตอบท่านสำหรับให้ข้อมูลที่สำคัญนะครับ
ดีแล้วครับ ลองก่อนซื้อเสมอดีที่สุดครับ :)
ผมเป็นคนนึงที่ใช้ 450 อยู่ มีคำถามอยากจะถามอยู่ 3-4 ข้อนะครับ
1. เบิร์นใช้เวลา 180 ชม. ใช้เป็นการเบิร์นสะสมได้ไหม หรือ ต้องที่เดียวเลย เนื่องจากตอนนี้ผมใช้การเบิร์นแบบสะสม เปิดเพลงบ้าง ดูหนังบ้าง วันนึงประมาณวันละ 2-3 ชม.
2. ผมกำลังมองหาแอมป์ที่จะใช้ควรจะเป็นรุ่นไหนดี ของแนะนำแบบราคาไม่เกิน 5000 บาท สักสองสามรุ่น และ ราคาไม่เกิน 3000 บาทสักสองสามรุ่นนะครับ
3. ตอนนี้ผมมองแอมป์อยู่สองรุ่น ช่วงแนะนำหน่อยว่าเป็นตัวไหนดี 1. iBasso D2 และ Thunderbolt ครับผม
การ burn จริงๆควรทำต่อเนื่องครับ แต่ถ้าไม่ซีเรียสก็ฟังไปเรื่อยๆ มันก็ถือเป็นการ burn แล้วครับ
ส่วนเรื่องแอมป์ ตัว Thunderbolt ดีกว่า D2 แน่นอนครับ และในแอมป์ระดับราคาที่ว่า ก็มีแค่ Headstage , Raging Moose และ Thunderbolt ที่น่าสนใจครับ
อยากให้วิเคราะห์วิจารณ์ Amp Raging Moose หน่อยครับ จุดเด่นจุดด้อยสักอย่างละ 3 ข้อ แล้วความเหมาะสมกับ HFI 450 ต่อจากคอมเข้า Amp มีข้อแนะนำอะไรมั่งครับ
Raging Moose เหรอครับ
จุดเด่น
- ช่วย focus ให้ image ชัดเจนขึ้น เด่นชัดขึ้น เบสแน่นขึ้น และแหลมชุดมากขึ้น
- กำลังขับเหลือเฟือ แม้่บิดที่เลขต้นๆก็ดังสะท้านทรวง
จุดด้อย
- งานประกอบแย่ Volume Control ที่เป็น Digital ค่อนข้างมีปัญหา ทำให้ไม่รู้ว่าเราบิดไปเท่าไหร่แล้ว ผมเคยเจอแบบบิดไปไม่รู้เรื่อง พอเสียบหูฟังเสียงดังแทบแก้วหูแตก
การต่อกับ 450 น่าจะช่วยชดเชยเรื่องเสียงกลางและเ้บสของ 450 ได้เยอะครับ ส่วนการต่อจากคอมเข้าแอมป์นี่ อาจจะต้องเสียเงินหาสายยาวหน่อย เพราะส่วนใหญ่สายดีๆมักจะสั้นครับ ถ้าคิดว่าสายสั้นๆไม่เป็นปัญหาเพราะพื้นที่แถวหลังคอมว่างพอจะวางแอมป์ ก็ไม่มีปัญหาครับ
รุ่นนี้ ถ้าต่อกับไอพอท คลาสสิก โดยตรงจะสามารถขับได้ดีไหมครับ
จำเป็นต้องเพิ่ม แอมไหมคับ
ต่อตรงพอได้ครับผม แต่ขับได้ไม่หมด ใช้แอมป์ช่วยจะดีกว่าครับ
ขายรุ่นนี้ครับอายุ7เดือน สภาพแจ๋ว 2500 0851546686
ช่วยแนะนำหูฟังดูหนังหน่อยครับ งบ 6000 บาท หน้่อยค่้าบ ไว้ดูหนังช่ action ครับ ขอบคุณครับ
ติดต่อผ่านทางเมลก็ได้ครับขอบคุณครับ
จริงๆงบ 6000 นี่ได้รุ่นพี่ตัว HFI-580 เลยนะครับ
แต่โดยส่วนตัวผมแนะนำ Azden Moto ที่เป็นระบบ wireless ครับ เพราะสะดวกใช้งานมากกว่า โดยเฉพาะถ้าเอาไปต่อกับ TV จะไม่เกะกะเลยครับ คุณภาพเสียงก็โอเคเลย แม้จะไม่มีพวก Virtual Surround เหมือนบางรุ่น แต่ก็ดูหนังสบายไม่อึดอัด ตอนผม test ผมก็เอามาดูหนังนี่แหละครับ เหมาะมาก แถมมีตัวปรับความดังที่หูฟังด้วย และยังซื้อหูเปล่าๆรุ่นเดียวมาเพิ่มเพื่อใช้ดูหนังร่วมกันกับคนอื่นได้อีกตะหาก
ตัว sender ก็มีแบตในตัว พกพาไปใช้กับ MP3 player เวลาเอาไปฟังนอกบ้านก็ได้ เรียกว่า ตัวเดียวครบเครื่องครับ คุณภาพงานก็ดีมากๆ
ถ้าให้แนะนำผมก็คงเลือกตัวนี้ให้ครับสำหรับการดูหนัง
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น