วันนี้ผมมาแปลกนิดนึง เพราะปรกติผมจะไม่ค่อยชอบ review พวกมือถือเท่าไหร่ เนื่องจากการ review มือถือให้ละเอียดนี่้ จำเป็นเหลือเกินที่จะต้องหยิบเอากล้่องถ่ายรูปมาถ่ายตรง Screen แบบ ช๊อตต่อช๊อต เพราะ Fuction ในมือถือมันค่อนข้างหลากหลายมาก ถ้าไม่ถ่ายให้่ดู ให้เห็นภาพ เดี๋ยวจะไม่เข้าใจกัน
แต่ผมเป็นคนที่ขี้เกียจเรื่องถ่ายรูปอยู่แล้ว โดยปรกติรูปที่เอามาลงก็ไปขโมยเค้ามาทั้งนั้น ไม่รู้เจ้าของเค้าจะมาตามเจอวันไหนด้วย ถ้าใครมาเจอเข้าก็ขอโทษด้วยแล้วกันครับ ผมไม่ได้เอารูปมาปู้ยี้ปู้ยำหรือหาผลกำไรทางการค้านะ ดังนั้น ห้ามโกรธโดยเด็ดขาด
เหตุผลที่ต้อง review เจ้ามือถือตัวนี้ แถมยังจั่วหัวแปลกๆว่า MP3 player ที่ใช้เป็นโทรศัพท์ได้นี่ ก็เพราะมันมีความสามารถพอที่จะทำได้ขนาดนั้นครับ และเหตุผลที่ผมซื้อมันมาใช้ก็เพราะเรื่องของเสียงและราคาค่าตัวต่อความสามารถที่สุดแสนจะคุ้มค่าเอามากๆ เรียกได้ว่า ซื้อมาเพื่อแทนเครื่องเล่น MP3 ธรรมดาได้สบายๆ อย่างน้อยๆในระดับราคา 2 พันกว่าบาทนี่ MP3 player ทั่วๆไปกินมันยากครับ ( เพราะ MP3 player ทั่วไปโทรศัพท์ไม่ได้ 555 ) และที่สำคัญ คุณภาพเสียงเหนือกว่า MP3 player ในระดับราคาใกล้ๆกันด้วยซ้ำครับ
มาดูกันที่ภายนอกก่อน
จุดเด่นของ 380T อยู่ที่ตรงจอนี่เลยครับ เพราะจอสว่างแถมแสดงผลได้ค่อนข้างละเอียดและให้สีที่สดดีทีเดียว ถึงแม้มันจะออกหมองๆเหลืองๆนิดๆ แต่ดูโดยรวมแล้วถือว่าดีมากๆ ปรกติผมไม่เคยเห็นมือถือราคาระดับนี้ให้จอที่ได้สีสันและความละเอียดเท่านี้มาก่อนเลย ดังนั้นตรงนี้ถือว่า 380t ทำได้โดดเด่นมากๆทีเดียว
ตัววัสดุที่นำมาใช้ทำส่วนด้านหน้าเป็นสไตล์แบบ Glossy มันเงาจนเหมือนจะใช้แทนกระจกได้ แต่ก็ทำให้มันสกปรกง่ายด้วย เพราะมันพร้อมจะเลอะติดคราบมันจากมือและใบหน้าของเราได้ตลอดเวลา เวลาหยิบมาโทรทีนึง ก็ต้องหาผ้ามาคอยเช็คตอนวางสายแทบทุกครั้ง ไม่งั้นเดี๋ยวไม่แหล่ม
ส่วนของปุ่มอาจจะเล็กไปซักนิดสำหรับคนมือใหญ่ แต่สำหรับมือผมนี่อยู่ในระดับกำลังพอเหมาะครับ ไม่เล็กหรือใหญ่ไป เวลากดแบบไม่มองปุ่มก็ยังไม่เคยพลาดไปโดนปุ่มอื่น แต่ปุ่มที่อยู่ตรงฝาพับในส่วนการเล่น mode music จะค่อนข้างแข็งไปนิดนึงน่าเสียดายอยู่อย่างตรงที่ไม่มีปุ่มสำหรับกล้องอยู่ตรงส่วนด้านข้างของมือถือ ดังนั้นเวลาถ่ายรูป ตรงไปใช้ปุ่ม Jog Stick แทน ทำให้เวลาถ่ายรูปไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่อย่างว่า คุณภาพของภาพถ่ายก็ธรรมดามากๆ มีดีตรงถ่าย VDO ได้ค่อนข้างโอเค
ดูส่วนภายในเครื่องกันบ้าง
ผมจะไม่พูดถึงเรื่อง Fuction เยอะมากนะครับ จะพูดเฉพาะจุดเด่นๆเท่านั้น ถ้าเอาทั้งเครื่องมีตีแผ่ สงสัยว่าจะได้พิมพ์กันมือหงิกน่ะครับ
จุดเด่นแรกที่เห็นได้ชัดคือ ตัวเครื่องรองรับ Flash Animation ดังนั้น หน้าจอสามารถแสดงผล Wallpaper แบบ Animation ได้ ถ้าเทียบกับตัว K790i ที่ผมมี ผมว่าการทำงานในส่วนนี้ตัว KM380t ทำได้ดีกว่าครับ เพราะขยับไ้ด้รวดเร็วและไหลลื่นกว่าเยอะ
แต่ก็ยังมีปัญหากับพวก Gif Animation บาง file อาการที่เจอบ่อยๆคือ มองเห็นใน file manager แต่ไม่สามารถ set ให้เป็น wallpaper ได้ เพราะเครื่องจะฟ้องว่า ขนาดภาพไม่ถูกต้อง ทั้งๆที่ขนาดถูกต้องอยู่แล้ว แต่ก็เป็นอาการที่ไม่ได้เจอได้บ่อยๆ นานๆจะเจอซักครั้งนึง
การทำงานโดยรวมไม่รู้สึกหน่วงแบบที่เคยได้อ่้านเจอคนที่บ่นแต่อย่างใด เริ่มแรกกดใช้งานใหม่ๆอาจจะมีหน่วงๆบ้าง แต่พอใช้ซักพัก อาการหน่วงก็หายไปจนหมด การทำงานไปในแต่ละส่วนจึง smooth ใช้ได้ในระดับนึง แต่ไม่ถึงกับลื่นหัวแตกแบบเครื่องที่มี CPU แรงๆ
การจัดการระบบ file อยู่ในระดับโอเค แต่ก็มีปัญหาเหมือนที่เค้าว่าๆกัน คือ บาง file ถ้าเราเอาไปไว้ผิด folder ตัวเครื่องก็จะมองไม่เห็น โดยเฉพาะพวก file ภาพ ที่ต้องไว้ให้ถูก folder ไม่งั้นเครื่องจะไม่ยอมแสดงภาพขึ้นมาให้ดู และการแสดงผลตรงภาพนี่ก็เป็นข้อเสียอีกอย่าง คือ ถ้าเกิดเราเอาภาพที่เป็น Animtion ใส่ลงไปปนด้วย เวลาเราจะดูภาพมันจะหน่วงมากถึงมากที่สุด จนบางครั้งนึกว่าเครื่องค้าง เพราะในส่วนของ Animation นั้น ตัวเครื่องจะโชว์ภาพเคลื่อนไหวไปด้วย ทำให้เครื่องทำงานหนักมากขึ้น ตัวระบบจึงหน่วงอย่างน่าเสียดาย แถมเราไม่สามารถเข้าไปใช้งานในส่วนของ memory ในตัวเครื่องได้ด้วย ที่ดึง file เข้าออกได้ก็เฉพาะส่วนที่เป็น memory ภายนอกอย่าง MicroSD เท่านั้น ก็ต้องถือว่า ระบบการจัดการเรื่อง file ยังทำไ้ด้ไม่ดีเท่าที่ควร
แต่จุดที่ผมชอบจริงๆก็คือส่วนการเก็บประวัติการโทรครับ ที่เก็บเบอร์ที่ติดต่อได้เยอะมากๆๆ ทั้งเบอร์โทรเข้า เบอร์โทรออก และเบอร์ที่ได้รับสาย ไม่มั่นใจว่ามันมีกำหนดอยู่ที่เท่าไหร่ แต่เท่าที่ผมเก็บไว้ตอนนี้ก็เป็นร้อยแล้วครับ ไม่เหมือนมือถือแต่ก่อนที่ผมเคยใช้ที่มักจะจำกัดไว้ที่ 20 เลขหมายเท่านั้น ข้อดีคือบางครั้งเราลืม mem เบอร์ใคร ก็ย้อนไปนึกถึงวันที่คุยแล้วค่อยค้นหาเอาทีหลังได้
ลูกเล่นอีกอย่างคือ หน้าจอการโทรออก ที่สามารถปรับแต่งได้ 3 แบบ คือ
- การแสดงผลแบบ Music เวลากดเบอร์โทรออกมันจะเป็น animation เขียนตัวเลขแบบโน้ตดนตรีลงเส้น
บรรทัด 5 สาย
-การแสดงผลแบบ สนามบอล คือ ฉากด้านหลังจะเป็นเหมือนหญ้าในสนามน่ะครับ พอกดเบอร์หญ้ามันก็จะ
กระเดนแล้วก็กลายเป็นตัวเลข
-การแสดงผลแบบ Digital ก็ แสดงผลเป็นตัวเลข Digital ธรรมดานี่แหละครับ
ในส่วนของการรองรับ Java ก็อยู่ในระดับโอเค สามารถเล่นเกมส์ JAVA ได้สบายๆ ยังไม่เจอปัญหาลงเกมส์ไม่ได้ แต่ปัญหาที่เจอมักจะเป็นเรื่องปุ่มที่ใช้กับเกมส์ JAVA บางเกมส์ไม่ได้ โดยเฉพาะปุ่มซ้าย และ ขวาด้านบนสุด ถ้าใครเคยเล่นเกมส์ JAVA ในมือถือจะุึรู้ว่ามันเป็นปุ่มสำหรับกด Play กับ MENU ซึ่งผมเองก็งงว่าทำไมมันใช้ไม่ได้ ทั้งๆที่ 790i ไม่เคยมีปัญหาตรงนี้เลย เวลากด play ทีต้องกดที่ปุ่มกลางของ Jog Stick แทน คงต้องรอดูว่า firmware ใหม่จะแก้ให้ได้หรือเปล่า
มาว่ากันที่เรื่องของเสียง
จุดเด่นของมือถือตัวนี้คือที่มีรูแจ๊คแบบ 3.5 และยังให้ Mr Mark Levinson ผู้ที่เป็นคนให้กำเนิดเครื่องเสียงระดับโลกอย่าง Mark Levinson และ Cello เป็นผู้จูนด้านเสียงให้ ดังนั้น คุณภาพเสียงย่อมคาดหวังได้เลยครับ เพราะระดับ Mark คงไม่ทำให้ชื่อตัวเองต้องเสียหายแน่นอน
การจะว่ากันไปถึงเรื่องเสียง มาดูตรงส่วนของการเล่นเพลงก่อน
ในส่วนการเล่นเพลง ตัวเครื่องรองรับ MP3/WMA/ACC แถมสามารถโชว์ชื่อภาษาไทยได้อย่างสมบูรณ์ แต่การเลื่อนเล่นเพลงใน list จะค่อนข้างหน่วงนิดนึง ไม่มั่นใจว่าถ้ามีเพลงเยอะมากๆจะหน่วงไม๊ พอดีผมมีเพลงที่เป็น MP3 ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ ส่วนมากจะหนักไปทาง Lossless กับ AIFF ทำให้ทดสอบเรื่องจำนวนไม่ได้ แต่เท่าที่ลองมันก็หน่วงนิดๆครับ คือไม่ถึงกับ Delay เพียงแต่มันไม่ไหลลื่นเท่านั้นเอง
การปรับ EQ ของ 380t นี่ผมยังหาไม่เจอนะครับว่าปรับตรงไหน เห็นเค้าบอกว่ามี Auto EQ แต่ไม่สามารถปรับเป็น Band ได้ แต่ทีเด็ดของ 380t จริงๆน่าจะอยู่ที่ mode Natural Sound ที่จูนด้วยมือของ Mark Lenvinson นั่นเอง เราสามารถเลือกได้ว่าจะเปิด หรือ ปิด ถ้าเปิดก็จะได้ dynamic ที่ดีขึ้นอีก step นึงเลยทีเดียว ( มือใหม่อาจจะฟังไม่ค่อยออก )
โทนบุคลิกเสียงของ 380t จะคล้ายคลึงกับ iPOD มาก จะมีกลิ่นอายของ iPOD โดยเฉพาะตัว iPOD Classic ปนอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้เหมือน iPOD ซะทีเดียว จุดแรกที่รู้สึกได้ชัดคือการ Focus Image ที่ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว แต่ตัว image จะมีขนาดที่เล็กกว่า iPOD Classic ที่ขึ้นชื่อว่า image เล็กอยู่แล้วซะอีก การแบ่งแยกชิ้นดนตรีก็อยู่ในระดับที่ดีทีเดียว
สิ่งที่โดดเด่นคือมิติ ที่ให้ความลึกได้ดีมากๆ มีความเป็น 3 มิิติมากๆ ไม่รู้ว่าแอบใส่ mode Virtual Surround ไว้ด้วยหรือเปล่า แต่ความเป็น 3 มิติก็จะไม่รู้สึกกับทุกๆเพลง มีบางเพลงที่ทำได้ ส่วนเรื่องของ soundstage ก็ไม่ได้กว้างมากเกินปรกติ รวมไปถึงส่วน headstage ที่อยู่ในเกณฑ์ตามมาตรฐาน
เสียงสูงมีความชัดเจน นิ่มนวล และค่อนข้างพริ้วทีเดียว ไม่มีอาการแสบแห้งจัดจ้านใดๆ น้ำหนักของสายกีต้าร์ก็ชัดเจน และมีความเป็นธรรมชาติมาก ไม่ color เหมือน player บางตัวที่เด่นชัดจัดจนเหมือนไม่ใช่สายกีต้าร์จริงๆ เสียอย่างเดียวตรงที่การให้ Dynamic ของ 380t ยังไม่ดีเท่าไหร่ ทำให้ detail ในส่วนเสียงสูง drop ลงไปบ้าง บางเพลงที่มีการไล่รายละเอียดเสียงสูงมากๆมันจะเหมือนให้ออกมาได้ไม่ครบ ก็น่าเสียดายนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับเสียอรรถรสและคุณภาพโดยรวมของย่านนี้แต่อย่างใด
เสียงกลางค่อนข้างแน่น ให้ Dynamic ได้ชัดเจน การลงน้ำหนักกลองก็มี impact ที่ดี มีความแน่นแบบรู้สึกได้ ไม่มีอาการตีแล้วเหมือนตีบนพลาสติกแบบ Philips รุ่นเล็กๆด้วย แต่ตรงส่วนเนื้อก็ยังทำได้ไม่เท่าพวก iPOD เหมือน Dynamic มันยังอัดได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่
เสียงเบสให้มวลที่ดี ไม่มีแผ่วหาย แถมยังแน่นและให้ impact เบสที่ดีด้วย แ่ต่เนื้อช่วง middle เบสยังไม่ดีนัก ก็เป็นผลเสียจาก Dynamic ที่ผมว่ามาตั้งแต่ต้น ที่มีผลกระทบต่อเสียงทุกย่านอย่างรู้สึกได้ จริงๆเบสของ 380t จะออกนุ่มๆหน่อย ไม่ได้กระแทกกระทั้นแข็งๆ หรือให้ impact แรงๆ มวลหนาๆ บวมๆ เบสจะออกในระดับกำลังดี นุ่มนวลและมีเนื้่อมีหนัง
โดยรวมเสียงจะออกใสหวาน กลางเด่น เบสนุ่ม และไม่ได้ให้มวลหนามากมาย เสียงค่อนข้างโปร่ง ฟังสบาย ฟังแล้วเพลิดเพลินดี ผมลองเทียบเสียงกับพวก MP3 Player ของจีนแดงหลายๆตัวแล้วรู้สึกว่า ตัว 380t ให้ความเป็นดนตรีที่มากกว่า และให้เสียงที่ดีกว่า ติดอย่างเดียวตรงกำลังขับยังสู้่ iPOD Classic ไม่ได้ ถ้าทำได้เท่า iPOD เมื่อไหร จะเป็น Music Phone ที่น่ากลัวตัวนึงเ้ลยทีเดียว แต่ด้วยราคาตอนนี้ที่ 2,4xx บาท ถือว่าคุ้มมากๆครับ ได้ MP3 player ที่อ่านไทยได้และยังโทรศัพท์ได้ด้วย ดีกว่าเอาเงินไปซื้อ MP3 จีนแดงที่คุณภาพไม่เข้าท่าอีกตั้งหลายตัว แถมคุณภาพเสียงแบบนี้ยังไปฟัดพวก MP3 player ในระดับราคาใกล้ๆกันได้สบายๆอีกด้วย ที่สำคัญ มี Bluetooth และรองรับ A2DP กับ ACVR มันจึงฟังเพลงผ่าน Bluetooth stereo ได้ด้วย คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แบตก็อึดมากๆ ผมใช้แบบสุรุ่ยสุร่าย ทั้งโทรศัพท์ ฟังเพลง และเล่นเกมส์ ผ่านไป 1 วัน ลดเต็มที่แค่ขีดเดียว ( แต่มันมี 3 ขีดนะครับ ) เป็น 790i นี่ไปเกินครึ่งแล้วครับ
ผมเคยลองเอาตัวนี้ไปเทียบเสียงกับ Nokia ตัว Music Express แล้วพบว่า ตัว Music Express สู้ตัวนี้ไม่ได้ครับ ตัวนี้ให้ความนิ่มนวลกว่า และเป็นดนตรีกว่า เสียงจาก Nokia กลายเป็นแข็งกระด้างไม่น่าฟังไปทันที ดังนั้นถ้าจะให้ผมเชียร์ ผมเชียร์ 380T มากกว่าครับ
มีโอกาสก็ไปลองทดสอบกันได้ครับ ตาม Lotus หลายๆที่ ผมเห็นเอา 380t มาไว้ตรง Display ให้เดินเข้าไปกดเล่นกัน อยากลองว่าเสียงเป็นไง ก็เอาเพลงเราส่งผ่าน Bluetooth เข้าไป แล้วเอาหูฟังประจำกายไปลองดูครับ ถ้าไม่ได้เน้นเบสบ้าคลั่ง ผมว่า ตัวนี้น่าจะโดนใจได้เลยทีเดียว
ผมจะไม่พูดถึงเรื่อง Fuction เยอะมากนะครับ จะพูดเฉพาะจุดเด่นๆเท่านั้น ถ้าเอาทั้งเครื่องมีตีแผ่ สงสัยว่าจะได้พิมพ์กันมือหงิกน่ะครับ
จุดเด่นแรกที่เห็นได้ชัดคือ ตัวเครื่องรองรับ Flash Animation ดังนั้น หน้าจอสามารถแสดงผล Wallpaper แบบ Animation ได้ ถ้าเทียบกับตัว K790i ที่ผมมี ผมว่าการทำงานในส่วนนี้ตัว KM380t ทำได้ดีกว่าครับ เพราะขยับไ้ด้รวดเร็วและไหลลื่นกว่าเยอะ
แต่ก็ยังมีปัญหากับพวก Gif Animation บาง file อาการที่เจอบ่อยๆคือ มองเห็นใน file manager แต่ไม่สามารถ set ให้เป็น wallpaper ได้ เพราะเครื่องจะฟ้องว่า ขนาดภาพไม่ถูกต้อง ทั้งๆที่ขนาดถูกต้องอยู่แล้ว แต่ก็เป็นอาการที่ไม่ได้เจอได้บ่อยๆ นานๆจะเจอซักครั้งนึง
การทำงานโดยรวมไม่รู้สึกหน่วงแบบที่เคยได้อ่้านเจอคนที่บ่นแต่อย่างใด เริ่มแรกกดใช้งานใหม่ๆอาจจะมีหน่วงๆบ้าง แต่พอใช้ซักพัก อาการหน่วงก็หายไปจนหมด การทำงานไปในแต่ละส่วนจึง smooth ใช้ได้ในระดับนึง แต่ไม่ถึงกับลื่นหัวแตกแบบเครื่องที่มี CPU แรงๆ
การจัดการระบบ file อยู่ในระดับโอเค แต่ก็มีปัญหาเหมือนที่เค้าว่าๆกัน คือ บาง file ถ้าเราเอาไปไว้ผิด folder ตัวเครื่องก็จะมองไม่เห็น โดยเฉพาะพวก file ภาพ ที่ต้องไว้ให้ถูก folder ไม่งั้นเครื่องจะไม่ยอมแสดงภาพขึ้นมาให้ดู และการแสดงผลตรงภาพนี่ก็เป็นข้อเสียอีกอย่าง คือ ถ้าเกิดเราเอาภาพที่เป็น Animtion ใส่ลงไปปนด้วย เวลาเราจะดูภาพมันจะหน่วงมากถึงมากที่สุด จนบางครั้งนึกว่าเครื่องค้าง เพราะในส่วนของ Animation นั้น ตัวเครื่องจะโชว์ภาพเคลื่อนไหวไปด้วย ทำให้เครื่องทำงานหนักมากขึ้น ตัวระบบจึงหน่วงอย่างน่าเสียดาย แถมเราไม่สามารถเข้าไปใช้งานในส่วนของ memory ในตัวเครื่องได้ด้วย ที่ดึง file เข้าออกได้ก็เฉพาะส่วนที่เป็น memory ภายนอกอย่าง MicroSD เท่านั้น ก็ต้องถือว่า ระบบการจัดการเรื่อง file ยังทำไ้ด้ไม่ดีเท่าที่ควร
แต่จุดที่ผมชอบจริงๆก็คือส่วนการเก็บประวัติการโทรครับ ที่เก็บเบอร์ที่ติดต่อได้เยอะมากๆๆ ทั้งเบอร์โทรเข้า เบอร์โทรออก และเบอร์ที่ได้รับสาย ไม่มั่นใจว่ามันมีกำหนดอยู่ที่เท่าไหร่ แต่เท่าที่ผมเก็บไว้ตอนนี้ก็เป็นร้อยแล้วครับ ไม่เหมือนมือถือแต่ก่อนที่ผมเคยใช้ที่มักจะจำกัดไว้ที่ 20 เลขหมายเท่านั้น ข้อดีคือบางครั้งเราลืม mem เบอร์ใคร ก็ย้อนไปนึกถึงวันที่คุยแล้วค่อยค้นหาเอาทีหลังได้
ลูกเล่นอีกอย่างคือ หน้าจอการโทรออก ที่สามารถปรับแต่งได้ 3 แบบ คือ
- การแสดงผลแบบ Music เวลากดเบอร์โทรออกมันจะเป็น animation เขียนตัวเลขแบบโน้ตดนตรีลงเส้น
บรรทัด 5 สาย
-การแสดงผลแบบ สนามบอล คือ ฉากด้านหลังจะเป็นเหมือนหญ้าในสนามน่ะครับ พอกดเบอร์หญ้ามันก็จะ
กระเดนแล้วก็กลายเป็นตัวเลข
-การแสดงผลแบบ Digital ก็ แสดงผลเป็นตัวเลข Digital ธรรมดานี่แหละครับ
ในส่วนของการรองรับ Java ก็อยู่ในระดับโอเค สามารถเล่นเกมส์ JAVA ได้สบายๆ ยังไม่เจอปัญหาลงเกมส์ไม่ได้ แต่ปัญหาที่เจอมักจะเป็นเรื่องปุ่มที่ใช้กับเกมส์ JAVA บางเกมส์ไม่ได้ โดยเฉพาะปุ่มซ้าย และ ขวาด้านบนสุด ถ้าใครเคยเล่นเกมส์ JAVA ในมือถือจะุึรู้ว่ามันเป็นปุ่มสำหรับกด Play กับ MENU ซึ่งผมเองก็งงว่าทำไมมันใช้ไม่ได้ ทั้งๆที่ 790i ไม่เคยมีปัญหาตรงนี้เลย เวลากด play ทีต้องกดที่ปุ่มกลางของ Jog Stick แทน คงต้องรอดูว่า firmware ใหม่จะแก้ให้ได้หรือเปล่า
มาว่ากันที่เรื่องของเสียง
จุดเด่นของมือถือตัวนี้คือที่มีรูแจ๊คแบบ 3.5 และยังให้ Mr Mark Levinson ผู้ที่เป็นคนให้กำเนิดเครื่องเสียงระดับโลกอย่าง Mark Levinson และ Cello เป็นผู้จูนด้านเสียงให้ ดังนั้น คุณภาพเสียงย่อมคาดหวังได้เลยครับ เพราะระดับ Mark คงไม่ทำให้ชื่อตัวเองต้องเสียหายแน่นอน
การจะว่ากันไปถึงเรื่องเสียง มาดูตรงส่วนของการเล่นเพลงก่อน
ในส่วนการเล่นเพลง ตัวเครื่องรองรับ MP3/WMA/ACC แถมสามารถโชว์ชื่อภาษาไทยได้อย่างสมบูรณ์ แต่การเลื่อนเล่นเพลงใน list จะค่อนข้างหน่วงนิดนึง ไม่มั่นใจว่าถ้ามีเพลงเยอะมากๆจะหน่วงไม๊ พอดีผมมีเพลงที่เป็น MP3 ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ ส่วนมากจะหนักไปทาง Lossless กับ AIFF ทำให้ทดสอบเรื่องจำนวนไม่ได้ แต่เท่าที่ลองมันก็หน่วงนิดๆครับ คือไม่ถึงกับ Delay เพียงแต่มันไม่ไหลลื่นเท่านั้นเอง
การปรับ EQ ของ 380t นี่ผมยังหาไม่เจอนะครับว่าปรับตรงไหน เห็นเค้าบอกว่ามี Auto EQ แต่ไม่สามารถปรับเป็น Band ได้ แต่ทีเด็ดของ 380t จริงๆน่าจะอยู่ที่ mode Natural Sound ที่จูนด้วยมือของ Mark Lenvinson นั่นเอง เราสามารถเลือกได้ว่าจะเปิด หรือ ปิด ถ้าเปิดก็จะได้ dynamic ที่ดีขึ้นอีก step นึงเลยทีเดียว ( มือใหม่อาจจะฟังไม่ค่อยออก )
โทนบุคลิกเสียงของ 380t จะคล้ายคลึงกับ iPOD มาก จะมีกลิ่นอายของ iPOD โดยเฉพาะตัว iPOD Classic ปนอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้เหมือน iPOD ซะทีเดียว จุดแรกที่รู้สึกได้ชัดคือการ Focus Image ที่ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว แต่ตัว image จะมีขนาดที่เล็กกว่า iPOD Classic ที่ขึ้นชื่อว่า image เล็กอยู่แล้วซะอีก การแบ่งแยกชิ้นดนตรีก็อยู่ในระดับที่ดีทีเดียว
สิ่งที่โดดเด่นคือมิติ ที่ให้ความลึกได้ดีมากๆ มีความเป็น 3 มิิติมากๆ ไม่รู้ว่าแอบใส่ mode Virtual Surround ไว้ด้วยหรือเปล่า แต่ความเป็น 3 มิติก็จะไม่รู้สึกกับทุกๆเพลง มีบางเพลงที่ทำได้ ส่วนเรื่องของ soundstage ก็ไม่ได้กว้างมากเกินปรกติ รวมไปถึงส่วน headstage ที่อยู่ในเกณฑ์ตามมาตรฐาน
เสียงสูงมีความชัดเจน นิ่มนวล และค่อนข้างพริ้วทีเดียว ไม่มีอาการแสบแห้งจัดจ้านใดๆ น้ำหนักของสายกีต้าร์ก็ชัดเจน และมีความเป็นธรรมชาติมาก ไม่ color เหมือน player บางตัวที่เด่นชัดจัดจนเหมือนไม่ใช่สายกีต้าร์จริงๆ เสียอย่างเดียวตรงที่การให้ Dynamic ของ 380t ยังไม่ดีเท่าไหร่ ทำให้ detail ในส่วนเสียงสูง drop ลงไปบ้าง บางเพลงที่มีการไล่รายละเอียดเสียงสูงมากๆมันจะเหมือนให้ออกมาได้ไม่ครบ ก็น่าเสียดายนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับเสียอรรถรสและคุณภาพโดยรวมของย่านนี้แต่อย่างใด
เสียงกลางค่อนข้างแน่น ให้ Dynamic ได้ชัดเจน การลงน้ำหนักกลองก็มี impact ที่ดี มีความแน่นแบบรู้สึกได้ ไม่มีอาการตีแล้วเหมือนตีบนพลาสติกแบบ Philips รุ่นเล็กๆด้วย แต่ตรงส่วนเนื้อก็ยังทำได้ไม่เท่าพวก iPOD เหมือน Dynamic มันยังอัดได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่
เสียงเบสให้มวลที่ดี ไม่มีแผ่วหาย แถมยังแน่นและให้ impact เบสที่ดีด้วย แ่ต่เนื้อช่วง middle เบสยังไม่ดีนัก ก็เป็นผลเสียจาก Dynamic ที่ผมว่ามาตั้งแต่ต้น ที่มีผลกระทบต่อเสียงทุกย่านอย่างรู้สึกได้ จริงๆเบสของ 380t จะออกนุ่มๆหน่อย ไม่ได้กระแทกกระทั้นแข็งๆ หรือให้ impact แรงๆ มวลหนาๆ บวมๆ เบสจะออกในระดับกำลังดี นุ่มนวลและมีเนื้่อมีหนัง
โดยรวมเสียงจะออกใสหวาน กลางเด่น เบสนุ่ม และไม่ได้ให้มวลหนามากมาย เสียงค่อนข้างโปร่ง ฟังสบาย ฟังแล้วเพลิดเพลินดี ผมลองเทียบเสียงกับพวก MP3 Player ของจีนแดงหลายๆตัวแล้วรู้สึกว่า ตัว 380t ให้ความเป็นดนตรีที่มากกว่า และให้เสียงที่ดีกว่า ติดอย่างเดียวตรงกำลังขับยังสู้่ iPOD Classic ไม่ได้ ถ้าทำได้เท่า iPOD เมื่อไหร จะเป็น Music Phone ที่น่ากลัวตัวนึงเ้ลยทีเดียว แต่ด้วยราคาตอนนี้ที่ 2,4xx บาท ถือว่าคุ้มมากๆครับ ได้ MP3 player ที่อ่านไทยได้และยังโทรศัพท์ได้ด้วย ดีกว่าเอาเงินไปซื้อ MP3 จีนแดงที่คุณภาพไม่เข้าท่าอีกตั้งหลายตัว แถมคุณภาพเสียงแบบนี้ยังไปฟัดพวก MP3 player ในระดับราคาใกล้ๆกันได้สบายๆอีกด้วย ที่สำคัญ มี Bluetooth และรองรับ A2DP กับ ACVR มันจึงฟังเพลงผ่าน Bluetooth stereo ได้ด้วย คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แบตก็อึดมากๆ ผมใช้แบบสุรุ่ยสุร่าย ทั้งโทรศัพท์ ฟังเพลง และเล่นเกมส์ ผ่านไป 1 วัน ลดเต็มที่แค่ขีดเดียว ( แต่มันมี 3 ขีดนะครับ ) เป็น 790i นี่ไปเกินครึ่งแล้วครับ
ผมเคยลองเอาตัวนี้ไปเทียบเสียงกับ Nokia ตัว Music Express แล้วพบว่า ตัว Music Express สู้ตัวนี้ไม่ได้ครับ ตัวนี้ให้ความนิ่มนวลกว่า และเป็นดนตรีกว่า เสียงจาก Nokia กลายเป็นแข็งกระด้างไม่น่าฟังไปทันที ดังนั้นถ้าจะให้ผมเชียร์ ผมเชียร์ 380T มากกว่าครับ
มีโอกาสก็ไปลองทดสอบกันได้ครับ ตาม Lotus หลายๆที่ ผมเห็นเอา 380t มาไว้ตรง Display ให้เดินเข้าไปกดเล่นกัน อยากลองว่าเสียงเป็นไง ก็เอาเพลงเราส่งผ่าน Bluetooth เข้าไป แล้วเอาหูฟังประจำกายไปลองดูครับ ถ้าไม่ได้เน้นเบสบ้าคลั่ง ผมว่า ตัวนี้น่าจะโดนใจได้เลยทีเดียว
6 ความคิดเห็น:
ก็โอเคนะค่ะ ยังไงก็ช่วยเชียร์ KM380 หน่อยนะค่ะ
เครื่องนี้ดี แต่มันจะหน่วงมั้ยค่ะ ช่วยตอบหน่อยค่ะ
ขอขอบคุณ๊ครับที่แนะนำ ซื้อมาแล้ว ไม่ผิดหวังเลย เพื่อนได้ฟังบอก ชอบเสียงมากกว่าไอพอดอีก
ถามว่าหน่วงไหม หน่วงครับแต่ไม่มาก ใส่เพลง 900เมก(เมม1กิ๊ก)เปิดรายชื่อนับ1-10ได้ ต้องทำใจมันโทรศัพท์ ยืนยันว่าเอ็มพี3ระดับราคาสองพัน กินกันไม่ลงครับ แถมโชว์รูปอัลบั้มได้ด้วย แต่ไม่มีอีคิว(ผมว่าดี)
EQ มีแน่นอนครับ ต้องไปเลือกที่ setting
ใครชอบฟัง audiophile แนวพวกเพลงร้อง
แนะนำเลยครับ ผมบีบจาก.flac เป็น vbr0
(mp3) เสียงดีใช้ได้เลยล่ะครับ
ฟังกับหูฟัง sennheiser สักรุ่น 400 ก็พอ
จัดชุดแค่นี้ ใครได้ฟังเสียงก็ทึ่ง+อึ้งแล้วครับ
จะยิ่งอึ้งหนักถ้ารู้ราคาเครื่อง+หูฟัง ^^
แล้วถ้าเทียบกับ mp3 player B serie ของ sony ที่ราคาขาย อยู่ที่ 2000 บาท เอาเฉพาะคุณภาพเสียงนะครับ ไม่ต้องคิดถึงว่าความคุ้มค่าเรื่องมันเป็นโทรศัพท์ด้วย อันไหนดีกว่ากันครับเฉพาะเสียง
ตัว Sony B Series ผมยังไม่เคยฟังซักรุ่นนะครับ แต่คิดว่า ตัว sony น่าจะให้ bass ที่เยอะกว่า และให้แหลมที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติตามสไตล์ของเค้าน่ะครับ ตัว LG เสียงสูงจะเป็นธรรมชาติกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแล้วแต่ความชอบครับ ว่าชอบเสียงแนวไหนมากกว่ากัน
แสดงความคิดเห็น