Audio-Technica w1000x
นานมากแล้วที่ผมได้มีโอกาสรีวิวหูฟังจากทาง Audio-Technica เรื่องของเรื่องที่ไม่ค่อยได้จับหูฟังทางฝั่งนี้มารีวิวเพราะปรกติผมจะซื้อมาเองแล้วรีวิว ไม่เคยได้รับการ support จากตัวแทนจำหน่ายมาก่อน ทำให้รีวิวเลยจะไม่หลากหลายรุ่น เพระถ้าไม่มีใครให้ยืม ผมก็ไม่มีปัญหาตามไปซื้อทุกตัวครับ
แต่คราวนี้ดวงดีครับ ทาง digitcontrol ตัวแทน Audio-Technica เจ้าใหม่ที่มาแทนที่ Jabsen ยอมให้ผมยืมมาทดสอบ เพราะก่อนหน้านี้ผมไปอ่านรีวิวให้ head-fi แล้วเห็นชมก็เยอะเหลือเกิน ไม่รู้หน้าม้าหรือเปล่า เพราะผมโดนจาก head-fi ไปหลายหนแล้ว เลยต้องจับมาลองด้วยตัวเอง ก็ขอบคุณทาง digitcontrol ด้วยนะครับที่อุตส่าห์ให้ยืม ทั้งๆที่ย้ำหลายหนแล้วว่าไม่ดีมีด่านะ ทางนั้นก็ยังเต็มใจบอกว่าด่าได้เต็มที่ ต้องยั้งๆบ้างซักนิดก็ดี :D
ผมได้มีโอกาสฟังรุ่นพี่ของมันอย่าง
w100 และ w1000 มาก่อน
และตอนที่ฟังครั้งแรกผมก็บอกได้เลยว่า รุ่นนี้ไม่มีการแตะอีกหนแน่นอน
เพราะเสียงมันจัดจ้านผิดแผกไปจากรุ่นอื่นๆของ Audio-Technica มากๆ ขนาด A900 ว่าให้เสียงคมชัดแล้ว
ยังไม่จัดเท่าทั้ง w100 และ w1000 เลยครับ ที่สำคัญคือมันเบิร์นแก้ไม่หายด้วย ไม่มั่นใจว่าเปลี่ยนสายจะหายหรือเปล่า
เพราะอย่าง Ultrasone HFI780 ที่ได้ชื่อว่าบาดหูทะลุถึงหัวใจ
แต่พอเปลี่ยนสายก็หายบาดได้เหมือนกัน ดังนั้นผมเชื่อว่า w1000 กับ w100 ก็น่าจะทำได้ ปัญหามีนิดเดียวคือไม่มีเจ้าของคนไหนกล้าลองซักที
และคนที่มีสองรุ่นนี้ในไทยก็น่าจะมีไม่มากด้วยครับ ไม่เหมือนรุ่นยอดฮิตอย่าง
w5000 ที่มีกันหลายคนเลยทีเดียว
ตอนแรกๆผมก็สองจิตสองใจอยู่ว่าจะเอามารีวิวดีหรือเปล่า
เพราะโดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบตั้งแต่ w100 อยู่แล้ว แต่ด้วยความที่มันออกมาใหม่ก็น่าจะแก้ไขอะไรบ้าง ลำพังดีไซน์ก็เปลี่ยนกันใหม่หมด แถม head-fi ก็โม้ซะเหลือเกิน ก็เลยคิดว่ามันน่าจะเข้าท่าเข้าทีขึ้น เลยตัดสินใจรับเอามาเบิร์นอยู่พักใหญ่ๆ
ก่อนจะเริ่มบรรเลงรีวิวนี่แหละครับ
รูปร่างภายนอก
ผมจะไม่พูดถึงกล่องนะครับ
เพราะกล่องมาแบบเดิมๆเหมือนพวก AD2000 เลยครับ ใครที่คิดว่าจะหรูหราแบบ w5000 นี่เลิกคิดได้เลยครับเพราะราคามันก็ต่างกันโขอยู่
แต่ก็น่าจะทำกล่องไฮโซกว่านี้ซะหน่อย หูฟังระดับเป็นหมื่นแท้ๆนะเนี่ย
แต่เมื่อนึกถึงกล่องของ RS-1 แล้ว
ผมก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาพอสมควร มันเป็นสิ่งที่บอกให้รู้ว่า เนื้อในสำคัญกว่าภายนอก
คุณภาพเสียงสำคัญกว่าคุณภาพกล่อง
ตัวหูฟังรูปร่างค่อนข้างเปลี่ยนไปจากสมัย w1000 มากมาย เพราะรูปทรงดูบอบบางขึ้น
ด้านที่เป็นส่วน housing ก็เปลี่ยนคัพให้ตื้นขึ้นกว่าเดิม
เห็นทาง audio-technica บอกว่าจะช่วยให้เสียงเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่าพวกหลังเต่า
ส่วนไม้ก็เลือกเอา American Cherry Wood แทนที่จะใช้ไม้ asada
cherry wood เหมือนที่ใช้ใน w1000 ตัวเดิม อันนี้ผมค่อนข้างแปลกใจเพราะ asada cherry wood เองก็ยังใช้ในรุ่น w3000anv ด้วย
ก็เลยงงๆอยู่ว่าทำไมรุ่น w1000x ต้องเปลี่ยนไม้
น่าเสียดายอยู่อย่างตรงที่ดีไซน์เดิมของ
w1000 ผมกลับมองว่าสวยกว่า w1000x ครับ เพราะดูหรูหรากว่า แถมยังให้ความรู้สึกที่ดูแข็งแรงกว่าด้วย
โดยเฉพาะตรงส่วน headband ซึ่งเลือกเอาเหล็กแบนสองก้านมาใช้เหมือนที่ใช้ใน
AD2000 ทุกอย่าง และนั่นก็เป็นจุดอ่อนสุดๆของ AD2000
เพราะก้านนั้นหลุดง่ายมากๆ ใครเคยเป็นเจ้าของ
AD2000 มาก่อนจะรู้สึกดี
ในขณะที่ของเดิมๆใช้ยางหุ้มก้านเหล็กซ้ำอีกทีเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทนทาน จริงๆพอเปลี่ยนไปมันก็ทำให้ดูเพรียวขึ้นครับ
แต่ก็ต้องแลกกับความแข็งแรงที่ลดลงแน่นอน
น้ำหนักตัวนี้ค่อนข้างเบากว่า
w1000 ตัวก่อนพอสมควรครับ
การใส่เลยจะทั้งเบาและสบายตามสไตล์ Audio-Technica ตัว PAD เป็นหนังที่นิ่มและนุ่มสบายกว่าของ w1000 ตัวเดิม เพราะของเดิมเป็น PAD แบบเว้าลงเข้าหา ตรงกลางของ หูฟัง แต่ของ w1000x เป็น PAD แบบหนาเท่ากันตลอดช่วง การเปลี่ยนมาใช้ PAD
แบบนี้ผมเชื่อว่าจะมันจะช่วยเรื่องของ soundstage
และการ focus image ของหูฟังให้ดีกว่า w1000 แบบเดิมครับ
ส่วนของสายก็เลิกใช้แบบที่หุ้มด้วยผ้าถัก
เปลี่ยนมาเป็นสายหุ้มหนังธรรมดา คิดว่าคงเพื่อแก้ปัญหาไส้ไหลและผ้าเป็นขุยในแบบที่เจอในรุ่นก่อนๆ
ส่วนตัวแจ็คยังคงใช้ดีไซน์แบบเดิมๆครับ
เรื่องของเสียง
ถ้าใครเคยฟัง Audio-Technica
W1000 มาก่อน ตัวนี้จะให้แนว signature ที่คล้ายๆกันครับ แต่ว่าความจัดจ้านจะไม่เท่าขนาดนั้นและให้มิติกับ soundstage
ที่ดีกว่า พูดง่ายๆให้ลืมเรื่องเสียง W1000 เดิมๆไปก่อนได้เลยครับ เพราะตัว W1000x จุดเด่นแรกที่สัมผัสได้คือเรื่อง soundstage และมิติ ที่เรียกว่าเหนือกว่า w1000 มากๆ เพราะให้ soundstage ที่กว้างมาก
เป็นลักษณะ soundstage ที่คล้ายคลึงกับ AKG K701 มาก เพราะจะออกแนวกว้างออกด้านข้าง และลึกเข้าไปทางด้านหลังหัวของเรา
แต่จะไม่ลอยขึ้นไปทาง headstage ได้เท่า AKG
K701 เพราะตัว w1000x จะเน้นให้มิติลึกออกไปด้านหลังมากกว่า
นัยว่าออกแบบเพื่อให้ฟังเพลงลักษณะแบบ live concert และ classic เป็นพิเศษ จะให้ลักษณะ soundstage ที่ค่อนข้าง match กับแนวเพลงที่ว่า
พูดง่ายๆคือ มันทั้ง soundstage กว้างและให้มิติที่ลึกครับ
ลักษณะการให้มิติจะออกแนวทรงวงรีแบบรักบี้ที่เน้นออกข้างกับด้านหลังมากกว่าช้างบนหัวของเรา
และที่สำคัญ เป็น soundstage ที่มาจากศักยภาพหูฟังเองล้วนๆด้วยครับ
ถ้าใช้ player กับ แอมป์และเพลงที่ match กันแล้ว จะให้ soundstage ที่กว้างกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำครับ
การแยกชิ้นดนตรีทำได้ค่อนข้างดีทีเดียวครับ
แต่การแยกชิ้นดนตรีถ้าซิสเต็มไม่ถึง มันก็จะทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ครับ
เพราะหูฟังต้องการกำลังขับพอสมควร ถึงแม้มันจะดูเหมือนจะขับง่ายแต่กลับค่อนข้างกินแรงพอตัว
ดังนั้นถ้า system ไม่ถึงจะรู้สึกได้เลยว่าการแยกชิ้นดนตรีมันจะยังไม่ค่อยขาดเท่าไหร่
ถ้าลงตัวเมื่อไหร่ มันจะแยกชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นออกมาได้ดีมากๆทีเดียวครับ
ส่วนนึงอาจจะเพราะการให้ image ที่ค่อนข้างเล็กกว่าสมัยที่เป็น
w1000 ธรรมดา แต่ก็ยังใหญ่กว่า A900 อยู่เล็กน้อยครับ และให้มวลที่ดีกว่า A900 ด้วย
เสียงที่ค่อนข้างจะเป็นปัญหานิดๆสำหรับ
w1000x คือเสียงย่านสูงนี่แหละครับ
ที่จะออกจัดจ้านเล็กน้อย คล้ายๆกับสมัย w1000 ตัวเดิมที่ออกจัดจ้านจนบาดหู แต่w1000x จะให้ความรู้สึกว่ามันจัดน้อยกว่า และเชื่อว่าถ้าใครเคยชินกับหูฟังยุคใหม่ๆที่ออกแนวเสียงแบบจัดจ้านมาแต่ต้นอยู่แล้ว
ก็จะรับกับเสียงแหลมของ w1000x ได้สบายๆ
แต่ด้วยการปรับจูนเสียงให้ออกไบรท์แบบนี้
ดังนั้นเสียงพวกเครื่องสายต่างๆจะให้เสียงที่ชัดเจน ปลายเสียงทอดตัวได้ดี
ไม่มีห้วนด้วนปลาย แต่ก็จะไม่ทอดตัวจนพลิ้วหวานมากเกินไปเพราะโดยแนวเสียงแหลมที่จะเน้นความชัดเจนมากกว่าจะเน้นความนุ่มนวลหวานหยดย้อย
ใครที่ชอบแนวเพลงแบบ live concert น่าจะถูกใจ
เพราะเวลาหวดลงบนสแนร์แต่ละครั้ง เสียงโซ่ด้านล่างก็จะตามขึ้นมาเสมอ
ยิ่งเพลงที่บันทึกมาดีๆจะยิ่งได้ยินชัดเจนยิ่งขึ้น และไม่ใช่แค่ได้ยินเบาๆหรือบางๆ
แต่ได้ยินชัดจนรู้สึกถึงเส้นสายของโซ่ได้เลย
ไม่นับเสียงแฉและไฮแฮทที่ให้รายละเอียดได้ชัดเจน
และรู้สึกถึงน้ำหนักของเสียงแต่ละช่วงบนแผ่นทองเหลืองได้โดยไม่ต้องเพ่งจับผิด
เสียงกลางโฟกัสได้ดีทีเดียวครับ
ทั้งชัดเจน และถ่ายทอดอารมณ์ของคนร้องได้ดีมากๆ แต่การร้องแบบที่มีคู่ดูโอ หรือแบบ
featuring ที่มีเสียงร้องมากกว่าสองคนขึ้นไป
ตำแหน่งของ image เสียงร้องมักจะอยู่ในระนาบเดียวกันเสมอ
ซึ่งถ้าเป็นพวก in-ear ที่ใช้ driver แบบ B-Armature จะจับไปวางไว้คนละช่วงของระนาบ
จริงๆถ้าจะว่ากันตามตรงคือมันเหมือนจะอยู่ line เดียวกัน แต่ก็ไม่ทับซ้อนกันนะครับ
คือต่างคนก็ต่างร้องออกมาได้โดยไม่มีการเกยกัน
แม้จะเป็นเสียงที่ร้องพร้อมๆกันก็ตาม แต่อันนี้มันก็ไม่ใช่ได้กับทุกเพลงนะครับ
เพราะบางทีเค้าก็ mix เพลงมาแบบให้เสียงมันซ้อนกันมาอยู่แล้ว
อันนั้นหูฟังเทพอะไรก็แยกมันไม่ออก
ด้านมวลเสียงก็ค่อนข้างดีทีเดียวและให้
image ที่ออกเป็นรูปเป็นร่าง มีทรงเป็น 3
มิติ ไม่แบนราบจนไม่น่าฟัง
แต่ก็ได้อนิสงค์เสียงสูงติดมาบ้างทำให้เสียงร้องจะติดจัดจ้านอยู่บ้าง
แต่ก็เป็นเสียงจัดที่ไม่แห้งผาดจนฟังแล้วหมดอารมณ์
อันนี้ถ้าใครไม่ชินอาจจะเกลียดเลยก็ได้ครับ
รายละเอียดกลองก็ถ่ายทอดออกมาได้ดี
เสียงทอมแต่ละลูกสามารถฟังแยกแยะออกว่าตีที่ทอมลูกไหน ช่วงการถ่ายทอดเสียงย่านกลาง
ไปจนถึงกลางต่ำทำออกมาได้ดี พูดง่ายๆคือมันจะติด color เสียงกลองอยู่บ้าง คงเพื่อให้ฟังได้ง่ายและจับรายละเอียดได้ดีขึ้น
กลองทุกใบเลยจะดูเหมือนหน้ากลองโดนขึงตึงเป็นพิเศษ
เสียงเบสนี่ก็ไม่ต้องห่วงครับ
ให้เสียงเบสได้ครบทุกช่วงกันไปเลยทีเดียว แน่นอนว่าเบสสไตล์ของ Audio-Technica
มักจะไม่เน้นเบสจนโอเว่อร์ ( ไม่นับพวก in-ear นะครับ ) และให้เบสที่เรียกว่ามีคุณภาพดีเลยทีเดียว
อาจจะด้อยเล็กๆถ้าไปเทียบด้านของ middle เบส กับพวก Sennheiser
HD650 เพราะ melody เบสของ w1000x ยังไม่ไหลลื่นและได้ยินชัดเท่า HD650
ครับ จะติดออกบางกว่าและให้เนื้อน้อยกว่า
แต่ก็มีให้พอเพลิดเพลินกับไลน์เบสได้อย่างรื่นรมย์เลยทีเดียว
ในช่วงของ
impact เบสก็จัดให้มาแบบเต็มๆ
แม้รูปร่างเบสจะไม่สวยเท่าของ HD650 แต่ก็ให้ impact
ออกมาได้ดี ชัดเจน และน้ำหนักดีมากครับ พอจะฟังเพลงแนวป๊อปทั่วๆไปหรือ jazz บางเพลงได้สบายๆ ส่วน deep เบสจนไม่ถึงกับลากลงลึกให้บวมหรือปวดหัว แต่ลงลึกที่ระดับกำลังพอดิบพอดี
ไม่จางหายเร็วเกินไป แต่ข้อติก็คือรูปร่างเบสนี่แหละครับ
หูฟังระดับราคาเท่านี้ image เบสน่าจะชี้นเป็นลูกรูปร่างสวยๆได้แล้ว แต่ตัว w1000x ให้รูปร่างเบสที่กระจัดกระจายไปหน่อย
ภาพรวมของ
w1000x ก็คือหูฟังที่รวบรวมในสิ่งที่หูฟังดีๆควรจะเป็น
ทั้งให้ soundstage และมิติที่ดี เสียงกลางมีมวลคมชัดฟังง่าย
เสียงแหลมละเอียดชัดเจน และเบสที่ครบทุกช่วง
ฟังเพลงได้หลากแนวไม่จำกัดแค่บางแนวเหมือนหูฟังบางรุ่น และจะออก dark เล็กๆ
ให้อารมณ์เหมือนเราฟังเพลงในห้องส่วนตัวมากกว่าออกไปฟังตามคอนเสิร์ตจริงๆ
แต่ข้อเสียคือเสียงออกไบรท์อยู่นิดหน่อย
คอฟังเพลงรุ่นเก่าๆหรือคนที่ฟังมาแต่หูฟังที่ให้เสียงกลางๆมาตลอด
อาจจะไม่ชอบ แต่ถ้านักฟังเพลงรุ่นใหม่ๆโดยเฉพาะที่ชินกับเสียงของ soundmagic
E10 มาก่อน สามารถฟัง w1000x ได้สบายๆครับ เรียกว่าแนวเสียงเหนือชั้นกว่า w1000 ตัวเดิม แต่ยังดึงเอา signature เก่าๆติดมาด้วย
เพราะอย่างน้อยๆมันก็ยังมีชื่อว่า w1000 ปะทับอยู่
จะทิ้งแนวทางเก่าๆก็ดูจะกะไรอยู่ เหมาะกับคนที่กำลังหาหูฟังไม้สวยๆซักตัว ใส่สบาย
ฟังเพลงได้หลากหลายแนว และ system อยู่ในระดับที่ดีพอสมควร
ถ้าถามว่าต่อตรงได้ไม๊ ก็พอขับได้สบายๆนะครับ ผมลองต่อกับ S3 ก็สามารถขับออกได้สบายๆ
แต่เสียงจะกระด้างหน่อยเพราะกำลังมันยังไม่ถึงครับ แม้ S3 ผมจะโมมาเต็มสูบแล้วแต่ก็ยังดึงศักยภาพของ w1000x ไม่ออกเท่าที่ควร
2 ความคิดเห็น:
แอมป์ตั้งโต๊ะตัวไหนเหมาะกับ w1000x บ้างครับ
ต้องเป็นแอมป์ที่ช่วยเกลาเสียงแหลมให้ลดลงได้ครับ
ปัญหาคือพวกแอมป์ตั้งโต๊ะเดี๋ยวนี้ออกโทนแหลมนำแทบจะเหมือนกันหมดทุกยี่ห้อแล้วครับ ดังนั้นต้องเริ่มแก้กันที่ DAC ให้หันไปใช้พวก Compass หรือ Audio GD ทั้งหลาย คือถ้าต่อตรงกับ Compass เสียงจะออกมานุ่มนวลมากเลยครับ เพราะ compass เคยเชือดหูฟังที่โคตรเสียงจัดอย่าง Edition9 ลงมาได้อย่างสบายๆครับ
นอกนั้นก็น่าจะเป็น LISAIII ครับที่อาจจะเอาอยู่ แต่ส่วนตัวแนะนำว่าเล่นกับ DAC สนุกกว่าและคุ้มค่ากว่าครับ เพราะโดยตัวของ W1000x มันก็ไม่ได้ขับยากเย็นอะไร
แสดงความคิดเห็น