วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

=- Review -= หูฟัง IEM ตัวใหม่จากทาง Ultimate Ears กับ UE700 =-

ขอสารภาพตามตรงว่า หูฟัง UE700 ผมเพิ่งจะได้ยินชื่่อมันไม่นานทั้งๆที่ตามอ่านข่าวหูฟังเกือบทุกวัน Very Happy นี่ถ้าทาง ไดนามิค ไม่ส่งมาให้ทดลอง ผมก็คงนั่งบ๊องไม่มีโอกาสได้ลองฟังแล้วเอามาเขียน review ให้ได้อ่านกันแบบนี้แน่นอนครับ ก็ต้องขอบคุณทางบริษัทไดนามิคด้วยนะครับ จริงๆหูฟัง UE700 นี่เห็นหลายคนสนใจอยู่พักนึงแล้ว เอาเป็นว่ามาเริ่มกันเลยดีกว่านะครับ




Review UE700










รูปลักษณ์ภายนอก





ตัวส่วน Body ของ UE700 จะแยกออกเป็นสองสี คือ ด้านที่เป็นข้างขวาตรงช่วงท่อนำเสียงจะเป็นพลาสติกสีแดงเข้มใสแล้วหุ้มซ้ำ ด้วย Housing สีเงินที่เรียกว่า Liquid Silver ไม่มั่นใจว่าเป็นวัสดุที่ทำจากอะไร เดาว่าเป็นพลาสติกเคลือบสีเงิน แต่เห็นบางคนบอกว่ามันเป็น Magnesium Alloy อันนี้ผมก็ไม่ฟันธงนะครับ เพราะหาข้อมูลส่วน body ยังไม่ได้เหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าเบามากๆ ส่วนอีกด้านที่เป็นด้านซ้ายจะเป็นสีดำทึบแล้วหุ้มด้วยวัสดุเดียวกัน พูดง่ายๆคือเวลาดูจะได้รู้ว่าข้างไหนขวา ข้างไหนซ้ายโดยไม่ต้องมานั่งพลิกดู L กับ R แต่เอาเข้าจริงๆก็ดูไม่ค่อยจะออกครับ โดยเฉพาะที่สว่างน้อยๆหน่อย ผมเลยคิดว่ามันไม่ค่อยจะมีประโยชน์เท่าไหร่


ตัวหูฟังจัด ได้ว่าน้ำหนักเบามาก และมีขนาดเล็กมากๆ ถึงแม้จะไม่เท่ากับพวก Q-Jays หรือ Klipsch Image แต่ก็ใส่เข้าไปในหูได้พอดีแทบจะไม่มีส่วนเกินล้นออกมานอกหูเลยครับ ผมรู้สึกว่างาน Design รุ่นหลังๆของ Ue ตั้งแต่โดน Logitech Take Over ไป จะมาแนวๆนี้หมดเลย เริ่มตั้งแต่ Metro.Fi เรื่อยมาจนเอกลัษณ์แบบที่ล้นนอกหูเหมือนสมัย Super.fi ก็มลายหายไปหมด กลายมาเป็นรูปลักษณ์แบบที่แนบหู พอดีหูไปหมด ส่วนดีก็ทำให้คนที่ไม่ชอบ Housing ยื่นๆแบบเดิมๆให้อยากที่จะหยิบหูฟังตระกูล UE มาใช้กันได้บ้าง แต่ข้อเสียก็คือเรื่องของ soundstage ที่เป็นเอกลักษณ์หลักของ UE ก็หายไป และกลับกลายมาเป็นรูปแบบเสียงใหม่ๆ ที่ยังบ่งบอกถึง Style แบบ UE ดังเช่นเดิม

สายของ UE700 จะนิ่มกว่าสายเดิมของ UE อย่าง Triple.fi 10 pro และ Super.fi 5 pro และความหนาของสายจะลดลงเล็กน้อย แต่ดูแล้วแข็งแรงแถมไม่หนืดมือเหมือนสายของ Sony ด้วย โดยส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะแข็งแรงไม่เปื่อยง่ายๆแน่ๆ ช่วงปลายแจ็คของ UE700 ก็เป็นแจ็คที่พร้อมเสียบ iphone classic ได้อย่างพอดิบพอดีตามสไตล์หูฟังรุ่นใหม่ๆที่ออกมาในล๊อตหลังๆ




Case ของ UE700 เปลี่ยนจากกล่องเหล็กแบบเดิมๆมาใช้กล่องกลั๊กขนาดย่อมที่ทำจากพลาสติกไวนีล โปร่งแสงสีดำ ตัวกล่องจะเป็นรูปทรงรีๆและมีฝาเปิดปิดซึ่งลักษณะจะคล้ายๆกับไฟแช็ค Zippo จริงๆมันก็พกสะดวกดีนะครับ เพราะมันเล็ก พกง่าย แถมยังเหนียวทนทานดีด้วย แต่ผมเสียดายความอลังการของ Case อลูมีเนียมแบบเดิมมากกว่า ถึงแม้จะพกยากแต่มันดูหรูหรากว่า Case Loso แบบยุคปัจจุบันมากมาย ส่วนของแถมอื่นๆก็ยังมีให้เต็มอัตราศึก รวมทั้งแถมจุก Comply Foam มาให้ใน set แต่น่าเสียดายที่จุกรุ่นหลังๆของ UE โดยเฉพาะ UE700 ได้เปลี่ยนจากจุกรูปแบบเดิมๆมาเป็นจุกช่วงปลายท่อที่บีบขนาดเล็กลงเหมือนกับ จุกของ Shure โดยส่วนตัวผมยังชอบจุกที่เปิดรูกว้างๆเหมือนรุ่นก่อนๆมากกว่า โดยรวมก็ถือว่ามีการพัฒนาปรับปรุงหลายๆด้านแม้จะเสียเรื่องความอลังการไปแต่ ก็แลกมาในเรื่องของความสะดวกในการพกพาและสวมใส่มาแทน











เรื่องของเสียง



เสียง ของ UE700 นี่ ถ้าเกิดเคยชินกับหูฟังที่ให้เสียงกลางๆมาก่อน เมื่อมาฟังหนแรกจะรู้สึกว่าเสียงร้องจะออกแหบๆนิดๆ เพราะโทนเสียงสูงติดไปกับช่วงปลายเสียงกลางด้วย แต่เสียงไม่จัดจ้านแสบแก้วหูเหมือนกับหูฟังของ Sony อย่าง EX500 และที่สำคัญเสียงสูงของ UE700 ถือเป็นจุดเด่นของหูฟังตัวนี้เลยทีเดียว

ย่าน สูงของ UE700 เก็บรายละเอียดได้ละเมียดละไมและครบถ้วนดีมาก เรียกว่าใกล้เคียงกับที่ Triple.fi 10 pro ทำเอาไว้ได้เลยทีเดียว เพราะถ่ายทอดย่านสูงออกมาเป็นเม็ดๆและรู้สึกได้อย่างชัดเจน ช่วงจังหวะเสียงดนตรีที่มีลูกเล่นการถ่ายเสียงย้ายจากซ้ายไปขวา ก็ทำให้รู้สึกได้ชัดว่าเสียงค่อยๆไล่โยกจากซ้ายไปทางขวา ซึ่งหูฟังรุ่นล่างๆ ที่ราคาไม่สูงมากส่วนใหญ่จะมีจุดอ่อนตรงนี้ทั้งนั้น
เสียง ไฮแฮท และแฉที่เป็นจุดเด่นของ Triple.fi 10 pro ก็มีอยู่ในทุกอนูของ UE700 ด้วย ถึงแม้ว่าจะด้อยกว่าเล็กน้อยในส่วนของเนื้อเสียงสูงที่ Triple.fi 10 pro จะให้เนื้อที่ดีกว่าและช่วงปลายของย่านสูงยังให้ความชัดเจนกว่า แต่ก็ถือว่า UE700 ทำได้ดีมากๆและไม่ด้อยกว่ากันเท่าไหร่ เสียงไฮแฮทที่ออกมาค่อนข้างครบถ้วนและมีความเป็นตัวตนชัดเจน เสียงแยกออกจากแฉอย่างรู้สึกได้ชัด จะเสียนิดนึงตรงที่เวลาเคาะแฉยังให้ความรู้สึกบางไปนิดหน่อย อาจจะเพราะก่อนจะ test หูฟังตัวนี้ผมไปลองเอา RS1i ก่อน ซึ่งตัวนั้นให้ปลายเสียงของแฉทีดีมากๆ ให้ความรู้สึกว่าแฉเป็นแฉจริงๆ เพราะรู้สึกถึงปลายเสียงของแฉที่ทิ้งตัวก่อนจะจางลงไปหลังจากที่เคาะใน จังหวะแรก ก็เลยรู้สึกว่าของ UE700 มันจะบางไปซักหน่อย แต่ถ้าเทียบในระดับ in-ear ด้วยกันแล้วก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกัน

หัวโน้ตของ UE700 จัดอยู่ในระดับที่ดีมากทีเดียว โดยเฉพาะเสียงจากการเล่นกีต้าร์มีความชัดเจนดีมาก ให้ความสึกถึงแต่ละเส้นสายที่กรีดลงไปได้ชัด แต่การเก็บรายละเอียดของกีต้าร์ก็ยังถ่ายทอดได้ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก เพราะสายกีต้าร์มันกลายเป็นเหมือนสายเหล็กเส้นเล็กไปหมด แต่อารมณ์ของดนตรีก็ไม่สูญเสียไปมากมาย ส่วนที่ผมติถือเป็นจุดที่เล็กน้อยมากๆสำหรับบางคน





เสียงกลาง จะติดย่านสูงเข้ามาเล็กน้อย และให้หัวโน้ตที่ชัดโดยเฉพาะช่วงจังหวะที่ตีกลองไล่ไปในแต่ละลูก ไปจนถึง Floor ทอม แต่กลองจะออกแข็งนิดๆเพราะได้อนิสงค์จากเสียงสูงเข้ามาเสริม ข้อดีคือสแนร์จะชัดมาก ชัดขนาดได้ยินเสียงโซ่สแนร์เลยทีเดียว

เสียง ร้องก็อย่างที่บอกตอนต้นๆครับว่าจะออกจัดนิดๆ และจะเหมือนแหบๆด้านๆเล็กน้อย ดังนั้นถ้าจะเอามาฟังเสียงร้องหวานๆนี่ยากครับ แต่เสียงร้องนี้ถือว่าชัดมากๆ และเด่นลอยไม่ถูกกลืนไปกับเสียงย่านอื่นๆเลยทีเดียว เสียงไม่พุ่ง หรือเด่นล้ำหน้าจนโดดออกมาน่าเกลียด ถือว่าการรักษา Balance ของแต่ละย่าน ตัว UE700 ทำได้ดีมากๆ ตัว image เสียงร้องจะออกเล็กๆลงมาหน่อย แต่ไม่ได้เล็กเท่ากับ ER4P หรือ Q-Jays และ Focus เสียงร้องได้ดี เด่นชัดเจน รู้สึกเป็นตัวเป็นตนและมีความเป็นมิติที่ดี ไม่ได้เป็นแบนๆ หรือบางๆกลวงๆ

เสียงต่ำโดยเฉพาะเสียงเบสจะเด่นไปทาง impact ของเบสมากกว่า เพราะช่วง Deep Bass และ Middle Bass ถึงแม้จะมีและได้ยินชัดเจนเพราะตัว Ue700 มันแยกชิ้นดนตรีได้ดี แต่ก็จัดว่าน้อยไปนิดนึง โดยเฉพาะช่วง Deep Bass ที่จะมีให้รู้สึกได้แต่ก็บางไปหน่อย ในขณะที่ Middle Bass ยังได้ยินชัดเจน รู้สึกได้ถึงการเดินโน้ตเบส แต่อาจจะไม่ Slide ไหลลื่นได้เหมือนกับทาง Shure หรือเท่ากับที่ Triple.fi 10 pro ทำได้ แต่ก็ต้องถือว่าทำได้ดี โดยส่วนตัวผมคิดว่าคงเป็นเพราะมวลมันน้อยไปหน่อย ทำให้ middle กับ deep มันถ่ายทอดออกมาได้ไม่เต็มที่ แต่ก็อย่างว่าครับ ถ้ามันทำได้ดีมากเกินไป เดี๋ยว Triple.fi 10 pro จะขายไม่ออกกันพอดี





การ แยกชิ้นดนตรีถือเป็นอีกจุดเด่นของ UE700 เลยทีเดียว ผมว่าสูสีกับที่ UM3X ทำได้เลย โดยเฉพาะกับเพลงที่มีชิ้นดนตรีเยอะๆโหดๆ ซึ่ง หูฟังหลายๆตัวทั้งแพงๆและถูกๆ ยังแยกออกมาได้ไม่เด็ดขาด กระทั่ง Sennheiser IE8 ยังแยกออกมาได้ไม่เต็มที่ แต่ UE700 แยกออกมาได้สบายมากๆ ส่วนนึงก็คงเป็นเพราะลักษณะของมิติที่ทาง UE700 เน้นไปในส่วนของ Headstage หรือ soundstage ด้านลึก ทำให้การแยกชิ้นดนตรีทำได้ดีมากขึ้น ยิ่งลักษณะของ soundstage เป็นแบบวงกลมล้อมอ้อมไปถึงด้านหลังหัว ก็ยิ่งช่วยเสริมการแยกชิ้นดนตรีให้ขาดออกจากกันได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ฟังเพลงได้ง่าย และเพลิดเพลิน โดยไม่ต้องไปหงุดหงิดกับดนตรีหลายๆชิ้นที่ถูกกลืนไปกับเสียงย่านอื่น และก็เป็นส่วนที่ทำให้ middle เบสที่ดูว่าจะเนื้อน้อยไปหน่อย กลับยังคงได้ยินชัดเจน ถ้าเป็นหูฟังตัวอื่นๆที่แยกชิ้นดนตรีไม่ดีนี่ก็คงโดนกลืนไปกับเสียงอื่นๆ แล้ว

โดยรวมก็ต้องถือว่าเป็นหูฟังอีกตัวที่ทำออกมาได้ดีทีเดียว แม้จะเป็นหูฟังที่เชื่อมรอยต่อช่องว่างของ Super.fi 5 pro กับ Triple.fi 10 pro แต่ก็ต้องถือว่าออกแบบ Design มาได้โดนใจผู้ใช้หลายๆคนโดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่ผมได้ลองทำ test มาแล้ว ปรากฏว่าโดนใจหลายๆคนเลยทีเดียว บางคนที่เคยบ่นบอกว่าแยกไม่ออกฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลอง แต่พอได้ฟังก็พากันแยกแยะออกทันทีว่าอันไหนเรียกว่าดี อันไหนเรียกว่าแย่ ดังนั้นถ้าจะซื้อให้มือใหม่ก็คิดว่าจะโดนใจได้ไม่ยากครับ หรือมือเก่าที่อยากจะขยับจาก Super.fi 5 pro ก็น่าสนใจดีเหมือนกันครับ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าถ้าติดภาพลักษณ์ของ Super.fi 5 แล้ว การกระโดดไป Triple.fi 10 pro ดูจะเหมาะสมกว่าครับ ยกเว้นว่าเบื่อการใส่แบบที่มันยื่นออกมานอกหู ทำให้ต้องมานั่งคล้องสายพาดผ่านหลังหู ก็จะลองเปลี่ยนรสชาติมาเป็นการใส่หูฟังที่แนบรูหูพอดีอย่าง UE700 ก็คงจะไม่ผิดกฏหมายข้อไหนนะครับ







Specs


Earphone

• Type: in-ear
• Frequency response: 10 Hz-16.5 kHz
• Impedance: 40 Ohms, 1 kHz
• Sensitivity: 113 dB SPL/mW at 1kHz
• Weight: 0.41 ounces (11.6 grams)
• Noise isolation: 26 dB

Connection

• Cable length: 46 inches (116.8 cm)
• Input connector: 1/8 inch (3.5 mm), gold plated

16 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
Unknown กล่าวว่า...

ช่วยเปรียบเที่ยบหน่อยครับว่า ระหว่าง fi.5 pro กับ ue700
ข้อดีข้อด้อย ของทั้งสองตัวเป็นยังไงบ้างครับ
หรือว่า ue700 เหนือกว่าชัดเลย

G7 กล่าวว่า...

UE700 จะให้มวลที่น้อยกว่า Fi.5 pro ครับ ในเมื่อมวลน้อยกว่า เวลาเบสลงแต่ละชุด จะให้ความรู้สึกเหมือนเบสน้อยกว่าครับ แต่หัวโน้ต impact พอๆกันครับ

นอกนั้นก็เรื่อง soundstage ที่ UE700 ไม่ได้เน้นออกข้างเหมือน Fi.5 pro ทำให้ soundstage ดูจะแคบกว่าเล็กน้อยครับ

แต่ซึ่งที่ Ue700 เหนือกว่า Fi.5 pro คือ การแยกชิ้นดนตรีที่ UE700 แยกชิ้นดนตรีได้ขาดกว่า และให้ย่านเสียงสูงที่ดีกว่า คือ ละเอียดกว่า เป็นเม็ดที่ชัดเจนกว่า และมีขนาดหูฟังที่เล็กกว่า พกง่ายกว่า ดูแล้วแล้วน่าจะแข็งแรงดีกว่า

แต่ UE700 ไม่สามารถเปลี่ยนสายได้แบบ Fi.5 pro นะครับ ถ้าสายขาดก็ส่งหูฟังเคลมทั้งตัวเลย แถมกล่องก็ไม่หรูหราเหมือน fi.5 pro ด้วย มันก็จะมีข้อดีข้อด้อยแยกแตกต่างกันไป แล้วแต่ความชอบน่ะครับ ทั้งคู่ต่างก็มีเอกลัษณ์ที่ดีไปในคนละแบบ ถ้าชอบหูฟังเล็กๆ พกพาง่าย และให้ detail เสียงสูงที่อยู่ในขั้นที่ดีมาก ก็คงต้องมาทาง UE700 ครับ แต่ถ้าชอบเสียงที่มีมวลดี สูงโอเค เบสโอเค ก็คงต้อง Fi.5 pro ครับ

Unknown กล่าวว่า...

ที่มวลมันน้อยกว่า เพราะขนาดของ driver มันเล็กกว่าด้วยหรือเปล่าครับ

G7 กล่าวว่า...

ถ้าจะบอกว่า driver ขนาดเล็ก มวลเลยน้อยนี่ก็ไม่ถูกซะทีเดียวครับ ดูอย่าง Klipsch image ที่ใช้ Micro B-Armature เหมือนกัน แถม driver เดียวด้วย แต่มวลก็ไม่ได้น้อยเลย

ผมว่าน่าจะเป็นเพราะรูปแบบ driver ที่ UE เลือกมาใช้มากกว่าครับ ทำให้เสียงเด่นสูง กับเด่นหัวโน้ตตามสมัยนิยมในช่วงเวลานี้น่ะครับ ข้อดีของ driver แบบนี้จะช่วยให้การแยกชิ้นดนตรีทำได้ดีขึ้นครับ เนื่องจากไม่มีมวลออกมากวนย่านต่างๆครับ

for-i-fire กล่าวว่า...

ตัวนี้กัดกับ grado inrar ได้ไหม ในราคาที่ถูกกว่า

G7 กล่าวว่า...

ผมว่าคนละ Style กันน่ะครับกับ Grado In-ear คงเทียบกันลำบาก แต่ผมว่า ตัว Ue700 น่าจะคุ้มค่ากว่า Grado in-ear นะครับ

G7 กล่าวว่า...

ตัว ue700 ไม่ flat นะครับ ถ้าชอบ sound มันส์ๆ อาจจะไม่โดน เพราะตัวน้ีจะเหมาะกับคนท่ีชอบเสียงครบๆมากกว่าครับ แต่คุณภาพโดยดีกว่า fi 5 ครับ ถ้าจะให้กีไปลองฟังดูครับ อย่าลืมใช้จุก comply นะครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เรียนคุณ G7 ครับบ

รบกวนถามซักเล็กน้อยครับ

คือ ถ้าเทียบระหว่างue700 ถ้าเทียบกับTF10

ตัวไหนน่าสนใจกว่ากันครับ

ฟังแนว ป๊อป ป๊อปร๊อก แจ๊ส เพลงคลาสสิก ครับ

ขอบคุณครับที่สละเวลามาตอบ

G7 กล่าวว่า...

ถ้าพูดกันตามตรง TF10 ก็คงต้องเหนือกว่าหมดครับ แต่ Ue700 ก็มีข้อดีหลายๆอย่างที่ TF10 ไม่มีนั่นคือ

ใส่ง่ายกว่า เบากว่า พกพาสะดวกกว่า

และการฟัง แนว pop , pop rock , jazz และ Classic ก็ match กับ signature ของ Ue700 อยู่แล้วครับ แถมราคาก็ถูกกว่าด้วยครับ

ข้อเสียของ Ue700 คือ สายมันเปลี่ยนไม่ได้น่ะครับ ขาดเป็นขาด เปื่อยเป็นเปื่อยครับ :D แต่ผมใช้มาพักใหญ่แล้ว ยังไม่เจออาการที่สายน่าจะเปื่อยหรือแข็งนะครับ แต่ของ TF10 ผมเจออาการสายแข็งมาแล้ว

ผมว่า ไปลองฟังดูเองก็ดีครับ บางคนชอบ Ue700 มากกว่า TF10 อีกครับ ทั้งๆที่ TF10 เหนือกว่าเยอะ แล้วก็การฟังกับ Ue700 ถ้าไม่ใช่พวกที่ชอบเสียงจัดจ้านจับจิตจริงๆ แนะนำว่า ใส่จุกโฟม Comply ที่แถมมาในชุด จะดีที่สุดครับ ลดความหยาบกร้านลงได้โข แต่ก็เสียรายละเอียดเสียงสูงไปบ้างน่ะครับ ก็หายไปนิดนึง แต่ได้ความกลมกล่อมขึ้น ก็ถือว่าคุ้มมากครับ

YEEBUD กล่าวว่า...

ไม่ทราบว่า UE 700 กับ Etymotic ER6i ต่างกันอย่างไรคับ

G7 กล่าวว่า...

ต่างกันตรง

Image. ของ ue700 เล็กกว่า
รายละเอียดเสียงแหลม ue700. ดีกว่า
แยกชิ้นดนตรี ue700 ดีกว่า
เบสกระชับและแน่นกว่า er6i ครับ
แต่ soundstage ด้านข้างจะแพ้ er6i
และมวลน้อยกว่า er6i ครับ

เพชร กล่าวว่า...

ไม่ทราบว่าผมจะส่ง DIY headphone amp และ DIY สายสัญญาณ ไปรบกวนให้ช่วยวิจารณ์หน่อยได้ไหมครับ ถ้าได้ต้องทำอย่างไรบ้างครับ

G7 กล่าวว่า...

ได้ครับ ส่งมาได้เลย รายละเอียดก็ติดต่อมาทาง e-mail tuumz@hotmail.com ได้เลยครับผม :)

Inugami กล่าวว่า...

ไม่ใช่คนหูดีอะไรแต่ขอถามนิดนึงนะครับ คือก่อนหน้านี้ผมฟังVisang R02 มาตลอดแล้วลองเปลี่ยนมาใช้ UE700 ดู
ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่าเสียงของR02มันดีกว่าแฮะ...

ตรงเสียงนักร้องR02จะใสชัดเด่นออกมาในขณะที่ของUE700เสียงนักร้องจะแหบนิดๆแล้วก็กลืนไปกับเครื่องดนตรี

ไม่รู้ว่าเพราะเพิ่งเบิรน์UE700ไปแค่10ชม.รึเปล่านะครับ แต่ผมรู้สึกตะหงิดๆที่คิดว่าหูฟังตัวละ900จะเสียงดีกว่าตัวละ 5,000 ก็ได้แต่หวังว่าฟังไปนานๆแล้วผมจะชินกับหูฟังใหม่ไปเองนะ

G7 กล่าวว่า...

Ue700 ต้องใช้จุก comply foam ครับ มันถึงจะดี ถ้าจุกซีลีโคนเดิมๆที่ติดมากับตัวหู จะทำให้เสียงจัดจ้านมากจนไม่น่าฟังครับ ข้อดีคือ detail เสียงสูงจะละเอียดกว่า Visang มากๆครับ

จุกที่ดีที่สุดคือ comply foam ตัว Wax Guard ครับ น่าจะเป็นรุ่น TX series จะให้เสียงลงตัวสุด กลางดีมีเนื้อหนัง และมีเบสด้วยครับ การ burn เองก็มีผลด้วยครับ น่าจะซัก 100 ชั่วโมงถึงจะเหมาะสมที่สุดครับ