วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

[Review] SONY PHA-1 The Fist Portable DAC for IOS by Sony



 Sony PHA-1 : the first portable DAC for iOS by Sony



   

ยุคนี้ถือเป็นยุคของการผลัดเปลี่ยนอีกครั้ง หลังจากการมาของ CD ที่ทำให้ต้องปิดฉากยุคของเทป cassette จนมาถึงยุคของ MP3 ที่ทำให้วงการ CD แทบจะจบสิ้นกันไปเลยทีเดียว แม้จะมีการปรับรูปแบบของ CD มาเป็นทั้ง HDCD , SACD และ DVD-Audio แต่ก็ล้วนพากันตายเกือบทั้งหมด ดังนั้นทางฝั่ง Audiophile เองก็เลยเริ่มปรับกลยุทธมาสู่ Digital Content ที่ใช้รูปแบบ file ระดับ 24bit/96k ขึ้นไป ทั้งในรูปแบบ FLAC file และ WAV file เพื่อให้คุณภาพเหนือกว่าการฟังด้วยแผ่น CD ธรรมดา และพระเอกที่จะมารีดประสิทธิภาพของ file เพลงเหล่านี้ก็คือ “DAC” นั่นเอง

                จริงๆ
DAC เองก็มีมานานแสนนานแล้ว แต่ในอดีตไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่เพราะมันไม่มีความจำเป็นนั่นเองครับ การที่เราจะมานั่งซื้อ CD Transport พร้อมกับ DAC อีกตัว มันดูเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ส่วนใหญ่เลยมักจะจบที่ CD Player กันมากกว่า จนมาถึงยุคปัจจุบันที่เป็นยุคที่เรียกกันว่ายุคของ “Music Server” ที่เน้นความสะดวกสบายในการฟังเพลงและต้องการคุณภาพเสียงที่เทียบเท่ากันฟังผ่านชุด CD Player ระดับ Hi-End ตัว DAC จึงเริ่มได้รับความสนใจอีกครั้ง ซึ่ง DAC เองก็มีให้เลือกทั้งแบบ Portable และแบบตั้งโต๊ะ รวมไปถึง DAC ที่ใช้ติดตั้งกับ RACK ด้วย และที่ผมได้มารีวิวในคราวนี้ก็คือ DAC แบบ Portable นั่นเอง

               
DAC แบบ Portable จะมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและโดยส่วนใหญ่มักจะใช้ไฟเลี้ยงจากภายนอก ซึ่งก็มีทั้งแบบใช้หม้อแปลง และแบบที่ดึงไฟเลี้ยงจาก usb ตรงๆ แต่หลังๆเริ่มมี DAC แบบที่ใช้แบตเตอร์รี่ในตัว อย่างเช่น Fostex HP-P1 , iBasso D10 ,  CLAS และ Sony PHA-1 ที่หยิบมารีวิวงวดนี้นี่เอง

                ปรกติผมจะไม่ค่อยได้เห็น DAC จากทาง sony เท่าไหร่ โดยมากจะเห็นพวก Player หรือ หูฟังที่มักจะคุ้นตากันมากกว่า เลยค่อนข้างแปลกใจที่เห็น Sony ทำ DAC ออกมา แถมเป็น DAC/AMP ที่ทำมา support กับตระกูล iOS อีกด้วย จริงๆคู่แข่งหลักๆของ PHA-1 ก็น่าจะเป็น HP-P1 มากกว่า แต่ PHA-1 จะใช้งานได้หลากหลายกว่า HP-P1 ที่เน้น support เฉพาะ iOS อย่าง iPAD , iPhone และ iPOD แถมราคาถูกกว่า ตัว Sony PHA-1 เลยจะเหมาะกับนิสัยคนไทยที่เน้นเยอะๆครบๆไว้ก่อน คุณภาพว่ากันอีกที 

                ตัว Sony PHA-1 นี่ ทาง Sony Thailand ไม่ได้เป็นคนส่งมาให้นะครับ แต่ได้มาจากร้านเฮียเก้ง Zeazonmall ซึ่งผมบังเอิญไปเจอหลังจากอ่านข้อมูลมาซักพักแล้ว เฮียเก้งเลยส่งมาให้ลองดูเล่นๆครับ แต่เห็นเฮียเก้งบอกว่ามันผลิตใน Taiwan แล้วไหงที่ด้านล่างเครื่องเขียนว่า Made in china ละครับ หรือผมจะจำผิดเอง อีกซักพักรุ่นนี้ก็คงจะเข้ามาขายในบ้านเราเช่นกันโดย Sony Thailand เอง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่นะครับ ใครรีบก็ไปจัดที่ร้านเฮียเก้งได้เลย








รูปร่างภายนอก
               
                งานดีไซน์ของ sony ก็ยังคงความงามที่ไม่เหมือนใคร เป็นการออกแบบที่มีความเป็น Pro ผสมผสานกับความเป็น Consumer งานเลยออกมาดูหรูหราและมีเสน่ห์ตามแบบฉบับของ sony เอง แน่นอนว่าในแง่ดีไซน์แล้ว น่าจะเป็น Portable DAC ที่ดูดีที่สุด รองลงมาก็คงเป็น HP-P1 แต่งานออกแบบของ PHA-1 กลับสร้างความรำคาญให้ผมนิดๆ เพราะตรงส่วนที่เป็นก้านยื่นคู่หน้า ( แต่ผมชอบเรียกว่า เขาควาย” ) มันไปบังตรง Volume Control พอดิบพอดี แล้วมันทำให้จับปรับได้ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ อันนี้คือตัวอย่างการออกแบบที่ไม่ค่อย  เพราะไปเน้นความสวยงามมากกว่าความสะดวกในการใช้งาน ถ้าเทียบกับของคนอื่นๆที่เค้าเปิดโล่งหมุนสะดวกแล้ว ตัวนี้เลยกลายเป็นดูแย่และใช้งานลำบากกว่า

                และอีกจุดที่ PHA-1 ไม่เหมือนใคร คือ มีช่อง Selector เพื่อเลือก source ด้วยครับ สาเหตุที่ต้องมีเพราะ PHA-1 นั้น support ทั้ง Android ( บางรุ่น ) , iOS ( iPOD , iPhone , iPAD ) และยังใช้งานกับเครื่อง PC ได้อีกด้วย ดังนั้นจึงต้องมี switch เพื่อปรับเปลี่ยนตำแหน่งสำหรับการใช้งาน ซึ่งการปรับก็แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ 1 ปรับเพื่อใช้งานทางด้าน Aux in  และช่องที่ 2 จะปรับเพื่อให้ใช้งานทางช่อง USB ปรกติ ที่จะรองรับการทำงานของ iOS เป็นหลัก ส่วนช่องสุดท้ายจะปรับเพื่อใช้งานกับ Micro USB ที่จะรองรับการทำงานกับ Android และ PC แถมเป็นช่องที่ใช้ชาร์ตแบตอีกด้วย 

                ในกล่องของ PHA-1 จะแถมตัวยึดซิลิโคนที่ไว้ใช้ล๊อคเครื่องอย่าง iPhone , iPOD Touch หรือ iPOD classic ให้ติดกับตัว PHA-1 ด้วยครับ ปรกติเราจะเห็นกันแต่พวก wristband ที่บางคนก็เอามามัดติดกับแอมป์ หรือบางแบรนด์ก็แถมมาให้พร้อมปั๊มยี่ห้อตัวเองให้เสร็จ แต่ sony ไม่เล่นอะไรง่ายๆแบบนั้นครับ ก็เลยออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับเครื่องตัวเองโดยเฉพาะ ซึ่งผมก็ไม่เคยเห็นอะไหล่ส่วนนี้มีขายซะด้วย ถ้าหายไปก็คงต้องหวนกลับไปใช้ wristband ตามเดิม ส่วนคนที่ไม่ได้เอาเครื่องใส่เคสก็ไม่ต้องกลัวว่า PHA-1 จะไปขูดเครื่องนะครับ เพราะมันจะมียางรองกันขูดขีดไว้อยู่ที่ตัวเครื่องอยู่แล้ว จะไม่เหมือน HP-P1 ที่ออกแนวเปลือย ทางนั้นเลยแถมเคสมาให้แทน 

                ทีเด็ดของ sony PHA-1 จะอยู่ตรงสายที่แถมนี่แหละครับ เพราะสาย Dock to USB ของ sony ให้เสียงที่ดีกว่าของเจ้าอื่นที่แถมๆกันมา บางคนลงทุนซื้อ PHA-1 เพื่อจะเอาสายอันนี้นี่แหละครับ ( จริงๆแล้วถ้าลงทุนขนาดนี้ กำเงินไปซื้อ Dock to USB เทพๆจะดีกว่านะ ) น่าเสียดายที่ไม่มีสาย Micro USB-B to Micro USB-B มาให้ด้วย ไม่งั้นจะ Perfect กว่านี้ เพราะมันหาซื้อยากมากๆ มีที่แถมให้ก็เป็น Vamp Verza ของ V-moda นั่นแหละครับ








เรื่องของเสียง

                เสียงของ PHA-1 จะออกแนวกลางๆไม่ได้จัดจ้านหรือเข้มข้นด้านใดเป็นพิเศษ ซึ่งก็จะให้มิติเสียงกลางที่ดี และให้ soundstage ที่กว้างมาก background พื้นหลังค่อนข้างสงัด noise floor แทบจะไม่ค่อยเจอ หรือหูฟังผม sensitivity มันต่ำเกินไปก็ไม่รู้ ถ้าเอามาลองกับพวก Shure SE530 อาจจะได้ยิน noise พุ่งบ้างก็ได้ แต่เท่าที่ลองหูฟังใน stock หลายๆตัว ก็ยังไม่เจอ noise เลยนะครับ การแยกชิ้นดนตรีเองก็ทำได้ดีทีเดียว แต่เท่าไปเทียบกับ HP-P1 ก็คงต้องบอกตามตรงว่ายังสู้ไม่ได้ครับ

                เสียงกลางถ้าเทียบกับการต่อตรง ตัว sony จะ focus ได้ดีกว่าเยอะครับ เรียกว่ารูปร่าง image เสียงกลางออกมาเป็นตัวเป็นตนมากขึ้น และโทนเสียงจะถูกเกลาให้นุ่มนวลลง สังเกตได้ว่าทั้งเสียงนักร้องและเสียงกลองจะนุ่มลงไปทันตาเห็น การแยกชิ้นดนตรีทำได้ดีมากขึ้น และ soundstage ก็ถูกเพิ่มให้กว้างขึ้น ชิ้นดนตรีถูกจับถอยออกห่างไปด้านข้าง ถ้าเทียบกับ HP-P1 ที่เน้นเรื่องมิติ ตัวนี้ก็จะให้น้ำหนักในเรื่อง soundstage ที่ดีกว่าเล็กน้อยครับ

                เสียงสูงของ iPOD จะถูกเกลาให้ลดความจัดจ้านลง จริงๆผมเคยได้ยินมาว่าตัวนี้จะเหมาะกับพวก iPhone หรือ iPOD Touch Gen หลังๆมากๆ ซึ่งถ้าฟังจากภาพรวมของมันก็ผมก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยครับ เพราะปรกติตัว iPOD Touch หรือ iPhone ค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องเสียงสูงที่ค่อนข้างคมเป็นพิเศษ ถ้ามาผ่าน PHA-1 จะทำให้ความคมลดลงและให้ความรู้สึกเป็นดนตรีมากยิ่งขึ้น แต่ปลายเสียงแหลมผมว่าก็โดนเกลาลดลงไปพอสมควรเช่นกัน ก็เลยจะรู้สึกเหมือนว่าเสียงสูงจะ Roll off ไวไปนิด แต่การ focus image ยังชัดเจน และดีขึ้นกว่าเดิม เพราะการแยกชิ้นดนตรีที่ PHA-1 ช่วยเสริมให้เสียงชิ้นดนตรีย่านสูงแต่ละชิ้นมีตำแหน่งที่ลงตัวมากขึ้น และยิ่งปลายน้อยลงทำให้โอกาสที่ปลายเสียงสูงไปกวนย่านอื่นก็ลดลงไปเยอะ เวลาฟังเพลงก็ฟังได้ง่ายและสบายหูมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งปรกติแล้วถ้าเอา HP-P1 ไปจับกับตระกูล iPhone หรือ iPOD touch จะทำให้ฟังแล้วล้าหูได้ง่ายๆ 

                ส่วนเบสของ PHA-1 จะน้อยกว่าต่อตรงนิดหน่อยครับ คือตัวมันจะไปลดความแน่นของเบสลงทำให้เบสที่ได้นุ่มนวลขึ้น และมีตำแหน่งที่ดีขึ้น เพราะตัว image เบสจะถอยลงไปทางด้านหลังหัวเราอีกนิดหน่อย ตัว impact เบสจะถึงลดความสำคัญลงไปให้กระแทกไม่แรงมาก แต่จะไปเด่นที่ส่วนของ middle เบสที่เป็นตัวเป็นตนและแน่นนุ่มนวล ส่วนช่วงปลายเบสก็ยังคงมีไว้ไม่ทิ้งให้ห้วนหายไป ปลายเบสเองค่อนข้างลงได้ลึกและไม่ roll off ไว ยิ่งเมื่อเทียบกับ HP-P1 แล้ว ตัวนั้นจะ deep bass จะหายไปไวกว่า แม้หัวโน้ตจะเด่นกว่าก็ตาม ถ้าพูดถึงเฉพาะรูปร่างของเบส ผมว่า PHA-1 ดูจะได้เปรียบกว่าเล็กน้อยครับ

                ภาพรวมของ PHA-1 ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว จุดเด่นก็น่าจะเป็นการเกลาให้เสียงดูนุ่มนวลขึ้น แต่ไม่ถึงกับขุ่นเพราะเสียงย่านสูงก็ยังมีประกายที่ชัดเจน เบสที่ออกมาทำได้กำลังเหมาะ แม้ภาพรวมจะดูด้อยกว่า HP-P1 ที่ดูโดดเด่นทั้งเรื่อง Focus , เนื้อเสียงกลาง และการแยกชิ้นดนตรี ที่ทำได้เหนือกว่า PHA-1 ทั้งหมด แต่ PHA-1 ก็มีข้อดีตรงที่การเกลาความจัดจ้านให้น่าฟังขึ้นซึ่ง HP-P1 ทำไม่ได้ ตัว PHA-1 เลยจะเหมาะกับคนที่มี Player เสียงออกแนวคมๆมากกว่า โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยชอบแนวเสียงแบบ iPhone จะถูกใจรูปแบบเสียงที่ PHA-1 นำเสนอกว่าของทาง HP-P1 ครับ ข้อเสียอย่างนึงของ PHA-1 คือ มันกินกระแสของ iPod พอสมควร คือตัวมันเองไม่ชดเชยกระแสให้เหมือนของ HP-P1 ที่สามารถชาร์ต iPod หรือ iPhone ได้ด้วย ทำให้เวลาฟังกับ PHA-1 จะแบตหมดเร็วกว่าต่อกับ HP-P1 ซะอีก แต่โดยรวมผมถือว่า Sony ทำออกมาได้ดีมากทีเดียวครับ ใครจะหา DAC ไว้ใช้กับ iPhone ผมแนะนำให้มองตัวนี้ก่อนเพื่อนเลยครับ แต่ถ้าใช้กับ Classic แนะนำว่า ไปที่ HP-P1 จะเหมาะกว่าด้วยประการทั้งปวง



               

ไม่มีความคิดเห็น: