เห็นกล่องของ Monster Turbine ครั้งแรกผมถึงกับตกใจเลยครับ เพราะกล่องดูหรูหราเอามากๆ ตัวหูฟังเองก็ Design ได้สวยมากๆ วัสดุที่ใช้ก็ดูดีมากเป็นอลูมีเนียมที่หนักพอตัว แถมการเก็บรายละเอียดแต่ละส่วนก็ทำได้เนี้ยบและดูดีทั้งหมด กระทั่ง Pounching ก็ ดูดีไปด้วย เสียอย่างเดียวตรงช่วงวงสีที่แสดงว่าอันไหนเป็นข้างซ้าย อันไหนเป็นข้างขวา มันดูวงเล็กไปนิดจนไม่ค่อยเด่น เล่นเอาผมหาไม่เจอว่าซ้ายขวาอยู่ไหนตั้งหลายวัน เพิ่งจะมาถึงบางอ้อเมื่อไม่กี่วันมานี้เองครับ ปรกติผมต้องส่องดูด้านใต้หูฟังเอา เพราะมันจะมีเขียน L กับ R ไว้ กว่าจะรู้ว่าเค้าทำสีเป็นสัญลักษณ์ไว้ให้แล้วก็ตอนที่กำลังจะ review นี่แหละครับ ( น่าอายจัง )
ในตอนแรกที่ผมได้ยินชื่อว่ามาจากค่าย “Monster” ทีเด่นเรื่องทำสายที่ให้เสียงหนาๆ ทำให้ผมคิดว่า Monster Turbine ไม่ น่าจะให้ย่านสูงได้ดี เพราะเทียบเอากับหูฟังจากค่ายอื่นๆที่เด่นเรื่องเบส ก็มักจะไปเด่นเรื่องย่านสูง แต่พอได้ฟังปั๊บ ก็ต้องเปลี่ยนความคิดทันที เพราะตัว Monster Turbine ให้เสียงย่านสูงได้ดีผิดกับที่คิดไว้มากเลยทีเดียวครับ
เสียงสูงของ Monster Turbine ชัดเจนและเป็นประกายดีมากๆ แม้จะไม่เท่าพวกหูฟังแบบ Balance Armature ก็ตาม แต่ Driver แบบ Dynamic เน้นเบส ทว่ายังรักษาคุณภาพย่านสูงได้ดีขนาดนี้ถือว่าหาได้ยากทีเดียวครับ จุดเด่นในส่วนย่านเสียงสูงของ Monster Turbine คือตรงส่วนของหัวโน้ต หรือ Dynamic-Impact ที่ ให้ความชัดเจนได้ดีมากๆ ดังนั้นเสียงย่านสูงจะให้ความชัดเจนและน้ำหนักที่ดี โดยเฉพาะไลน์กีต้าร์ที่เวลากรีดลงแต่ละครั้งก็จะได้ยินเสียงชัดและรับรู้ถึง ตัวตนของกีต้าร์ได้ดีเอามากๆ กีต้าร์ทั้งพลิ้ว เป็นตัวเป็นตน ไม่มีเสียงจัดจ้านให้ระคายหู เสียดายนิดนึงตรงย่านสูงยังขึ้นได้ไม่สุด แต่ก็ถือว่าคุณภาพเหนือกว่าหูฟังหลายๆตัวเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะหูฟังในระดับราคาใกล้ๆกัน
เสียงตระกูลไฮแฮทและแฉเองก็มีความชัดเจนอยู่ในขั้นดีมากๆทีเดียว โดยเฉพาะการให้รายละเอียดของแฉที่ปรกติเป็นข้อด้อยของพวก Driver แบบ Dynamic ที่เป็นสายเน้นเบสเป็นหลัก เพราะพวกนี้มักจะให้เสียงแฉที่ติดขุ่น บ้างก็บาง ฟังแล้วรู้สึกเหมือนแฉไม่ค่อยออก แต่ตัว Monster Turbine ให้เสียงแฉได้ชัดเจนเอามากๆ แม้จะเก็บรายละเอียดได้ไม่เท่ากับ UE Triple.fi 10 pro แต่ ก็ไม่ด้อยกว่าหูฟังตัวอื่นๆในระดับสูงๆแน่นอนครับ แถมจังหวะของไฮแฮทก็มีความชัดเจนมาก ฟังแล้วรับรู้ถึงน้ำหนักที่แตกต่างระหว่างแฉและไฮแฮทได้สบายๆ แถมหูฟังยังแยกชิ้นดนตรีได้ดีอีก ทำให้ได้ยินเสียงแฉในแต่ละใบได้อย่างชัดเจน ไม่มาปะกันจนฟังไม่รู้เรื่องแม้แต่นิดเดียวครับ
เสียงกลางของ Monster Turbine จะไม่ได้เน้นมวลเยอะมากมาย แต่เน้นขนาด image ที่ใหญ่ ผมว่าใหญ่ใกล้เคียงกับพวก Full-size บางรุ่นด้วยซ้ำครับ แต่ด้วยความที่ขนาดใหญ่ ทำให้รูปร่าง image จะดูไม่สมส่วนเท่าไหร่ โดยเฉพาะพวกเสียงร้อง ทำให้ image ของ เสียงร้องเลยจะออกเป็นแบบวงรีเล็กน้อย แต่เนื้อของเสียงดีมากทีเดียวครับ ไม่ได้กลวงเหมือนหูฟังหลายๆตัว สไตล์เสียงร้องจะออกติดขุ่นเล็กน้อย แต่ได้ย่านสูงมาช่วยชดเชยทำให้มันไม่รู้สึกขุ่นมาก เสียง Vocal ก็เลยชัดเจน และออกโทนติดนุ่มหน่อยนึง คนที่ฟังเพลงแล้วไม่ชอบเสียงย่านสูงจัดๆที่กัดหูน่าจะฟังตัวนี้ได้ไม่ยากครับ
ที่ชอบอยู่อย่างคือเวลาฟังเพลงที่ Vocal เด่นๆ แล้วมีเสียงผู้หญิงร้องเป็นหลัก เสียงกลับไม่ขุ่นมากครับ กลับกลายเป็นเสียงออกชัดใสและชัดเจนมากๆ แถมยังออกโทนหวานๆใสๆด้วยซ้ำครับ การ Focus ของ image เสียง ร้องก็ทำได้ดีครับ มีความเป็นตนชัดเจนและอยากตัวโดดเด่นแบบได้ยินชัดเจนทีเดียว ในขณะที่เวลาฟังเสียงนักร้องชายที่โทนออกทางลงต่ำๆก็ให้ความรู้สึกถึงย่าน ต่ำๆได้ดีแบบไม่มีปัญหาครับ เป็นหูฟังที่ครบเครื่องอย่างน่าแปลกทีเดียว
เสียงกลองเองก็ค่อนข้างเด่นเอามากๆครับ impact ของกลองจัดได้ว่าดีมากๆครับ น้ำหนักที่ลงมีความชัดเจนเวลาไม้กระแทกลงบนหนังหน้ากลอง ปลายเสียงก็ยังทอดตัวต่อโดยไม่มีอาการห้วน หรือ “แป้ก” เหมือนกับ Shure E4C ด้วยครับ เนื้อของเสียงจะออกหนาๆหน่อย ทำให้เสียงสแนร์เลยดูหนาไปด้วย จะรู้สึกเลยว่าสแนร์มันจะไม่ใสมาก ออกแนวแน่นๆมากกว่า
เสียง เบสถือว่าเป็นเสียงที่เด่นที่สุดสำหรับหูฟังตัวนี้ทีเดียว เพราะเบสมีความแน่น ชัดเจน แถมยังให้ปริมาณที่ค่อนข้างเยอะเอามากๆด้วย เบสให้รูปร่างที่ดีเอามากๆ และยังเก็บรายละเอียดได้ดี ช่วงที่เด่นๆจะเป็นช่วง impact เบส และช่วงของ Deep เบส ที่ทั้งกระแทกกระทั้นได้ดี และลงได้ลึก ตัว Middle เบส ให้น้ำหนักที่ชัดเจนและปริมาณเนื้อเยอะเอามากๆ เบสถ่ายทอดได้ดีต่อเนื่องไม่มีอาการเก็บตัวเร็วแม้แต่อย่างใด การถ่ายน้ำหนักจากหนักไปเบา โดยเฉพาะช่วงที่เบสกระแทกเข้ามา และค่อยๆผ่อนจางหายไป ก่อนที่ลูกใหม่จะพุ่งกระแทกอีกครั้งนั้น ทำได้ดีมากๆ มีการไล่จากหนักไปเบาได้ชัดเจน ไม่มีอาการเนื้อเบสกลวงหายไประหว่างที่เบสผ่อนตัวเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เนื้อเบสช่วง Middle อาจจะยังไม่แน่นและเดินได้ลื่นไหลเท่ากับของ Shure SE530 และ Shure E5C นะครับ นอกนั้นไม่ด้อยกว่าแน่นอน
ที่น่าประทับใจมากๆคือเบสไม่กวนเสียงกลางเลยทั้งๆที่ขนาด image เบสก็ไม่ใช่น้อยๆ แถมยังให้รายละเอียดได้ชัดเจนมากๆ ส่วนที่เป็นเสียง Drum Bass เวลามือกลองเหยียบลงบนกระเดื่องแต่ละครั้ง เสียงจะให้น้ำหนักที่แตกต่างกับกีต้าร์เบสที่มือเบสคอยสไลด์ไล่ตามจังหวะของ Drum Bass อย่าง ชัดเจน โดยเฉพาะเวลาเจอเพลงที่มีช่วงลงกระเดื่อง กับช่วงที่มือเบสเดินเบสตามจังหวะกระเดื่อง เสียงจะแตกต่างกันแบบรู้ได้เลยครับว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่เบสกำลังไหลตามกระเดื่อง ส่วนช่วงนี้เป็นช่วง kick Drum Bass แบบ เปล่าๆ ในขณะที่เสียงพวกนี้ถ้าไปฟังกับหูฟังรุ่นอื่นๆ แทบจะแยกเสียงของกระเดื่องกับกีต้าร์เบสไม่ออกเลยทีเดียว ทั้งๆที่ปริมาณเบสใกล้ๆกับของ Monster Turbine เอามากๆ แต่คุณภาพยังถือว่าห่างกับเยอะพอสมควร
เห็นชมขนาดนี้แต่ตอนแกะกล่องออกมาใหม่ๆนี่ เบสบวมมากครับ โดยเฉพาะช่วง Middle เบสที่มีเสียงปลายเบสครางออกมาตลอดเวลา ต้อง burn ถึง 200 ชั่วโมง ทีเดียวครับ อาการเบสครางถึงจะหายและกลายเป็นเบสที่มีคุณภาพดีเอามากๆ ข้อเสียมีอย่างเดียวคือ ขนาดของเบสไม่ค่อยสัมพันธ์กับขนาด image ของพวก Vocal เท่าไหร่ ไม่เหมือนตัว HD650 ของ Sennheiser ที่ตัวนั้นจะให้ Balance ของ image ใน แต่ละชิ้นดนตรีได้ดีกว่า พอเสียงเบสมันดูใหญ่กว่าเสียงร้อง ก็ทำให้เบสตัวนี้ค่อนข้างจะเด่นล้ำกว่าทุกๆย่านครับ บางคนเลยอาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะให้ความรู้สึกเหมือนว่าเบสมันเยอะเกินไป แต่ถ้าฟังไม่ดังมาก หรือฟังดีๆจะรู้สึกว่าน้ำหนักมันกำลังดีอยู่แล้ว ติดที่ขนาดมันใหญ่ไปหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าเราขนาด image ของเบสได้ ตัวนี้จะลงตัวสุดๆเลยครับ
มิติโดยรวมของ Monster Turbine อาจจะไม่ได้ให้ Soundstage ที่กว้างสุดกู่เหมือน Super.fi 5 pro และไม่ได้มิติเสียงกลางที่ลึกเหมือน SE530 แต่ Style การให้มิติจะคล้ายๆไปทาง Shure E5C เอามากๆครับ เพราะจะเน้นออกทางด้านข้างมากกว่าขึ้นไปด้านบน soundstage ถือว่ากว้างและอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว แต่ด้วยขนาด image ของเสียงร้องและ เบสที่ใหญ่หน่อย ทำให้รู้สึกว่ามิติเสียงกลางจะไม่ค่อยลึกเท่าไหร่ จุด เด่นของตัวนี้จะอยู่ที่การแยกชิ้นดนตรีที่วางแยกออกจากกันได้ดีมากๆ ค่อนข้างเป็นเอกเทศด้วยครับ ชิ้นดนตรีนี่ไม่มีมาปนกันให้น่ารำคาญเลย การแยกชิ้นดนตรีหลายๆชิ้นจะลึกเข้าไปเป็น 3 มิติ ด้วยซ้ำครับ โดยเฉพาะพวกกลองที่อัดมาดีๆ และวางตำแหน่งไว้ดีๆ จะรู้สึกถึงตำแหน่งกลองในแต่ละส่วนเลยครับ ทั้งตำแหน่งของทอม แฉ และไฮแฮท ที่ค่อนข้างจะให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ที่สุด ข้อเสียอย่างแรกคือ โทนโดยรวมจะออก Dark หน่อยๆ คนที่ชอบเสียงแบบโปร่งโล่งสบายอาจจะไม่ชอบเท่าไหร่ อีกอย่างคือเวลาที่ชิ้นดนตรีขึ้นมาเยอะๆมาก เสียงพวกกลองมักจะโดนกลืนเป็นบางช่วงครับ แต่ก็เล็กน้อยกว่าของ Denon C551 ที่ทางนั้นโดนกลืนหายไปแบบฟังไม่รู้เรื่องเลย เพราะของ Monster Turbine ยัง พอได้ยินบ้าง แต่ย่านอื่นไม่มีปัญหาครับ โดยเฉพาะไฮแฮเวลาเคาะรัวๆ แม้จะมีชิ้นดนตรีเยอะๆก็โดดขึ้นมาเด่นแบบไม่กลมกลืนไปกับเสียงใดๆง่ายครับ การแยกชิ้นดนตรีโดยรวมเลยจัดได้ว่าดีมากสำหรับหูฟัง In-ear แบบ Dynamic
ถ้าใครกำลังหาหูฟังที่ให้เสียงครบๆเครื่องและเด่นในเรื่องเบสโดยเฉพาะ สามารถฟังได้หลากแนว แถมราคาไม่โดดเว่อร์จนเกินกว่าจะซื้อมาเป็นเจ้าของได้ ตัว Monster Turbine ก็น่าจะเก็บไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเลยทีเดียว
15 ความคิดเห็น:
พอจะทราบราคาค่าตัว..หรือเปล่าครับ และ ในไทยมีหรือยัง ... น่าสนใจ ถ้าเที่ยบกับ CX500 และผมชอบเบสเยอะอยู่แล้ว ควรเลือกอันไหนดีครับ
ราคาขายตามร้านทั่วไปน่าจะอยู่ราวๆ 6,xxx ครับ ถูกสุดที่ผมเคยเจอคือ 5,xxx ตัวนี้ถ้าเทียบกับ CX500 ก็จะคนละแบบครับ เพราะเสียงกลางของ CX500 จะให้ image ที่ดูใหญ่กว่า
แต่โดยรวมทั้งเรื่องคุณภาพเบส การให้เสียงย่านต่างๆ ล้วนเหนือกว่า CX500 ครับ
ใช้กับ ipod touch 2g คุณภาพเสียงจะลดลงไหมครับ สนใจเหมือนกันครับ
ผมว่าใช้ได้นะครับ ทั้งนี้องค์ประกอบที่สำคัญคือคุณภาพของไฟล์ด้วยหล่ะครับ rip มาดีๆ ipod touch ก็ไม่เป็นลองหรอกครับ ^^ สวัสดีครับตั้ม ผมไมค์เอง
คุณภาพไม่ลดลงหรอกครับ แต่รูปแบบเสียงอาจจะเปลี่ยนไปตาม signature ของแต่ละเครื่อง
ใช้กับ iPOD touch ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ
อยากให้คุณ G7 ช่วยทำ Review Monster Dr. Dre Tour หรือ เปรียบเทียบกับ Monster Turbine ได้ยิ่งดีครับ ผมกำลังเล็งๆ 2 ตัวนี้อยู่แต่เลือกไม่ถูกสักที รบกวนด้วยนะครับ
ถ้าเลือกระหว่าง Dr Dre กับ Monster Turbine
เลือกเอา Monster Turbine ได้เลยครับ ไม่ต้องคิดมากใดๆ
เปลี่ยนจุกแล้วจะเสียงดีขึ้นไหมครับ
ถ้าดี แนะนำให้เปลี่ยนจุกเป็นอะไรดีครับ
ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนครับ จุกเดิมของมันดีอยู่แล้ว
ผมว่าคุณภาพเสียงจากจุกเดิม match สุดแล้วครับ
ผมเบิร์นมาร้อยกว่า ชม. ยังรูสึกว่าไปไม่ถึงไหนเลยครับ เบสมันดูบางแต่ก็ฟังว่ามากกว่าEx-90ตัวเก่าผมครับ แต่บางเพลงก็มาเป็นลูก แต่ลงได้ไม่ลึก กลางกลับฟังดูมีมากกว่า ส่วนเสียงสูงทำได้ดีครับ เป็นประกาย พี่มีคำแนะนำมั๊ยครับ อยากได้เบสมากกว่านี้ครับ ควรทำอย่างไร หรือเบิร์นต่อจนครบ200ชม. ดีครับ
เบสดูบางเหรอครับ..?? ฟังดูแปลกมากๆ
ใส่เข้าไปแน่นพอดีหรือเปล่าครับ จริงๆัตัวนี้ถ้าเบสบางนี่ แสดงว่าหูฟังคงจะมีปัญหานะครับ มันควรจะเบสเยอะตั้งแต่แกะกล่องด้วยซ้ำครับ
ถ้าอยากให้ผมเอาของตัวเองไปลองเทียบให้ก็ได้นะครับ จะได้รู้ว่ามีปัญหาหรือเปล่า
พี่ครับผมเบริ์นผ่าน Nano Gen 4 ครับ ปัจจุบันยังเบริืนอยู่เลยครับ ผมรู้สึกแบบนั้นนะ ผมทำงาน iBeat Central Bangna ครับ อยากลองเทียบดูเหมือนกันครับ ประสาทจะกินอยู่แล้วครับ รบกวนพี่ด้วยนะครับ Sacrificemytornz@Windowslive.com
ของผมเจอแบบว่า 2 อาทิตย์เบินไป 100 กว่า ชม แล้ว หูฟังมันบอดข้าง ซ้ายเลยครับ เจ้าตัวนี้ ส่งเคลม เห็นว่า 1 เดือนกว่าจะได้ของ ปล. หูฟังผมเป็นแบบ สมอทอร์ค ด้วยน่ะครับเจ้า turbine ตัวนี้ มีใครเป็นแบบผมมั่งครับ แต่เบสลงลึกแล้วน่ะครับ
ถ้าหูดับแสดงว่าล๊ํึอตหลังๆ QC แย่ลงครับ แต่หลังๆผมค่อนข้างได้เจอพวก Monster ที่ดับข้างใดข้างหนึ่งบ่อย แต่ไม่ก็ยังไม่เท่าพวก Dr.Dre ครับ ขานั้นนี่พังเป็นว่าเล่นเลย
ถ้าฟังแล้วเบสบาง แปลว่าคุณใส่หูฟังผิดวิธีนะครับ
แสดงความคิดเห็น