NUMARK ELECTROWAVE
หลังจากประสบความสำเร็จกับการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้เปลี่ยนจาก Digital Turntable มาใช้เป็น DJ Digital Controller แทน ทาง Numark ก็เริ่มลุยทางฝั่งตลาดหูฟังบ้าง ซึ่งหูฟังในรุ่นแรกๆที่ดูดีมีดีไซน์ก็คือ “Red wave” โดยจะเป็นการออกแบบที่เน้นไปทางการใช้งานกับ DJ โดยตรง เพราะจะมีรุ่น “Redphone” ที่เป็นหูฟังข้างเดียวพร้อมที่จับเพื่อใช้ฟังคิวเพลงออกมาด้วย แต่ด้วยกระแสของหูฟังที่เริ่มมาแรงขึ้นทุกวัน ทาง Numark จะเปิดตัวหูฟัง flaghship ของตัวเองออกมา นั่นคือ “ Numark Electrowave”
น่าแปลกอยู่อย่างว่าหูฟังรุ่นนี้กลับไม่ได้รับความนิยม พูดง่ายๆว่า ไม่มีใครแลนั่นเอง ทั้งๆที่มันก็ออกมาได้ซักพักใหญ่ๆแล้ว เสียงก็ใช่ว่าจะขี้เหร่ ออกไปทางดีด้วยซ้ำ แต่ไม่มีใครรู้จักหรือสนใจเลย ทั้งในวงการ DJ และนักฟังเพลงทั่วๆไป อาจจะเพราะความไม่เชื่อถือในตัว NUMARK ว่าจะทำออกมาได้ดี เพราะหลายๆครั้งที่บริษัททางสาย DJ มักจะทำหูฟังออกมาไม่เข้าท่า NUMARK เลยเหมือนจะโดนเพ่งเล็งไปด้วยโดยบัดดล
อันนี้สังเกตง่ายๆครับว่า หูฟังที่ให้ดีเจดังๆช่วยออกแบบ และเป็น brand ambassador ด้วย มักจะเสียงไม่ได้เรื่อง เพราะเค้าออกแบบมาเพื่อให้เค้าสะดวกต่อการใช้งานเป็นหลัก ไม่ได้ออกแบบมาให้ฟังเพลงแล้วดี จะมีบางรุ่นที่ทำเพื่อ DJ แต่ก็ให้เสียงในการฟังเพลงที่ดีด้วย ไม่รู้ว่าฟลุ๊คดีหรือเปล่า แต่หนึ่งในนั้นก็คือ “Electrowave”
ในส่วนภายนอก
ในส่วนของงานดีไซน์บางคนอาจจะชอบ แต่บางคนอาจจะมองว่ามันดูเป็นของเล่นไปหน่อย แต่เรื่องความแข็งแรงนี่หายห่วง ที่สำคัญคือใส่สบายไม่เจ็บไม่รัดหัว ตัว PAD เองก็ใช้เป็นผ้ากำมะหยี่แทนที่จะใช้เป็นหนัง ทำให้การดูแลรักษาทำได้ง่ายกว่า เพราะ PAD หนังจะเจอปัญหาเรื่องเปื่อยและแตกกันบ่อยๆ แถมใส่นานๆก็จะร้อนหูจนเหงื่อไหลข้างในอย่างน่ารำคาญ ผิดกับ PAD ที่ใช้ผ้าที่หมดปัญหาเรื่องร้อนและเปื่อยไปในบัดดล
ตัวก้าน ทำจากพลาสติกแล้วพ่นสีเงินเคลือบไว้ แต่เป็นพลาสติกแข็งแรงและเหนียวดีมากจากที่ลองทำหล่นดูหลายๆรอบก็ไม่เจอปัญหาว่าแตก และดูแล้วไม่มีทางจะกรอบง่ายๆด้วย ( เอ่อ… เรื่องหล่นนี่… มันหลุดมือจริงๆนะ… ) ตรงช่วงก้านสไลด์ปรับระดับจะมีเหล็กดามซ้ำที่ด้านหลังอีกทีเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ก้านปรับ ส่วนด้าน headband จะเป็นก้านเหล็กแล้วหุ้มด้วยหนังบุฟองน้ำอีกที ตัวหนังค่อนข้างหนาทีเดียว ผมว่าถ้าไม่เอาไปตากแดด ตากฝน ตากลม ให้ตายก็ไม่เปื่อยครับ
ตัวหูฟังสามารถถอดสายได้นะครับ โดยในกล่องจะมีสายมาให้สองเส้น เส้นแรกจะเป็นสายแบบตรง ส่วนอีกเส้นก็จะเป็นสายโฟน หรือ สายมาม่า นั่นเอง จริงๆปรกติสายอีกเส้นผมก็ไม่เคยเอามาใช้หรอกครับ ถ้าแถมมาก็จะนอนกล่องมากกว่า เพราะสายหลักๆเราก็มักจะใช้แค่เส้นเดียว ขาดค่อยว่ากัน แต่ดีเจ หรือบรรดาคนที่ซื้อหูฟังไว้ใช้งานมักจะเลือกสายโฟนมากกว่า เพราะจะพกพาง่ายกว่าเนื่องจากสายมันจะดูสั้นกว่า และโอกาสสายขาดต่ำกว่า เพราะบางทีการใช้งานบางจังหวะจะมีการกระชากสายเกิดขึ้นได้บ้าง พวกสายโฟนเลยดูจะเหมาะกว่าเพราะตัวมันมีลักษณะเป็นสายตีเกลียว ถ้าเรากระชากสายด้วยอาการเผลอเรอ ตัวสายก็จะทำหน้าที่เหมือนสปริงและลดแรงกระชากได้ในระดับนึงเลยทีเดียว
เรื่องของเสียง
โดยปรกติหูฟังที่ออกแบบมาสำหรับ DJ มักจะ boost ให้เด่นอยู่สองย่าน คือ ย่านต่ำ หรือก็คือเบส และย่านสูง เป็นหลัก เหตุผลเพราะเพลง DJ ที่นำมา mixed ส่วนใหญ่ มักจะเป็นเพลงที่เป็น sound แบบ Techno Dance , Trance , Dubstep etc. ซึ่ง แนวเพลงพวกนี้ไม่ได้เน้นเสียง vocal ทำให้หูฟังที่ออกแบบมาสำหรับ DJ หรือ DJ ออกแบบเอง มักจะให้เสียงกลางที่คม เบสที่กระแทกกระทั้น และมีปริมาณที่เยอะ และจะไม่เน้นเรื่อง focus ชิ้นดนตรีมากนัก เนื่องจากหูฟังของ DJ ส่วนใหญ่มักจะมีไว้เพื่อ CUE บ้าง หรือไม่ก็ไว้เป็น monitor บ้าง อารมณ์ของการฟังเพลงเลยจะค่อนข้างถูกละเลยไป โดยเฉพาะจากค่ายที่ทำพวกชุด Digital DJ มาก่อน หรือไม่ก็มาจากค่ายหูฟังที่ไม่ถนัดทางด้าน DJ ในขณะที่ถ้าเป็นค่ายที่ทำทั้งหูฟังและดีเจ เช่น Denon เสียงของหูฟังมักจะออกมาดีและครบเครื่องกว่าเพื่อน
แต่ Numark ELETROWAVE กลับทำออกมาได้ผิดคาดมากครับ และค่อนข้างผิดแนวทางไปจากหูฟัง DJ ตัวอื่นๆนิดหน่อย เพราะ ELECTROWAVE เสียงจะค่อนข้าง soft และเบสไม่เยอะจนล้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่แปลกมากสำหรับหูฟังดีเจ
มิติของ ELETROWAVE ทำออกมาได้ดีมากๆ ไม่แพ้หูฟังจากค่ายดังๆอย่าง Audio-Technica หรือ Denon เลยทีเดียว ลักษณะมิติและ soundstage จะออกเป็นวงรีแบบลูกรักบี้ การวางตำแหน่งชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นทำได้ดีมากๆครับ มีความลึกถอยไปด้านหลังหัว และบางชิ้นก็จะขึ้นไปอยู่ด้านบนหัว ของ แต่โดยส่วนใหญ่จะค่อนข้างออกไปทางด้านหลังหัวและออกข้างมากกว่า แต่บางเพลงแม้จะ soundstage ออกกว้าง แต่ชิ้นดนตรีบางชิ้นกลับยังให้ความรู้สึกเหมือนยังไม่หลุดออกจากหัวเท่าไหร่
เสียงกลาง focus ดีมากๆครับ เรียกว่าเป็นตัวเป็นตนมารูปร่างที่ดีในระดับนึงเลยทีเดียว และเนื้อเสียงกลางออกมาแน่นและดีกว่าที่คิดครับ แต่มวลจะไม่เยอะมาก กลางเลยออกชัดและไม่บาดหูเลยแม้แต่นิดเดียว เสียงกลองให้ impact ที่ดีมาก อาจจะเพราะว่าออกแบบมาเพื่อให้ดีเจใช้ impact เลยออกมาดีไปด้วย
ส่วนเสียงสูงให้รายละเอียดที่ดีครับ ชัด แต่ไม่คมและจัดบาดหู เสียงสูงจะออกเนียนๆหน่อย อาจจะไม่คมชัดเป๊ะออกมาเป็นเม็ด แต่ก็ให้น้ำหนักและรายละเอียดได้กำลังดี จุดเด่นอยู่ที่การไล่เสียงจากขวาไปซ้ายหรือซ้ายไปขวา ทำได้ต่อเนื่องดีมาก เรียกว่าไม่มีจังหวะกระโดดข้ามหรือเสียงแหว่งหายไปเลย ปลายเสียงสูงก็ทอดตัวได้ดีครับ แต่ก็จะ roll off ไวหน่อยเพื่อให้เสียงสูงดูกระชับให้เหมาะกับการใช้งานดีเจ
เสียงเบสหายห่วงครับ มากันครบจัดกันเต็มๆ impact เบสออกมาดีและให้แรงปะทะที่กำลังเหมาะ ไม่เยอะเว่อร์ อยู่ในเกณฑ์ที่กำลังดีเลยทีเดียวครับ มี middle เบสที่กำลังดี ให้ไลน์กีต้าร์เบสที่พอจะรับรู้ได้ แต่ยังออกเบลอนิดๆอยู่ ส่วน deep มีในระดับพอเหมาะ ไม่ได้ลงลึกมาก หรือห้วนหายจนหมดอารมณ์ เรียกว่าเบสอยู่ในระดับที่กลางค่อนไปทางดีเลยครับ แต่น่าแปลกตรงที่ เวลาเจอเพลงที่อัดมาแบบเน้นเสียงกลางให้ image ใหญ่เมื่อไหร่ มันจะไปบังๆเสียงของเบสทันที ทั้งๆที่ถ้าฟังปรกติกับเพลงทั่วๆไป หูฟังตัวนี้มันจะแยกชิ้นดนตรีได้ดีมากๆครับ
ภาพรวมของมันพูดตามตรงว่า มันดูจะเหมาะกับการฟังเพลงมากกว่าเอาไปใช้เป็นหูฟังดีเจด้วยซ้ำ เพราะเสียงสูงไม่บาดหูเลย แต่ชัดเจนและนุ่มนวล ออกโทนฟังสบายไม่จัดไม่ทำให้ล้าหู แถมเบสไม่บ้าพลังเหมือนหูฟังดีเจอื่นๆ เพราะเบสให้มวลที่เยอะแต่ระดับกับกำลังเหมาะกับพอดี เสียงร้องก็ฟังง่ายไม่บาดหู อารมณ์ฟังสบายๆนุ่มนวล ผิดแผกจากนิสัยที่หูฟังดีเจควรจะเป็น การแยกชิ้นดนตรีก็ทำได้ดีมากๆ เท่าที่ผมเคยถามว่าทำไมเค้าถึงไม่แลหูฟังตัวนี้กัน ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยเชื่อใจ Numark บางคนก็ไม่คิดว่าดีไซน์แบบนี้จะเสียงดี บางคนหนีไปเอา V-moda ด้วยเหตุผลว่ามันเท่ห์กว่า ELETROWAVE เลยดูเป็นลูกเมียน้อยไปในบัดดล แต่ข้อเสียของมันนอกจากดีไซน์แล้ว ตัว image เสียงร้องจะให้ขนาดไม่เท่ากันกับชิ้นดนตรีอื่นๆครับ แต่ขนาดก็ไม่ได้แตกต่างกันเยอะมากมาย
1 ความคิดเห็น:
เรียนคุณ G7
อยากจะปรึกษาเรื่องรีวิวสินค้า
รบกวนขอเบอร์ติดต่อกลับด้วยครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น