วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Review Player ที่หลายๆคนสนใจกับ Cowon S9

=

Cowon S9 เป็นหนึ่งใน Player ที่ได้รับการจับตามองตั้งแต่ก่อนวางตลาดด้วยซ้ำ โดยเฉพาะที่เกาหลีและอเมริกา ถือว่าเป็น Player ที่คนให้ความสนใจเยอะเอามากๆเลยทีเดียว โดยเฉพาะสาย Antipod ส่วนนึงก็น่าจะมาจากอนิสงค์ที่ Cowon D2 และ iAudio 7 ทำเอาไว้ได้ดีมา ทำให้หลายๆคนสนใจในตัว S9 ที่เป็น Touch Screen Mp3 Player Design แบบใหม่ และใช้จอแบบใหม่ที่เรียกกันว่า Active Matrix OLED ( AMOLED ) ซึ่งจะทำให้สีสดกว่าจอ LCD ธรรมดาทั่วไปมาก ซึ่งเรื่องจอเดี๋ยวเรามาว่ากันทีหลัง เพราะรายละเอียดอาจจะต้องคุยกันยาวนิดนึง


ด้วยความที่เป็น Player ไม่ได้เป็นหูฟัง ดังนั้นผมจะพยายาม review เก็บรายละเอียดหน่อย เพราะมันมีส่วนของ fuction การทำงานอื่นๆด้วย ซึ่งพวกโปรแกรมเสริมอื่นๆผมจะไม่พูดถึง เพราะยังไม่มีเวลาค้นหา เอาไว้มีเวลาเยอะค่อยว่ากันอีกทีนะครับ โดยในส่วนของ Review ผมจะแบ่งออกเป็น 3 Part หลัก เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน และการพิมพ์ มาว่ากันที่ส่วนแรกกันก่อนแล้วกันครับ




PART 1 ส่วนประกอบภายนอก





ตัวเครื่อง Cowon S9 มีน้ำหนักที่ค่อนข้างจะเบาเอามากๆ เพราะทำจากพลาสติกล้วนๆ โดยส่วนฝาหลังจะเป็นพลาสติกแบบดำด้าน ส่วนด้านข้างจะลงสีเทาแบบ Metalic เงา งานประกอบดูแน่นหนาดี ตัวที่ผมได้มาจะไม่ได้เงาแบบในรูปนะครับ ของผมจะเป็นสีเทาออกด้านๆหน่อย ดูแล้วน่าจะรักษาได้ง่ายกว่าตัวเงาๆน่ะครับ แต่แบบเงาๆนั่นก็ดูสวยดีเหมือนกัน ตัวปุ่มกดก็ทำได้ดูแข็งแรงดีครับ สัมผัสการกดลงปุ่มจะรู้สึกว่ามันแข็งๆหนืดๆหน่อย โดยเฉพาะปุ่มกลางที่เป็นปุ่ม Pause / Play จะค่อนข้างแข็งกว่าปุ่มอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้กดยากจนน่ารำคาญนะครับ แค่มันแข็งไปหน่อยเท่านั้นเอง



ด้านล่างจะเป็นช่องเสียบหูฟัง , USB และ ปุ่ม Power กับ Hold ซึ่ง ปุ่ม Power กับ Hold จะเป็นลักษณะแบบ Slide เหมือนของ PSP คืิอ ผลักไปด้านนึงก็จะเป็นการเปิดเครื่อง พอผลักอีกด้านก็จะเป็นการ HOLD ล๊อคปุ่มและหน้าจอ การ Slide ค่อนข้างลื่นดี แต่ตอบสนองช้ากว่าตัวรุ่นพี่อย่าง Cowon O2 ที่ผลักปุ๊บก็ติดปั๊บ เพราะตัว S9 จะ Delay นิดนึง แต่ก็ไม่ช้าน่ารำคาญแต่อย่างใด



ตัวแจ๊ค 3.5mm จะอยู่ช่วงกลางระหว่างปุ่ม Power และช่องเสียบ USB โดยจะถอยเข้าไปเป็นช่องอยู่ด้านในนิดนึง หนแรกที่เห็นผมคิดในใจเลยว่า มันต้องมีปัญหากับแจ๊คบางรุ่นที่เป็นหัวโดๆโดยเฉพาะของ Canare แน่ๆ แต่พอลองเสียบดูกับรู้สึกผิดคาด เพราะว่าทาง Cowon Design เอาไว้ได้ดีมากๆ พอลองเอาแจ๊คเข้าไปมันจะพอดิบพอดีเป๊ะ เหมือนออกแบบโดยใช้หัว Canare เป็นตัวยืนพื้น เพราะช่วงเหลี่ยมช่วงมุมเข้าล๊อคพอดิบพอดีได้อย่างน่าประหลาด ไม่มีอาการค้ำจนเสียบไม่เข้าแต่อย่างใด เรียกว่างาน Design ตรงนี้มาจากผู้ที่เชี่ยวชาญจริงๆ เพราะโดยส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยรู้เีรื่องนี้กันเท่าไหร่



น่าเสียดายอยู่อย่างที่ช่องเสียบ USB ดันไม่ได้เป็นแบบ Mini USB แต่เป็นหัวต่อเฉพาะของทาง Cowon เอง ซึ่งผิดฟอร์มไปจากรุ่นอื่นๆที่ให้เป็นแบบหัว Mini ซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ต้องระวังเรื่องสาย ห้ามหาย ห้ามขาด ห้ามเจ๊ง ไม่งั้นมีเครียดกันอย่างแน่นอน





ส่วนของจอภาพ



อย่างที่ผมเกริ่นไว้ในตอนต้น จอของ Cowon S9 เป็น AMOLED แน่นอนว่า คุณภาพของสีจะต้องเหนือกว่าจอ LCD ธรรมดาๆทั่วไป ทั้งยังมีมุึมมองที่กว้างกว่า ประหยัดพลังงานกว่า แถมยังดูในที่ที่แสงสว่างมากๆได้ เพราะจอแบบ OLED สามารถเปล่งแสงได้ด้วยตัวเอง ผิดกับพวก LCD ที่ต้องอาศัยแสงจาก Backlight ทำให้เปลืองพลังงานมากกว่า องศาในการมองก็แคบกว่า แถมสีก็จะด้อยกว่าอีกด้วย ดังนั้น OLED จึงเป็นอนาคตใหม่สำหรับจอภาพในปัจจุบัน




แล้วจอแบบ OLED คืออะไร ?



อันที่จริง ส่วนที่เป็นรายละเอียดของ OLED เนี่ย มันจะเยอะเอามากๆ และบางส่วนก็อาจจะไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ ดังนั้น ผมจะพยายามย่อยและย่อสรุปให้ได้ในใจความที่สุดและเสียเวลาในการอ่านน้อยที่สุดนะครับ ใครไม่สนใจก็ข้ามๆไปได้เลย


OLEDs หรือชื่อเต็มๆว่า Organic Light-Emitting Diodes ก็คือจอภาพที่ประกอบไปด้วยแผ่นฟิล์มบางๆของสารประกอบอินทรีย์ สามารถเปร่งแสงได้ด้วยตัวเองเมื่อได้รับพลังงานไฟฟ้า โดยจะมีโครงสร้างลักษณะคล้ายๆกับแซนด์วิช โดยภายในจะประกอบไปด้วยสารกึ่งตัวนำไฟฟ้าที่เป็นของแข็งที่ำทำจากวัสดุ อินทรีย์ซึ่งมีทั้งที่เป็น Polymer และ Small Molecule โดยจะมีความหนาราวๆ 100-500 นาโนเมตร พูดง่ายๆคือบา่งกว่าผมคนถึง 200 เท่าเลยทีเดียว จริงๆโครงสร้างของ OLED อาจจะมีทั้งแบบ 2 ชั้น หรือ 3 ชั้นก็ได้ แต่ในตัวอย่างที่ผมให้ดูจะเป็นแบบ 2 ชั้น




แล้วจอแบบ OLED มีกี่แบบ ?


https://www.msu.edu/~dunnjam7/oled-passive.gif https://www.msu.edu/~dunnjam7/oled-active.gif



จอแบบ OLED จะถูกแบบออกเป็นสองแบบหลักๆ คือ


แบบแรก ที่เรียกว่า PMOLED หรือ Passive Matrix OLED


แบบที่สอง ที่เรียกว่า AMOLED หรือ Active Martix OLED ซึ่งเป็นแบบที่ใช้ใน S9 นั่นเอง



ข้อแตกต่างระหว่างจอ OLED ทั้งสองแบบนี้คือ




ในส่วนของการผลิต PMOLEDทำได้ง่าย AMOLEDทำได้ยุ่งยากกว่า

การใช้พลังงาน PMOLEDมากกว่าแต่น้อยกว่า LCD AMOLED น้อย

ขนาดของจอ PMOLED ไม่เหมาะกับจอขนาด ใหญ่ AMOLEDเหมาะกับการทำจอขนาดใหญ่



[ ในส่วนของจอ S9 ]


จอของ Cowon S9 นั้น นอกจากจะเป็นจอแบบ AMOLED แล้ว ตัวจอยังเป็นจอแบบป้องกันรอยขีดข่วนด้วยครับ เหมือนกับจอของ iPOd Touch และ iPhone นั่นเองครับ ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องจอเท่าไหร่ เพราะไม่มีทางเป็นรอยง่ายๆแน่นอน สีสันของจอค่อนข้างเด่นและชัดเจน โดยเฉพาะเวลาดูภาพจะดูแล้วสดเอามากๆ ตัวจอเองก็สามารถปรับ Brightness ได้ถึง 6 ระดับเลยทีเดียว ซึ่งผมก็ปรับไว้จนสุดแหละครับ จอโดยรวมมันจะดูสว่างน้อยไปนิดนึงสำหรับผม แต่มันก็ไม่ได้มืดหม่นหมองแต่อย่างใด เพราะระดับความสว่างอยู่ในเกณฑ์ที่กำลังดีเลยทีเดียว แต่ผมมันพวกโรคจิตชอบจอสว่างมากๆ สว่างแบบแทนไฟฉายได้ยิ่งดี


สีที่เด่นๆอย่างพวกแม่แสงจะค่อนข้างโดดเด่นมากๆ โดยเฉพาะสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ ICON แบบ + กับ - ที่อยู่ในช่อง Zoom จะส่องสว่างและสดจนดูเหมือนเป็นถูกเจาะลงเป็นช่องและให้แสงจากหลอด LED พุ่งผ่านตรงช่องเลยทีเดียว ค่อนข้างแปลกตาจากปรกตินิดหน่อย เพราะผมใช้ LCD มามาก สีแดงมันก็ไม่เคยสดเด่นได้ขนาดนี้มาก่อน เลยค่อนข้างประทับใจเรื่องสีพอสมควร


การดูหนังก็ทำได้ไหลลื่นไม่มีติดขัด และไม่มีอาการ Ghost แบบที่เจอในจอ LCD ด้วย ภาพที่เคลื่อนไหวเร็วๆ หรือตัดไปตัดมาเร็วๆจะยิ่งเห็นได้ชัดว่าไม่มีเงาซ้อนใดๆเลย การทำงานทำได้ค่อนข้างน่าประทับใจเอามากๆ ในส่วนของการตอบสนองเวลาสัมผัสอาจจะรู้สึกแปลกใจนิดนึง เพราะบางจุดแค่สัมผัสก็จะตอบสนองทันที แต่ในบางจุดกลับต้องใช้แรงกดเล็กน้่อยเพื่อให้มันทำงาน โดยเฉพาะส่วนของการเข้า Mode Playlist และ Menu ที่ต้องออกแรงนิดนึง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำงานได้ดีไม่มีอาการหน่วงใดๆให้ได้เห็น จะมีแค่บางจังหวะที่กดถี่มากๆจนเครื่องตามตอบสนองไม่ทัน ก็จะมีอาการหน่วงหลุดให้เห็นบ้างเล็กน้อย


ขนาดหน้าจอแบบ 3.3 นิ้วก็ถือว่ากำลังดีทีเดียว แต่สำหรับผมจะชอบขนาดจอของตัว O2 มากกว่า เพราะใหญ่สะใจกว่ากันเยอะเลย แต่โดยรวมก็ถือว่าดีมากๆ ทั้งละเอียด สีสด คมชัด และสามารถใช้ท่ามกลางแสงสว่างมากๆได้สบายๆ ก็ถือว่าสอบผ่านในเรื่องคุณภาพจอครับ




Part 2 ส่วนของ Function



จุดเด่นๆหลักของ Cowon S9 นั้นก็คือ


- ระบบ Touchscreen ที่แม้จะไม่มี Multi Touch แบบของ Apple แต่เราก็สามารถใช้ระบบ Scoll เลื่อนชื่อเพลงขึ้นลงด้วยการไถแบบเดียวกับ iPod Touch ได้


- ระบบ Rotate ที่ใช้ G-Sensor ในการควบคุม ทำให้เวลาเราตะแคงจอ ภาพก็จะตะแคงตาม เหมือนกับที่มีใน iPOD Touch


- ระบบ Multitasking ซึ่งอันที่จริง การทำงานของ Cowon S9 เป็นแบบ Multitasking อยู่แล้ว พูดง่ายๆคือ ระหว่างที่โปรแกรมนึงทำงาน เราก็สามารถใช้งานอีกโปรแกรมได้ เช่น เราสามารถเปิดเพลงทิ้งไว้แล้วมาเปิดเอกสารที่เป็น file แบบ TXT ดูได้ แต่จะไม่สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมที่ต้องการใช้เสียงเหมือนกันได้ เช่นพวก ดูหนัง , เล่นเกมส์ Flash หรืออัดเสียงเป็นต้น จริงๆถ้าจะพูดตามตรงคึือ ใช้ร่วมกันได้เฉพาะกับโปรแกรมดูเอกสารเท่านั้นเอง แต่ก็แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้วครับ เพราะถ้าว่ากันตามตรง ระหว่างดูหนัง หรืออัดเสียง ผมคงไม่นั่งฟังเพลงอยู่แล้วล่ะ


ในส่วนของ Function การทำงานนั้น ตัว Cowon S9 ก็เหมือนกับ Mp3 Player ในรุ่นทั่วไป คือ จะมี Fuction หลักอย่างเช่น


- วิืทยุ FM

- อัดเสียงจากภายนอก และ อัดเสียงของวิทยุ

- ดูหนัง , ดูภาพ

- ฟังเพลง

และมีส่วนเพิ่มเติมอย่าง

- การใช้งานด้าน Flash Player

- การอ่าน Text



ซึ่ง ก็จะคล้ายๆกับของ Cowon D2 แต่มีข้อดีตรงที่ใช้่งานภาษาไทยได้ค่อนข้างเกือบสมบูรณ์เลยทีเดียว เรียกว่าสระไม่ลอยแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหากับเรื่อง ID Tage บ้าง อันนี้เราสามารถแก้เอาในภายหลังได้


ตัว MENU เองสามารถปรับเปลี่ยนได้สองแบบ คือเป็น MENU แบบ Full Color กับ Menu แบบสีไม่เต็มพิกัด โดยส่วนตัวผมก็ไม่เข้าใจว่าจะทำแยกทำไม เพราะการใช้งานมันก็ไม่ได้หน่วงอะไร แต่การที่มันสามารถเปลี่ยน Theme ของ MENU ไปมาได้แบบนี้ ก็แสดงว่า มันสามารถเปลี่ยน Theme เล่นได้ตามใจชอบ นั่นเอง ส่วนวิธีทำเดี๋ยวไว้ค่อยว่ากันอีกทีนะครับ


ตัว Font ของระบบสามารถเปลี่ยนเองได้นะครับ โดยการหา Font ที่เราชอบมาใส่เอาเองได้ในภายหลังแล้วไปปรับเลือกเอาได้เลยใน S9 ซึ่งวิธีทำก็ไม่ได้ยุ่งยากมาก เหมาะสำหรับคนที่อยากจะหา Font น่ารักมาใช้



ทีนี้เรามาดูกันในแต่ละ Function นะครับ


ส่วนแรกคือเรื่องของวิทยุ FM


ตัววิทยุ FM ของ Cowon S9 ต้องใช้สายของหูฟังเพื่อทำเป็นเสาอากาศเหมือน Player ทั่วไป การรับสัญญานก็ทำได้ค่อนข้างดีครับ แม้่อยู่ในสถานที่ที่มือถือผมไม่สามารถรับสัญญานวิทยุได้ แต่ตัว Cowon S9 ยังสามารถรับได้ตามปรกติ


ตัววิทยุสามารถเลือกได้ว่าจะให้เป็นแบบ ทศนิยม 1 ตำแหน่ง หรือ 2 ตำแหน่ง โดยเลือกเอาจากภูมิภาคที่มีให้เลือกในระบบ ทำให้ใช้งานกับวิทยุบ้านเราได้ค่อนข้างสะดวกทีเดียว


เสียงของตัว FM จะแบ่งเป็น mode Mono และ Stereo ซึ่งบางครั้งถ้ารับสัญญานได้ไม่เต็มที่ ระบบจะตัดให้กลายเป็นระบบ Mono เองโดยอัตโนมัติ ซึ่งเรื่องคุณภาพเสียง ผมว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียวครับ ถึงแม้จะไม่สามารถเคลียร์ Noise ไำด้เหมือนกับที่มือถือ SE K790i ทำได้ แต่เรื่องน้ำหนักเสียง มวล ทำได้ดีทีเดียว เสียงที่ออกจากวิทยุจะเด่นไปทาง กลางและเบส เสียงสูงกำลังดี ไม่จัดจ้าน ถ้าช่วงที่สัญญานวิทยุไม่ดี เสียงจะเปลี่ยนเป็นบางลง และมิติจะแปลกๆ แต่พอรับได้เต็มๆ เสียงก็จะอิ่มชัดเหมือนเดิม


วิทยุสามารถอัดเสียงได้โดยสะดวก ซึ่งบนหน้าจอจะมีปุ่มให้กดเพื่ออัดเก็บไว้ฟังอยู่แล้ว แถมวิทยุยังมีระบบ Scan อัตโนมัติพร้อมกับล๊อคสถานีให้ด้วยโดยการกดปุ่ม Scan แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เครื่องก็จะทำการเช็คคลื่นความถี่ทั้งหมด พร้อมกับล๊อคสถานที่รับเสียงได้ชัดที่สุดในขณะนั้นไว้ให้ ซึ่งตัว Cowon S9 สามารถจะล๊อคสถานีได้ทั้งหมด 24 สถานีเลยทีเดียว และเราสามารถมาปรับแก้และตั้งใหม่เอาเองได้ภายหลังได้ ก็ค่อนข้างสะดวกกับคนที่ชอบใช้ฟังวิทยุเอามากๆ




ในส่วนของการอัดเสียง



ปรกติ Player ของ Cowon ค่อนข้างทำได้ดีในเรื่องของการอัดเสียงอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัย D2 ด้วยซ้ำ พอเปลี่ยนมาเป็น Cowon S9 ในส่วนของการอัดเสียงนี้ก็ยังให้ความประทับใจได้อีกเช่นเคย เพราะเสียงที่ได้นั้น ชัดมากๆ แถมยังให้น้ำหนักและมิติที่ดีกว่าของ D2 ด้วย ระยะการรับเสียงก็ค่อนข้างดีทีเดียว เสียงที่อยู่ไกลๆก็ยังได้ยินชัดเจน ไม่มีอาการอุดอู้แต่อย่างใด แถมระหว่างอัด เราสามารถได้ยินเสียงที่เรากำลังอัดผ่านทางหูฟังได้อีกด้วย ทำให้เวลาเราอัดเสียง เราสามารถรู้ได้ว่าเสียงเบาเกินไปหรือไม่ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพเสียงได้อย่างสะดวก


ส่วนของการปรับในเรื่องอัดเสียงก็ไม่ยุ่งยาก เราสามารถเลือกได้ว่าจะเก็บเป็น file ที่ Bitrate เท่าไหร่ โดยมีให้เลือกตั้งแต่ 32K ไปจนถึง 256K เลยทีเดียว แถมยังสามารถเลือก Volume การอัดได้ด้วยว่า ต้องการให้เสียงที่ได้ดังแค่ไหน ซึ่งก็มีให้เลือกถึง 5 ระดับเลยทีเดียว เท่าที่ผมลองที่ระดับ 5 รู้สึกว่าเสียงจะดังและชัดดีมากๆ


นอกเหนือจากการใช้ไมค์แบบ Built-In แล้ว เรายังสามารถใช้ไมค์จากภายนอกได้อีกด้วย ซึ่งบนหน้าจอก็มีให้ปรับเลือกได้ว่า จะใช้ไมค์ในเครื่อง หรือใช้ไมค์จากภายนอก ซึ่งก็ดูสะดวกกับการใช้งานดีครับ





ในส่วนของการดูหนัง



จุดเด่นอีกอย่างของ Cowon S9 ก็ย่อมต้องเป็นการดูหนังแน่นอน ไม่งั้นจะใช้จอแบบ AMOLED ให้เสียเวลาทำไม ราคาก็โดดแพงขึ้นมาอีกตะหาก ซึ่งจากการทดสอบในเรื่องของภาพนั้น สีสันที่ออกมาถือว่าทำออกมาได้ดีัมาก ด้วยหน้าจอขนาดแบบ 16:9 ที่เป็นแบบ Wide Screen ทำให้การดูหนังทำได้สมบูรณ์ดีมาก เพราะโดยส่วนใหญ่ หนังจากถูกทำให้กลายเป็นภาพแบบ 16:9 ซะเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะหนังจากทาง Zone ฝั่งอเมริกา น่าเสียดายที่ตัว Cowon S9 ยังไม่สามารถ Support หนังแบบ Hi-Def เหมือนกับที่ Cowon O2 ทำได้ ไม่งั้นจะแจ่มกว่านี้


Cowon S9 จะ Support file แบบ AVI และ WMV เท่านั้น นอกนั้นหมดสิทธิ์ และรองรับ Code แบบ Xvide SP/ASP , WMV9 SP/MP โดยที่ Video ที่ Support จะอยู่ที่ 480X272 ที่ 30FPS และรองรับ Audio Codec ทั้ง Mpeg1 Layer 1/2/3 และ WMA ดังนั้น ใครที่จะแปลงหนัง เช็ค Spec ให้ถูกต้องด้วยนะครับ


เท่าที่ทดสอบการเล่น file แบบ AVI ยังไม่พบปัญหาว่าเล่นไม่ได้ ยกเว้น AVI ที่เป็น XVID ซึ่งบางครั้งจะมีปัญหาเล่นไม่ได้ ในขณะที่ File ที่เป็นแบบ WMV ยังไม่ค่อยจะเจอปัญหาอะไร ถ้าเป็น WMV มักจะเล่นได้แบบไม่ค่อยจะมีปัญหาอะไร การเล่น file หนังโดยรวมก็ต้องถือว่าใช้ได้ อย่างน้อยก็เยอะกว่า iPOD


เวลาดูหนังเราสามารถเลือกที่จะจับตะแคงเพื่อให้ Rotate กลายเป็นการดูแบบ Wide Screen หรือ จะดูในแบบแนวตั้งก็ได้ ถ้าดูแบบแนวตั้ง เครื่องจะโชว์รายละเอียดของหนังอันนั้นว่า ใช้ความละเอียดเท่าไหร่ และความต่อเนื่องของภาพที่กี่เฟรม รวมไปถึงระบบเสียงที่ใช้ถูกบีบอัดไว้ที่ bitrate เท่าไหร่ แต่ถ้าให้แนะนำ ผมว่าดูแบบ Wide Screen ดีกว่า เพราะดูแบบแนวตั้งก็เล็กเกินไป


การเล่นหนังค่อนข้างไหลเลื่อนครับ ภาพที่ได้ทั้งคมชัดและแสดงผลได้ดีเอามากๆ แถมเรายังสามารถเปิดในส่วนของ Track Index เพื่อเลือกช่วงของหนังที่เราอยากจะดูได้ด้วย โดยเครื่องจะแสดงภาพแบบ Thumbnail ออกเป็น 12 ช่อง แล้วมีตัวเลขเวลากำกับบอกอยู่ในแต่ละช่อง ทำให้สะดวกกว่าการเลื่อน Bar เพื่อหาช่วงที่เราอยากจะดูซะอีก เหมาะกับหนังที่ไม่สนเนื้อเรื่อง และจำเป็นต้องเลื่อนหา Track ที่เป็น Climax ของหนังนั้นๆ คิดว่าแฟนพันธุ์ฺแท้หนังประเภทนี้น่าจะรู้ตัวกันดี :D


มีข้อดีอยู่อย่างนึง คือ ตัว Cowon S9 จะมีระบบ lock ตำแหน่งล่าสุดที่เราดูไว้ ดังนั้น ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนไปดูหนังเรื่องไหน ถ้าเรากลับมาดูเรื่องเดิม ตัวเครื่องจะจำได้ว่า ล่าสุดเราดูถึงไหน พอเราย้อนกลับมาดูใหม่ เราก็สามารถดูเริ่มจากจุดที่ค้างได้เลย ถือว่าค่อนข้างสะดวกเอามาก แถมการดูหนังก็ไม่มีจังหวะหน่วงใดๆ ถ้าหนังเรื่องไหนดูได้ เพียงแค่กดเลือก ตัวหนังก็จะมาทันที ผิดกับ iPOD ที่จะมีอาการหน่วงเล็กน้่อย นอกจากนี้แล้ว เรายังสามารถ Rotate




ในส่วนของการดูภาพ



ในส่วน Mode การดูภาพถ่ายนั้น จริงๆลูกเล่นจะคล้ายๆกับทาง iPod Touch คือสามารถตะแคงทำ Rotate แล้วโชว์ Transition ค่อยๆหมุนจอแบบเดียวกันได้ แต่ไม่สามารถใช้ลูกเล่นแบบ Multi-Touch เหมือนกันได้ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรครับ เพราะของ Cowon S9 มี Zoom Bar มาให้ด้วย เอาไว้สำหรับเลื่อน Zoom เข้า Zoom ออก ซึ่งก็ทำงานได้ราบรื่น ไม่มีอาการหน่วงใดๆ แถมระหว่างดูภาพก็สามารถเปิดเพลงฟังได้ด้วยครับ นอกจากนี้เรายังสามารถตั้งให้เป็น Slide แบบอัตโนมัติได้ด้วย เพียงแต่การตั้ง Slide เราจะไม่สามารถจับตะแคงได้เท่านั้นเอง


จะมีปัญหาอยู่อย่างเดียวคือระบบการเลื่อนภาพ คือ เราสามารถไถไปด้านข้างเพื่อเลื่อนภาพแบบใน iPhone ได้ แต่มันจะมีปัญหาตรงที่ เลื่อนไม่ค่อยจะไปน่ะครับ ผมรอเลื่อนๆหลายที บางครั้งก็ไปได้ไหลเลื่อน บางทีก็ไม่ค่อยไป เท่าที่ดูจุดนี้ น่าจะเป็นปัญหาของ Firmware มากกว่า คิดว่า version ใหม่ที่ออกมาคงดีกว่านี้ เพราะของในเครื่องยังเป็นตัวเก่าอยู่ ยังไม่ได้โหลดตัวปัจจุบันมาลองดู ถ้าใครซื้อไปก็ลองโหลด version ใหม่ๆมาลองแล้วกันครับ




ส่วนของการใช้งาน FLASH


ตัว Cowon S9 สามารถใช้งานพวก Flash ได้สบายๆ โดยเฉพาะ Flash Game ทั้งหลาย แต่ก็ไม่ใช่ทุกเกมส์จะสามารถเล่นได้ เพราะบางเกมส์เขียนมาเพื่อให้ใช้งานร่วมกับคีย์บอร์ด และบางเกมส์ก็มักจะมีปัญหาเรื่องการแสดงผลกับตัว S9 เล็กน้่อย ถ้าว่ากันตามตรง มันก็ไม่ถึงกับเป็นปัญหาอะไร เพราะเราสามารถหาโหลดเกมส์ที่เป็น Flash สำหรับ S9 ได้สบายๆ และยังมี Community ของชุมชนชาว S9 อีกด้วย ในนั้นก็จะมีทั้งเกมส์ และ Theme ใหม่ๆ ให้ได้โหลดเปลี่ยนเล่นกันอย่างสนุกสนาน เกมส์ก็เป็นแบบคัดแล้วว่าเล่นกับ S9 ได้แน่นอน ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรืองนี้มากครับ


การใช้งาน Flash ที่เป็นเกมส์ ตัวเครื่องจะจับ Rotate ทันที ดังนั้นเราจะไม่สามารถเล่นเกมส์กับเครื่องในแนวตั้งได้ ต้องจับนอนลูกเดียว




ในส่วนของการใช้งานกับ file เอกสาร



ตัว S9 สามารถดู file เอกสารประเภท TXT ได้ โดยรองรับขนาดของ TXT ได้ไม่จำกัด ดังนั้นเราสามารถเปิด file TXT ที่มีขนาดใหญ่ๆได้สบายๆ การใช้่งานกับพวก TXT file เราไม่สามารถจับตะแคงเพื่อดูแบบ Wide Screen ได้ ต้องดูในแนวตั้งอย่างเดียวเท่านั้น


จุดเด่นของการดู file เอกสารของ S9 คือ เราสามาระเปลี่ยนสีพื้่นของ Background Screen ได้ ทำให้เราอ่าน text ได้สบายตาขึ้น แถมยังมีระบบ Auto Scroll ซึ่งเราสามารถกำหนดวินาทีเพื่อให้เลื่อนจอลงมาได้ด้วย เหมาะสำหรับคนขี้เกียจเอานิ้วมาไถจอลง หรือมือไม่ว่างเพราะต้องเอาไปใช้ทำอย่างอื่น เช่น กุมมือสาวๆเอาไว้ :D


ตัวหนังสือของ S9 ค่อนข้างใหญ่ ดูได้สบายตาแถมยังสามารถ zoom ได้ถ้าตัวหนังสือเล็กไป แต่ก็ยังมีปัญหากับภาษาไทยอยู่ แม้จะเห็นชื่อ file แล้ว แต่ตัวเนื้อหาด้านในก็ยังคงเป็นภาษาต่างดาวอยู่ดี ผมทดลองลง Font Tahoma ใส่เข้าไป ก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ คงต้องรอให้ทาง Cowon แก้ปัญหาจุดนี้อีกที




ในส่วนของการฟังเพลง



ในโหมดการเล่นเพลงเราสามารถจับตะแคงเพื่อเข้าสู่ Mode Cover Flow ได้นะครับ ก็เหมือนใน iPod touch หรือ iPhone นั่นแหละครับ คือ เครื่องจะโชว์รูปอัลบั้มได้เหมือนกัน และสามารถไถไปด้านข้างเพื่อเลื่อนปกได้ แต่การทำงานจะดูไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไหร่ คือมันจะมีอาการหน่วงๆบ้างนิดๆ ซึ่งก็น้อยกว่าของ iPOD Classic อีกครับ อันนั้นต้องบอกว่าหน่วงมากๆ แต่ถ้าจะว่ากันตามตรง ระบบ Cover Flow ของ Cowon S9 ก็ได้ไม่เหมือนทาง iPhone ซะทีเดียว เพราะมันจะมีระบบ Zoom Bar แถมอยู่ด้วย ทำให้เราสามารถย่อและขยายขนาดปกอัลบั้มได้ด้วย ซึ่งก็ช่วยเพิ่มช่วงการมองของอัลบั้มถัดไปให้เห็นได้มากขึ้น แถมยังช่วยให้การ slide ตัวของแต่ละปกดู Smooth ขึ้นอีกนิดด้่วยครับ


ในการ Slide เพื่อเลื่อน Cover Flow ถ้าเราไถไปด้านข้างยาวๆ แล้วเลือก Zoom ที่สุดเอาไว้ซึ่งมันจะโชว์ปกได้ครั้งละ 3 อัลบั้ม เวลาเราเลื่อนไถลไป เครื่องจะไม่เลื่อนให้ทีละอัลบั้ม แต่จะเลื่อนไปทั้งหมด 3 อัลบั้ม แล้วโชว์อีก 3 ปกใหม่ทันที ถ้าเกิด Zoom Out เพื่อให้โชว์ปกสูงสุด 5 อัลบั้ม เวลาเลื่อนทีนึง เครื่องก็จะเลื่อนทิ้งไป 5 อัลบั้ม แล้วก็โชว์ปกใหม่อีก 5 ปกแทน ถ้าจะให้เลื่อนทีละปกต้องไถนิดเดียวที่ด้านซ้ายสุด หรือขวาสุดของจอ ถ้าขี้เกียจไถก็ยังมี Tab Qucklist ที่โชว์ปกของเพลงต่อๆไปให้เลือกกันอีกด้วย


นอกจากนี้ยังสามารถสร้าง Folder ให้เพลงแต่ละอัลบั้มได้ด้วย แต่ต้องทำในช่วงที่เสียบเครื่องเข้าคอมนะครับ เพราะตัว Cowon S9 สามารถเข้าไปในส่วน Folder ต่างๆในเครื่องได้ ทำให้เราเข้าไปฟังเพลงที่อยู่ในส่วน Folder ต่างๆได้สบายๆ แถมยังสามารถอ่านชื่อ file ที่เป็ํนภาษาไทยได้อย่างสมบูรณ์ด้วย ( แต่อ่าน ID Tag ไม่ได้ ) และเราสามารถไถเพื่อให้ list มันเลื่อนขึ้นลงแบบ iPhone ได้ ถึงแม้จะไม่ดูนุ่มนวลเท่า แต่ก็ใช้งานได้ใกล้เคียงกันทีเดียวครับ


ระหว่างการเล่นเพลง เราก็สามารถจะปรับ EQ ได้ทันที แต่เป็นแบบ Auto EQ นะครับ ถ้าจะปรับเลื่อนกันแบบจริงๆจังๆ ก็ต้องไปเข้า Mode Setting ซึ่ง ระหว่างที่เราไปเข้า Mode Setting เราก็ยังสามารถฟังเพลงต่้อไปได้ครับ ต้องยกความดีความชอบให้ลูกเล่นแบบ Multi-Tasking


ในระบบการปรับแต่งเสียงนั้น ตัว S9 จะให้เราปรับเองได้ตามใจชอบอย่างอิสระและเก็บไว้่เป็น User EQ ได้ถึง 4 ช่อง พูดง่ายๆคือ เราสามารถ save เก็บ EQ ที่เราชื่นชอบได้ถึง 4 แบบด้วยกัน โดยในแต่ละ USER EQ เราจะสามารถปรับแต่งได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ รูปแบบ EQ พื้นฐาน ไปจนถึงการปรับแต่งตัว BBE+ Mode ที่สามารถเลือกระดับของ BBE , MACH2BASS ได้ หรือจะเลือกเปิด 3D Surround กับ MP Enhance ไปด้วยก็ได้ แถมยังมี Stereo Enhance ให้อีกด้วย เรียกว่าเป็นการปรับแต่งที่ตามใจคนใช้เอามากๆ เหมาะสำหรับคนที่ค่อนข้างซีเรียสในเรื่องการปรับแต่งเสียงให้โดนใจเรา


ในส่วนของ EQ พื้นฐานก็มีให้เลือกมากมายมหาศาล เริ่มตั้งแต่

- Normal ( นับไม๊ )

- BBE

- BBE Viva

- BBE VIVA2

- BBE Mach2Bass

- BBE MP

- BBE Headphone

- BBE Headphone 2

- BBE Headphone 3

- Rock , Jazz , Classic , Ballad , Pop , Club , Funk , Hiphop , Techno , Dance , Rap

และมีของแปลกเพิ่มมาอย่าง

- Wide , X-Bass , Hall และ Vocal


เรียกว่ามีให้เลือกปรับกันจนงงไม่รู้จะปรับกันยังไงเลยทีเดียว




PART 3 ส่วนของเสียง



สำหรับเรื่องของเสียง ผมเชื่อว่ามีหลายคนรออ่านอยู่ อยากรู้ว่าเสียงมันเป็นยังไง ดีหรือไม่ดี พอฟัดพอเหวี่ยงกับทาง iPOD ได้หรือเปล่า ซึ่ง ก่อนจะไปพูดถึงตรงนั้น ผมขอให้่รายละเอียดในเรื่องจุดเด่นที่ Player ตัวอื่นๆยังไม่มีกับระบบเสียงแบบ BBE


จริงๆตัวระบบเสียง BBE นี่ทาง Cowon ใช้กันมานานแล้วครับ ที่เห็นเด่นชัดก็คือตัว Cowon D2 ที่เอาระบบ BBE นำไปใช้ แต่นั่นก็เป็นระบบที่เก่าแล้ว เพราะของ Cowon S9 ใช้ระบบ BBE แบบใหม่กว่า เป็ระบบ BBE+ ที่เพิ่มความหลากหลายของการใช้งาน BBE เพิ่มขึ้นไปอีก ว่าแต่เคยนึกสงสัยกันบ้างไม๊ครับว่า BBE เนี่ยมันคืออะไร แล้วมันช่วยในเรื่องเสียงยังไง ดังนั้น ผมเลยขอเอารายละเอียดของ BBE มาให้ดูกันก่อนที่จะไปเข้าเรื่องเสียงของตัว S9 เต็มๆแล้วกันครับ



BBE คืออะไร ???


BBE คือ เทคโนโลยีในการทำให้่คุณภาพเสียงกลับมาสดใสมีชีิวิตชีวา ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการบันทึกเสียงโดยเฉพาะการทำ Remastering ที่ต้องอาศัย BBE มาช่วยทำให้คุณภาพเสียงมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เสียงที่ผ่านกระบวนการ BBE จะมีความสด ชัดเจน และเป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนกับการใช้่วิธีดันอีควอไลเซอร์โดยเฉพาะกับเสียงย่านสูงที่จะทำให้ เกิดอาการจัดจ้านเกินความจำเป็น ดังนั้นเสียงย่านสูงของ BBE จึงชัดเจนและนุ่มนวลชวนฟังกว่า


เทคโนโลยีของ BBE จะค่อนข้างมีผลชัดเจนกับพวก File บีบอัดในแบบ Lossy ทั้งหลาย เพราะ BBE จะช่วยชดเชยย่านเสียงที่ขาดหายไป ทำให้ Dynamic ถูกเติมเต็มให้ดียิ่งขึ้น เนื้อเสียงและความต่อเนื่องจึงดีมากขึ้นกว่าเดิม และด้วยความที่มันสามารถที่ว่านี้ ตัว BBE เลยทำให้เบสดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งแน่น และชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยที่เสียงกลางไม่บวม และเสียงแหลมไม่สูญเสียไป ดังนั้นมือเบสบางคนเลยจะค่อนข้างชอบระบบของ BBE มากๆ และในตัว Cowon S9 กับ D2 กับมีระบบ BBE แบบ Mash3bass ที่ช่วยเพิ่มเบสโดยเฉพาะ คล้ายๆกับ Megabass ของ Sony แต่คุณภาพดีกว่า


ใน Cowon S9 จะมีระบบ BBE+ อยู่ซึ่งจะแยกการทำงานออกเป็น


- BBE เพิ่มคุณภาพเสียงให้มีความชัดเจนมากกว่า


- BBE Viva สร้างเสียงรอบทิศทา่งในแบบ 3D Surround ( เท่าที่ลองนี่ยังสู้่ Dolby Headphone ไม่ได้ )


- BBE Mach3Bass เพิ่มคุณภาพเสียงและเน้นพิเศษที่เบสโดยเฉพาะ


- BBE MP เพิ่มคุณภาพเสียงโดยการชดเชยเสียงที่หายไปจากขั้นตอนการบีบอัด เหมาะกับพวก Lossy


- BBE Headphone เพิ่มคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้นและเหมาะสมกับการใช้งานกับพวกหูฟังโดยเฉพาะ





มาเข้าเรื่องเสียงของ Cowon S9 กัน


เริ่มต้นมาผม set ไว้ที่ Normal ก่อน เพราะต้องการฟังประสิทธิภาพจริงๆของเครื่อง ไม่รู้ว่า Default ของเครื่องนี่ทาง Cowon set แบบไหนไว้ เพราะอย่าง Cowon O2 จะ set พวก BBE เอาไว้เสร็จสรรพเลย แต่ตัวนี้ตอนได้มาใหม่ๆ กลับ set ไว้ที่ POP ครับ ซึ่งคิดว่าเครื่องเปิดกล่องใหม่ๆน่าจะ set แบบอื่นไว้มากกว่า เผอิญเครื่องนี้เสียรู้ให้ชายอื่นมาก่อนแล้ว เครื่องเลยอาจจะ set ไว้ตำแหน่งไม่เหมือน Default ครับ


กำลังขับของ Cowon S9 ถือว่าให้มาได้ดีมากครับ ไม่ได้ด้อยกว่า iPOD Classic แต่อย่างใด สามารถขับ Fullsize ที่ไม่กินกำลังขับมากๆได้ ผมเทียบด้วย Ultrasone HFI-580 ที่ Mp3 Player บางตัวขับไม่ออก ตัว Cowon S9 ก็ขับได้สบายๆ แถมยังค่อนข้างให้มิติที่ดีทีเดียว แม้ว่าการปรับโหมด BBE จะทำให้ image ที่เด่นชัดมากขึ้น แต่ก็ทำให้ขนาด image ใหญ่จะรู้สึกว่ามิติลดลงนิดหน่อย แต่การตั้งไว้ที่ Normal ก็ให้มิติที่ดีอยู่แล้วครับ Style การให้มิติจะออกไปทาง iPOD Classic มากกว่า iPOD Touch ครับ แต่ถ้าพูดกับถึงภาพรวม ผมว่ามิติของทาง iPOD Classic ก็ยังจะดูดีกว่าเล็กน้อย


เสียงที่เด่นที่สุดของ Player ตัวนี้น่าจะเป็นย่านสูงครับ เป็น Player ที่ให้เสียงสูงได้ดีมากๆทีเดียว โดยเฉพาะช่วง impact ของย่านสูงที่ชัดเจนและมีน้ำหนักที่ดีมากๆ ทำให้สามารถได้ยินน้ำหนักการลงสายกีต้าร์ได้ชัดเจนมากเลยทีเดียว ผมลองเอาหูฟังพวก Soundmagic PL11 กับ PL30 ก็ช่วยให้สองตัวนี้ได้ Dynamic ย่านสูงที่ดีขึ้นมาอีกโข แถมเสียงไม่จัดจ้านบาดหูด้วยครับ เสียงค่อนข้างแน่น ชัดเจน เรียกว่าพอย้อนกลับไปฟัง iPOD จะรู้สึกว่า iPOD นุ่มนวลลงเยอะทีเดียว การเก็บรายละเอียดก็พอกันกับที่ iPOD ทำได้ ปลายเสียงสูงก็ทอดตัวยาวได้พอๆกัน เฉพาะส่วนย่านนี้ผมว่าดีกว่า iPOD ด้วยซ้ำครับ


เสียงเบสนี่โดยปรกติแม้ไม่้ปรับอะไรก็ให้เยอะกว่า iPOD อยู่แล้วครับ แถมยังให้ impact ได้ดีกว่าด้วยนิดนึง แต่ถ้าปรับเข้า Mode BBE โดยเฉพาะ Mash3Bass จะให้ impact ของเบสที่ดียิ่งขึ้น และมี Deep เบสมากยิ่งขึ้น จริงๆน้ำหนักเบสก็พอๆกับที่เค้าโม้เอาไว้เรื่องระบบ BBE นั่นแหละครับ แค่เด่นชัดขึ้น มวลดีขึ้น เนื้อดีขึ้น แต่มันก็ไม่เหมือนกับที่หูฟังทำได้อยู่ดี ส่วนนึงก็อยู่ที่ศักยภาพหูฟังด้วยว่าจะทำให้เบสกระชับแน่นได้แค่ไหน เท่าที่ลองเลือก Mode Normal ช่วง Deep ที่ปรกติได้ยินจาก iPOD เบาๆหน่อย พอมาลองฟังของตัว S9 จะรู้สึกว่ามันเด่นชัดกว่า จังหวะ impact ของ Drum Bass ก็เด่นและแน่นกว่า


เสียงกลางก็ Focus ได้เด่นชัดดีครับ แต่เนื้อจะน้อยไปหน่อย จะแพ้ iPOD ก็ตรงเสียงกลางนี่แหละครับ เพราะเสียงกลางของ S9 เนื้อจะบางกว่าของทาง iPOD แบบรู้สึกได้ชัดเจนทีเดียว แม้ว่า impact เสียงกลางจะไม่หนีกันเท่าไหร่ การเก็บรายละเอียดของกลองก็ทำได้ไม่แพ้กัน แต่จะไปแพ้ก็ตรง Vocal นี่แหละครับ เพราะ Image ตรงส่วน Vocal ของ S9 ยังไม่เด่นชัดเท่าของทาง iPOD จริงๆมันก็ดีกว่า player หลายๆตัวในท้องตลาดอยู่แล้ว คือถ้าไม่ฟังเปรียบเทียบ หรือไม่เคยใช้ iPOD มาก่อนก็คงไม่รู้สึกอะไรครับ แต่ถ้านำมาเปรียบเทียบปั๊บ จะรู้สึกทันทีว่า การ Focus Image ของ iPOD Classic ยังคงทำได้ดีกว่า แม้การปรับ BBE จะช่วยให้ image ดูเด่นชัดขึ้น และอิ่มขึ้น แต่ก็สูญเสียมิติไปอีกเล็กน้อย และก็ยังสู้ image ของทาง iPOD ไม่ได้อยู่ดี แต่นอกนั้นถือว่าดีมากครับ


image ของกลองมีความชัดเจนในขั้นที่เรียกได้ว่าดีมาก การแยกแยะ image กลองมีความชัดเจน สามารถสัมผัสตำแหน่งการลงกลองได้ชัด เรียกว่าเห็นภาพพจน์ได้ค่อนข้างชัดเจน รายละเอียดของกลองก็ไม่มั่ว ฟังแล้วแยกแยะรายละเอียดของกลองแต่ละชนิดได้ชัดเจน จริงๆความสามารถต้องถือว่าพอๆกับ iPOD นั่นแหละครับ แต่เสียงกลอง และเสียงร้องจะออกแข็งกว่าทาง iPOD ครับ


การปรับส่วนของ BBE ก็ค่อนข้างให้ผลกับเสียงค่อนข้างสูงครับ อย่างการปรับ BBE ธรรมดา จะทำให้รู้เสียงมีความสดมากขึ้นครับ ย่านกลาง และสูงก็ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะ image ในส่วนเสียง Vocal ที่จะเด่นขึ้นกว่าตอนที่อยู่ใน Mode Normal แทบเบสก็มีความกระชับตัวมากขึ้นด้วย


ในส่วนของ BBE Viva ที่เป็นส่วนที่ทำให้เกิดเสียงแบบ 3D Surrond จะมีสอง Mode คือ BBE Viva และ BBE Viva2 ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างสองอันนี้คือ Viva2 จะให้เบสที่เยอะกว่า VIVA ธรรมดา แต่พอเปิด Mode Viva ปั๊บ จะรู้สึกว่า soundstage กว้างขึ้นอีกหน่อย และรู้สีกว่า image เสียงร้องมีความเป็น 3 มิติขึ้น แต่โดยส่วนตัวรู้สีกว่าเสียงที่ได้ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ ไม่ใช้จะดีกว่า


ส่วนของ BBE Mash3Bass ก็คงไม่ต้องพูดถึงมากนะครับ เปิดปุ๊บ เบสตรึม โดยเฉพาะช่วง Deep เบส ที่มาอย่างอลังการมาก ขนาดของเบสก็เพิ่มขึ้น จากปรกติ image ไม่เท่าไหร่ ก็กลายไปใหญ่โตมโหฬาร คงจะถูกใจคอเบสอย่างแน่นอน ข้อดีคือ การปรับเบสไม่ได้ทำให้เสียงกลางบวมตาม ด้วยความสามารถของ BBE นั่นเอง ที่จัดการขยายเฉพาะเสียงย่านต่ำอย่างเดียว จริงๆมันก็มีผลกระทบติดมาเล็กน้อย คือทำให้ได้มวลของ Vocal เพิ่มมาอีกนิดหน่อยด้วย


สำหรับ BBE MP ไม่ค่อยให้ผลที่แตกต่างกับ BBE ธรรมดามากนัก เรียกว่าฟังแล้วไม่ต่างเลยก็ได้แต่ส่วนเพิ่มพิเศษมาใหม่อย่าง BBE Headphone กลับให้ผลที่ค่อนข้างแตกต่าง


BBE Headphone จะให้มาทั้งหมด 3 แบบ คือ Headphone 1 ,2 และ 3 โดยเสียงของ Headphone 1 จะคล้ายกับการเอา VIVA และ BBE Mash3Bass มารวมกัน ผลที่ได้คือ soundstage กว้างขึ้น เสียงร้องโปร่งลอยขึ้น และเบสที่เยอะขึ้น แต่ก็จะไม่ก้องเท่า VIVA และเบสไม่หนาเท่า Mash3Bass เสียงฟังแล้วจะดูลงตัวกว่าทั้งคู่


ในขณะที่แบบ Headphone 2 เสียงจะลดความเป็น 3D surround ลงจาก Headphone1 อีก step นึง และลดเบสลงอีกหน่อย จะคล้ายๆกับ BBE Viva + BBE ธรรมดา คือน้ำเสียงจะเปิดกว่า BBE ธรรมดา และ soundstage กว้างกว่านั่นเอง


ส่วนแบบที่ 3 กลับให้เบสที่เยอะที่สุด เสียงกลางและเบสของแบบที่ 3 จะเด่นขึ้นกว่าของ Headphone1 และ Headphone 2 ทำเอาชิ้นดนตรีและเสียงคลอรัสเล็กลงไปทันที เท่าที่ลองทุกแบบ โดยส่วนตัวผมคิดว่า ใช้ BBE ธรรมดาก็พอ






สรุปโดยรวมตัว Cowon S9 ให้เสียงที่ฟังค่อนข้างสนุกสนาน กำลังขับเรียกได้ว่าดีทีเดียว ความอึดของแบตนี่ผมยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้ลองแบบระยะยาวดูซักครั้ง แต่เท่าที่ลอง test มา แบตก็ไม่ได้ลดเร็วแต่ประการใด ชาร์ตแบตแบบเต็มๆไว้ เปิดเล่นไปเล่นมาก็ลดเต็มที่แค่นิดหน่อย ด้านจอเองก็ค่อนข้างดี สีสดมากๆ แต่จะไม่สว่างเว่อร์เท่ารุ่นพี่อย่าง Cowon O2 อันนั้นสว่างมาก


การอัดเสียงก็ถือว่าเด่นมากๆทีเดียว การฟังวิทยุก็ทำได้ค่อนข้างดี การดูหนังก็ำทำได้โอเค ลูกเล่นเวลาดูหนังนี่ผมชอบนะ เพราะไม่ค่อยจะเจอว่า player ตัวไหนให้ความสำคัญได้เท่าตัวนี้ ระบบการทำงานก็รวดเร็ว เทียบเวลาจากที่ปิดแล้วก็เปิดเครื่อง ช่วงเวลาบู้ตเข้าระบบค่อนข้างสั้น อาจจะมีให้รอบ้างก็นิดหน่อย น่าจะราวๆ 2 วินาทีได้ ก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างทันใจเลยทีเดียว แถมตัวเครื่องเองยังสามารถฟังเพลงผ่าน Bluetooth ได้อีกด้วย ก็ถือว่าเป็น Player ที่น่าสนใจอีกตัวนึงครับ


เสียอย่างเดียวที่เพิ่ม mem ไม่ได้ น่าจะให้ช่อง SD Card มาเหมือนกับของ D2 ด้วย ไม่งั้นจะดียิ่งกว่านี้ครับ อ้อ ตัวเครื่องรองรับ File แปลกๆอย่าง APE ด้วย เหมาะสำหรับคนที่ชอบเพลง Classic ครับ เพราะใน net ชอบทำเพลง Clasic ให้เป็นแบบ APE ครับ โหลดมาก็ฟังได้เลย ไม่ต้องนั่งแปลงให้เสียเวลา :D






SPEC ครับ

Video(Touchscreen)
Display - 16million colors, 3.3" 16:9 Wide AMOLED, 480x272
Feature - Capacitive touchscreen interface

Audio
Channel - Stereo
Frequency range - 20Hz ~ 20KHz
Max output - Stereo, Left 29mW + Right 29mW (16 Ohm earphones)
S/N ratio - 95dB

Power
Battery - Built-in rechargeable lithium polymer battery
Battery charging - USB : About 5 Hours ( under condition of 5V/500mA or higher)
USB Power Adapter 1 : About 3 Hours ( under condition of 5V/1.0 A or higher)

Capacity
Flash memory - 4GB/8GB/16GB, FAT32 file system 2

USB interface
USB device - USB 2.0 High Speed

Bluetooth
Version - Bluetooth ver. 2.0 + EDR
Profile - A2DP, AVRCP Profile

FM radio
Frequency range - 87.5~108 MHz (KR,US,EU), 76~108 MHz (JP)

AV OUT
Video - Composite
Audio - Stereo
TV system - NTSC / PAL

Button
6 Buttons - POWER&HOLD Switch, FF, REW, VOL+, VOL-, PLAY

General
Size - 2.2(W) x 4.17(H) x 0.5(T) inch
Weight - 2.7oz (battery included)
Operating temperature - 0? ~ 40?
G-Sensor - Auto pivot support

System requirements
CPU - Pentium III 500Mhz or higher
OS - Windows Vista/ XP / 2000 / ME
MAC OS 10.X/ Linux v2.4 or higher (support only for data transfer)
USB port - USB 2.0 High Speed recommended

Applications

Movie player
File format - AVI, WMV
Video codec - Xvid SP/ASP, WMV9 SP/MP
Video resolution - 480x272, 30 fps (recommended)
Audio codec - MPEG1 Layer 1/2/3, WMA
Subtitle - SMI
Playback time - Approx. 11 hours


Music player
File format - MP3/2/1, WMA, FLAC, OGG, WAV, APE
Audio codec - MP3 : MPEG 1/2/2.5 Layer 3, ~320Kbps, ~48KHz, Mono/Stereo
WMA : ~320Kbps, ~48KHz, Mono/Stereo
OGG : ~Q10, ~44.1KHz, Mono/Stereo
FLAC : Compression Level 0 ~ 8, ~44.1KHz, Mono/Stereo
WAV : ~48KHz, 16bit, Mono/Stereo
APE : Fast, Normal, High 16Bit, Version 3.97~3.99
META TAG - ID3 V1, ID3 V2.2/V2.3/V2.4,Vorbis Comment, MP4 Tag
JetEffect 2.0 - 30 Presets (26 Presets + 4 User presets)
EQ - 5 Band, EQ Filter
BBE+ : BBE, Mach3Bass, MP Enhance, 3D Surround
STE - Stereo Enhance
Lyrics - LDB 1.0, 2.0
Playback time 3 - Approx. 55 hours


Recording - Support built-in microphone recording and line-in recording


Photo
File format - JPG
Resolution - Unlimited (excluding Progressive jpeg format)


Document
File format - TXT
File size - Unlimited

ETC - Flash player, Calculator



3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ถ้าเอาเรื่องเสียงอย่างเดียว

ตัวนี้กะ classic แตกต่างกันตรงไหครับ

G7 กล่าวว่า...

เอาเรื่องเสียงอย่างเดียวเหรอครับ

ตัวนี้ เสียงสูงชัดและดีกว่า Classic ครับ และสามารถปรับเบสให้ได้มวลมากกว่า Classic

แต่เสียงกลางของ Classic ดีกว่า แน่นกว่าครับ

บุคลิกเสียงของ S9 จะออกทางสดชัด แต่ของ classic จะออกนุ่มนวลกว่าครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มีขายที่ไหนบ้างอ่า