Sony PHA-1 : the first portable DAC for iOS by Sony
ยุคนี้ถือเป็นยุคของการผลัดเปลี่ยนอีกครั้ง
หลังจากการมาของ CD ที่ทำให้ต้องปิดฉากยุคของเทป cassette จนมาถึงยุคของ MP3 ที่ทำให้วงการ CD แทบจะจบสิ้นกันไปเลยทีเดียว
แม้จะมีการปรับรูปแบบของ CD มาเป็นทั้ง HDCD , SACD และ DVD-Audio แต่ก็ล้วนพากันตายเกือบทั้งหมด ดังนั้นทางฝั่ง Audiophile
เองก็เลยเริ่มปรับกลยุทธมาสู่ Digital Content ที่ใช้รูปแบบ
file ระดับ 24bit/96k ขึ้นไป
ทั้งในรูปแบบ FLAC file และ WAV file เพื่อให้คุณภาพเหนือกว่าการฟังด้วยแผ่น
CD ธรรมดา และพระเอกที่จะมารีดประสิทธิภาพของ file
เพลงเหล่านี้ก็คือ “DAC” นั่นเอง
จริงๆ DAC เองก็มีมานานแสนนานแล้ว แต่ในอดีตไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่เพราะมันไม่มีความจำเป็นนั่นเองครับ การที่เราจะมานั่งซื้อ CD Transport พร้อมกับ DAC อีกตัว มันดูเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ส่วนใหญ่เลยมักจะจบที่ CD Player กันมากกว่า จนมาถึงยุคปัจจุบันที่เป็นยุคที่เรียกกันว่ายุคของ “Music Server” ที่เน้นความสะดวกสบายในการฟังเพลงและต้องการคุณภาพเสียงที่เทียบเท่ากันฟังผ่านชุด CD Player ระดับ Hi-End ตัว DAC จึงเริ่มได้รับความสนใจอีกครั้ง ซึ่ง DAC เองก็มีให้เลือกทั้งแบบ Portable และแบบตั้งโต๊ะ รวมไปถึง DAC ที่ใช้ติดตั้งกับ RACK ด้วย และที่ผมได้มารีวิวในคราวนี้ก็คือ DAC แบบ Portable นั่นเอง
DAC แบบ Portable จะมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและโดยส่วนใหญ่มักจะใช้ไฟเลี้ยงจากภายนอก ซึ่งก็มีทั้งแบบใช้หม้อแปลง และแบบที่ดึงไฟเลี้ยงจาก usb ตรงๆ แต่หลังๆเริ่มมี DAC แบบที่ใช้แบตเตอร์รี่ในตัว อย่างเช่น Fostex HP-P1 , iBasso D10 , CLAS และ Sony PHA-1 ที่หยิบมารีวิวงวดนี้นี่เอง
ปรกติผมจะไม่ค่อยได้เห็น
DAC จากทาง sony เท่าไหร่
โดยมากจะเห็นพวก Player หรือ หูฟังที่มักจะคุ้นตากันมากกว่า
เลยค่อนข้างแปลกใจที่เห็น Sony ทำ DAC ออกมา
แถมเป็น DAC/AMP ที่ทำมา support
กับตระกูล iOS อีกด้วย จริงๆคู่แข่งหลักๆของ PHA-1 ก็น่าจะเป็น HP-P1 มากกว่า แต่ PHA-1 จะใช้งานได้หลากหลายกว่า
HP-P1 ที่เน้น support เฉพาะ
iOS อย่าง iPAD , iPhone และ iPOD
แถมราคาถูกกว่า ตัว Sony PHA-1 เลยจะเหมาะกับนิสัยคนไทยที่เน้นเยอะๆครบๆไว้ก่อน
คุณภาพว่ากันอีกที
รูปร่างภายนอก
งานดีไซน์ของ sony ก็ยังคงความงามที่ไม่เหมือนใคร
เป็นการออกแบบที่มีความเป็น Pro ผสมผสานกับความเป็น Consumer งานเลยออกมาดูหรูหราและมีเสน่ห์ตามแบบฉบับของ sony เอง
แน่นอนว่าในแง่ดีไซน์แล้ว น่าจะเป็น Portable DAC ที่ดูดีที่สุด
รองลงมาก็คงเป็น HP-P1 แต่งานออกแบบของ PHA-1 กลับสร้างความรำคาญให้ผมนิดๆ
เพราะตรงส่วนที่เป็นก้านยื่นคู่หน้า ( แต่ผมชอบเรียกว่า “เขาควาย” ) มันไปบังตรง Volume Control พอดิบพอดี
แล้วมันทำให้จับปรับได้ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่
อันนี้คือตัวอย่างการออกแบบที่ไม่ค่อย เพราะไปเน้นความสวยงามมากกว่าความสะดวกในการใช้งาน ถ้าเทียบกับของคนอื่นๆที่เค้าเปิดโล่งหมุนสะดวกแล้ว
ตัวนี้เลยกลายเป็นดูแย่และใช้งานลำบากกว่า
และอีกจุดที่
PHA-1 ไม่เหมือนใคร คือ มีช่อง Selector เพื่อเลือก source ด้วยครับ สาเหตุที่ต้องมีเพราะ PHA-1
นั้น support ทั้ง Android ( บางรุ่น
) , iOS ( iPOD , iPhone , iPAD ) และยังใช้งานกับเครื่อง PC ได้อีกด้วย ดังนั้นจึงต้องมี switch เพื่อปรับเปลี่ยนตำแหน่งสำหรับการใช้งาน
ซึ่งการปรับก็แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ 1 ปรับเพื่อใช้งานทางด้าน
Aux in และช่องที่
2 จะปรับเพื่อให้ใช้งานทางช่อง USB ปรกติ ที่จะรองรับการทำงานของ iOS เป็นหลัก
ส่วนช่องสุดท้ายจะปรับเพื่อใช้งานกับ Micro USB ที่จะรองรับการทำงานกับ
Android และ PC แถมเป็นช่องที่ใช้ชาร์ตแบตอีกด้วย
ในกล่องของ PHA-1 จะแถมตัวยึดซิลิโคนที่ไว้ใช้ล๊อคเครื่องอย่าง
iPhone , iPOD Touch หรือ iPOD classic ให้ติดกับตัว
PHA-1 ด้วยครับ ปรกติเราจะเห็นกันแต่พวก wristband
ที่บางคนก็เอามามัดติดกับแอมป์
หรือบางแบรนด์ก็แถมมาให้พร้อมปั๊มยี่ห้อตัวเองให้เสร็จ แต่ sony ไม่เล่นอะไรง่ายๆแบบนั้นครับ ก็เลยออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับเครื่องตัวเองโดยเฉพาะ
ซึ่งผมก็ไม่เคยเห็นอะไหล่ส่วนนี้มีขายซะด้วย ถ้าหายไปก็คงต้องหวนกลับไปใช้ wristband
ตามเดิม ส่วนคนที่ไม่ได้เอาเครื่องใส่เคสก็ไม่ต้องกลัวว่า
PHA-1 จะไปขูดเครื่องนะครับ
เพราะมันจะมียางรองกันขูดขีดไว้อยู่ที่ตัวเครื่องอยู่แล้ว จะไม่เหมือน HP-P1
ที่ออกแนวเปลือย ทางนั้นเลยแถมเคสมาให้แทน
ทีเด็ดของ
sony PHA-1 จะอยู่ตรงสายที่แถมนี่แหละครับ เพราะสาย Dock
to USB ของ sony ให้เสียงที่ดีกว่าของเจ้าอื่นที่แถมๆกันมา
บางคนลงทุนซื้อ PHA-1 เพื่อจะเอาสายอันนี้นี่แหละครับ ( จริงๆแล้วถ้าลงทุนขนาดนี้ กำเงินไปซื้อ Dock to USB เทพๆจะดีกว่านะ ) น่าเสียดายที่ไม่มีสาย Micro USB-B
to Micro USB-B มาให้ด้วย ไม่งั้นจะ Perfect กว่านี้ เพราะมันหาซื้อยากมากๆ มีที่แถมให้ก็เป็น Vamp Verza ของ V-moda นั่นแหละครับ
เรื่องของเสียง
เสียงของ
PHA-1 จะออกแนวกลางๆไม่ได้จัดจ้านหรือเข้มข้นด้านใดเป็นพิเศษ
ซึ่งก็จะให้มิติเสียงกลางที่ดี และให้ soundstage ที่กว้างมาก
background พื้นหลังค่อนข้างสงัด noise floor แทบจะไม่ค่อยเจอ หรือหูฟังผม sensitivity มันต่ำเกินไปก็ไม่รู้
ถ้าเอามาลองกับพวก Shure SE530 อาจจะได้ยิน noise พุ่งบ้างก็ได้
แต่เท่าที่ลองหูฟังใน stock หลายๆตัว ก็ยังไม่เจอ noise เลยนะครับ การแยกชิ้นดนตรีเองก็ทำได้ดีทีเดียว แต่เท่าไปเทียบกับ HP-P1
ก็คงต้องบอกตามตรงว่ายังสู้ไม่ได้ครับ
เสียงกลางถ้าเทียบกับการต่อตรง
ตัว sony จะ focus ได้ดีกว่าเยอะครับ
เรียกว่ารูปร่าง image เสียงกลางออกมาเป็นตัวเป็นตนมากขึ้น
และโทนเสียงจะถูกเกลาให้นุ่มนวลลง
สังเกตได้ว่าทั้งเสียงนักร้องและเสียงกลองจะนุ่มลงไปทันตาเห็น
การแยกชิ้นดนตรีทำได้ดีมากขึ้น และ soundstage ก็ถูกเพิ่มให้กว้างขึ้น
ชิ้นดนตรีถูกจับถอยออกห่างไปด้านข้าง ถ้าเทียบกับ HP-P1 ที่เน้นเรื่องมิติ
ตัวนี้ก็จะให้น้ำหนักในเรื่อง soundstage ที่ดีกว่าเล็กน้อยครับ
เสียงสูงของ
iPOD จะถูกเกลาให้ลดความจัดจ้านลง
จริงๆผมเคยได้ยินมาว่าตัวนี้จะเหมาะกับพวก iPhone หรือ iPOD
Touch Gen หลังๆมากๆ
ซึ่งถ้าฟังจากภาพรวมของมันก็ผมก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยครับ เพราะปรกติตัว iPOD
Touch หรือ iPhone ค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องเสียงสูงที่ค่อนข้างคมเป็นพิเศษ
ถ้ามาผ่าน PHA-1 จะทำให้ความคมลดลงและให้ความรู้สึกเป็นดนตรีมากยิ่งขึ้น
แต่ปลายเสียงแหลมผมว่าก็โดนเกลาลดลงไปพอสมควรเช่นกัน
ก็เลยจะรู้สึกเหมือนว่าเสียงสูงจะ Roll off ไวไปนิด
แต่การ focus image ยังชัดเจน และดีขึ้นกว่าเดิม
เพราะการแยกชิ้นดนตรีที่ PHA-1 ช่วยเสริมให้เสียงชิ้นดนตรีย่านสูงแต่ละชิ้นมีตำแหน่งที่ลงตัวมากขึ้น
และยิ่งปลายน้อยลงทำให้โอกาสที่ปลายเสียงสูงไปกวนย่านอื่นก็ลดลงไปเยอะ
เวลาฟังเพลงก็ฟังได้ง่ายและสบายหูมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งปรกติแล้วถ้าเอา HP-P1
ไปจับกับตระกูล iPhone หรือ iPOD touch จะทำให้ฟังแล้วล้าหูได้ง่ายๆ
ส่วนเบสของ
PHA-1 จะน้อยกว่าต่อตรงนิดหน่อยครับ
คือตัวมันจะไปลดความแน่นของเบสลงทำให้เบสที่ได้นุ่มนวลขึ้น และมีตำแหน่งที่ดีขึ้น
เพราะตัว image เบสจะถอยลงไปทางด้านหลังหัวเราอีกนิดหน่อย ตัว impact
เบสจะถึงลดความสำคัญลงไปให้กระแทกไม่แรงมาก แต่จะไปเด่นที่ส่วนของ middle
เบสที่เป็นตัวเป็นตนและแน่นนุ่มนวล
ส่วนช่วงปลายเบสก็ยังคงมีไว้ไม่ทิ้งให้ห้วนหายไป ปลายเบสเองค่อนข้างลงได้ลึกและไม่
roll off ไว ยิ่งเมื่อเทียบกับ HP-P1 แล้ว
ตัวนั้นจะ deep bass จะหายไปไวกว่า แม้หัวโน้ตจะเด่นกว่าก็ตาม
ถ้าพูดถึงเฉพาะรูปร่างของเบส ผมว่า PHA-1 ดูจะได้เปรียบกว่าเล็กน้อยครับ
ภาพรวมของ
PHA-1 ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว
จุดเด่นก็น่าจะเป็นการเกลาให้เสียงดูนุ่มนวลขึ้น แต่ไม่ถึงกับขุ่นเพราะเสียงย่านสูงก็ยังมีประกายที่ชัดเจน
เบสที่ออกมาทำได้กำลังเหมาะ แม้ภาพรวมจะดูด้อยกว่า HP-P1 ที่ดูโดดเด่นทั้งเรื่อง
Focus , เนื้อเสียงกลาง และการแยกชิ้นดนตรี
ที่ทำได้เหนือกว่า PHA-1 ทั้งหมด แต่ PHA-1 ก็มีข้อดีตรงที่การเกลาความจัดจ้านให้น่าฟังขึ้นซึ่ง
HP-P1 ทำไม่ได้ ตัว PHA-1 เลยจะเหมาะกับคนที่มี
Player เสียงออกแนวคมๆมากกว่า
โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยชอบแนวเสียงแบบ iPhone จะถูกใจรูปแบบเสียงที่
PHA-1 นำเสนอกว่าของทาง HP-P1 ครับ
ข้อเสียอย่างนึงของ PHA-1 คือ มันกินกระแสของ iPod พอสมควร คือตัวมันเองไม่ชดเชยกระแสให้เหมือนของ HP-P1 ที่สามารถชาร์ต iPod หรือ iPhone ได้ด้วย
ทำให้เวลาฟังกับ PHA-1 จะแบตหมดเร็วกว่าต่อกับ HP-P1 ซะอีก แต่โดยรวมผมถือว่า Sony ทำออกมาได้ดีมากทีเดียวครับ
ใครจะหา DAC ไว้ใช้กับ iPhone ผมแนะนำให้มองตัวนี้ก่อนเพื่อนเลยครับ
แต่ถ้าใช้กับ Classic แนะนำว่า ไปที่ HP-P1 จะเหมาะกว่าด้วยประการทั้งปวง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น