Monster Inspiration In-Ear
กลับมาอีกครั้งกับรีวิวของหูฟังแบบ “แฟชั่นสไตล์” จากทาง Monster แม้จะต้องเสียอู่ข้าวอู่น้ำอย่าง “Dr. Dre” ไป แต่ Monster ก็ยังคงยืนหยัดที่จะลุยตลาดหูฟังแบบแฟชั่น ซึ่งก็เป็นตลาดที่ตัวเองเป็นผู้ริเริ่มจะกลายเป็นผู้นำตลาดมาตั้งแต่ต้นแล้ว แม้ว่าความสำเร็จในระยะหลังจะสู้สมัยที่มี Dr. Dre ในครอบครองไม่ได้ แต่โดยส่วนตัวผมว่า Monster ก็มาถูกทางแล้วครับที่ยังลุยในตลาดที่ตัวเองถนัดแบบนี้
ว่ากันตามตรง หูฟังที่แปะคำว่า “Monster” ไว้ ยังไงก็ยังต้องรักษาสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งนั่นก็คือ
“คุณภาพเสียง” ที่ monster ได้รับชื่อเสียงด้านนี้มานาน หลายๆครั้งที่เห็นค่ายนี้ออกรุ่นใหม่ๆมา ก็อดจะคาดหวังเรื่องเสียงไม่ได้ ถึงแม้โดยส่วนใหญ่พวกหูฟังแบบแฟชั่นมักจะให้เสียงไม่ได้เรื่องก็ตาม
จริงๆ Monster Inspiration เอง ก็มีรุ่นพี่ที่เป็นตัว Headphone ออกมาก่อนหน้าแล้ว ตัว in-ear ที่มารีวิวในวันนี้ เพิ่งจะคลอดตามกันมาในภายหลัง ผมเองก็ยังไม่ได้มีโอกาสลองฟังตัว full-size เหมือนกัน ไม่รู้ว่า signature มันจะคล้ายๆกันหรือเปล่า แต่ตัวนี้เองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันครับ
รูปลักษณ์ภายนอก
รุ่นนี้จะมีสองสีให้เลือกนะครับ คือ ขาวกับดำ ซึ่งผมจะชอบตัวสีขาวมากกว่าเพราะจะดูสวยกว่า แต่บางคนเค้าก็ชอบตัวดำมากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่รสนิยมครับ ของใครของมัน สำหรับตัว Packaging ของ Monster หลังๆมาทิศทางงานดีไซน์ที่คล้ายๆกัน และเป็นเอกลัษณ์ที่ดีไม่เหมือนใครครับ เมื่อเปิดมาด้านในจะเจอตัวหูฟังและกระเป๋าใส่หูฟัง พร้อมคู่มือเล่มจิ๋ว ตัวกระเป๋าใส่หูฟังเป็นถุงหนังแบบที่บีบด้านบนเพื่อให้มันเปิดออก ข้างในกระเป๋ามีจุกสารพัดไซส์ตามสไตล์ของ Monster รวมไปถึงจุก SuperTip ที่มาเพียบหลายขนาดให้เลือก ถือเป็นหูฟังที่ให้จุกเยอะที่สุดเท่าที่ผมเห็นมา
ตัวหูฟังจะมีก้านคล้องหลังหูติดมาด้วยนะครับ เหมือนบังคับว่าต้องคล้องหลังหูด้วยเพราะถอดไม่ได้ แต่ผมเห็นบางคนก็ชอบนะ เวลาใส่ก็ไม่ได้รำคาญอะไร ใส่แล้วก็สบายและกระชับดีด้วย ตัวก้านเคลือบด้วยยางแบบหนืดน่าจะกันเหงื่อได้ดีระดับนึง ส่วนสายก็ใช้สายแบบแบนพร้อมด้วยชุด Volume Control และมีไมค์ในตัว เหมาะกับคนใช้งานกับมือถือจะได้พร้อมคุยในทันที หูฟังจริงๆใส่สบายนะครับ ไม่อึดอัด แต่เลือกจุกนิดนึง เพราะจุกต้นที่ติดมากับตัวหูฟังจะค่อนข้างเล็กทำให้ใส่แล้วมันไม่ seal สนิทกับรูหู แต่ถ้าเป็นคนที่รูหูเล็กก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร จริงๆการใส่ไม่สนิทมันก็เป็นข้อดีอีกแบบของหูฟังตัวนี้ ซึ่งจะไปว่ากันอีกทีในเรื่องของเสียงครับ
เรื่องของเสียง
นานมาแล้วที่ไม่ค่อยได้เจอหูฟังที่ให้มิติแบบดึงเอาตำแหน่งของส่วน vocal ขึ้นไปไว้ช่วงของ Headstage เพราะช่วงหลังๆมา ผมมักจะเจอหูฟังที่เอา vocal ไปวางด้านหลังหัวเป็นส่วนใหญ่ แต่ตัว Monster Inspiration ดึงอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่ได้เจอมานานให้หวนกลับมาอีกครั้ง ก็เหมือนได้กับมาเจอเพื่อนเก่านั่นแหละครับ ถ้าจะพูดกันตามตรง ผมว่าวิธีการให้ soundstage และ การวางมิติ จะค่อนข้างคล้าย Super.fi 5 pro มากๆ แต่ 5.pro ก็จะทำได้เหนือกว่านิดหน่อย เพราะช่วงการวาง driver ของ super.fi 5 pro จะวางได้ลึกกว่า ทำให้ soundstage กับมิติออกมาได้ดีกว่า ถ้าใครอยากได้อารมณ์รำลึกถึง super.fi 5 pro ตัวนี้ก็ให้ได้เลยครับ
Soundstage ด้านข้างผมว่าทำได้ดีและกว้างมากครับ ในส่วนที่ไปด้านหลังก็จะขึ้นอยู่กับเพลง แต่โดยมากก็จะทำได้ลึกและดีอยู่แล้ว ยิ่งเพลงที่อัดมาดีๆจะยิ่งทำให้รู้สึกถึงตำแหน่งชิ้นดนตรีที่ถอยออกไปไกลๆด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่เสียง vocal ยังไม่ถึงกับหลุดหัวออกไป ไม่งั้นจะดีกว่านี้อีกครับ
การใส่หูฟังตัวนี้จะแปลกอย่างนึง ถ้าใช้กับจุกเล็กแล้วเราใส่ไม่พอดี เหมือนที่ผมใส่ครั้งแรกแล้วมันไม่พอดี มันจะไม่แน่น แต่ความไม่แน่นกับก่อให้เกิดรูปแบบของการฟังเพลงอีกแบบ คือ มันจะให้อารมณ์เหมือนฟังกับ earbud โดยไม่ได้เสีย dynamic มากมายนัก และไม่แห้งด้วยครับ มิติและโทนเสียงจะกระเดียดไปทาง Sennheiser Mx980 ด้วยซ้ำครับ แต่อย่าไปคาดหวังเสียงแหลมว่าจะได้เทพขนาดนั้น เพราะ driver มันก็คนละแบบอยู่แล้ว จะเหมาะกับคนอยากเปลี่ยนอารมณ์การฟังเพลงมากกว่า เพราะถ้าเบื่อ in-ear เราก็สามารถเปลี่ยนเป็นจุกเล็กและไม่ต้องยัดแน่นมาก เราก็จะได้อารมณ์การฟังเพลงแบบ earbud ที่โปร่ง กว้าง เสียงกลางไม่หนามาก เบสลดลง แต่มิติดีขึ้น และ soundstage ดีขึ้น
แต่ถ้าใส่จุกที่ match พอดีกับหูเรา ก็ต้องกดอีกนิดนึงเพื่อให้มันสนิทจริงๆ เพราะผมลองถอดแล้วเสียบหลายหน พบว่า ถ้าเราใส่ไม่ดี คือ เหมือนมันแน่น แต่จริงๆมุมท่อเสียงมันเบี่ยง หรือบีบบี้ มันจะทำให้ focus แย่ลงครับ ต้องใส่และปรับดีๆหน่อย อาการนี้บางคนก็ไม่เป็นนะครับ แต่ผมจะเป็นบ่อยกับพวกจุก monster ถ้าใส่พอดิบพอดีลงตัว มันจะมี ambient โอบล้อมรอบเรา ให้ความรู้สึกทะมึนนิดหน่อย แต่การ focus จะดีมากๆ ยิ่งเวลาเพลงขึ้นเราจะรู้สึกได้ทันที
การแยกชิ้นดนตรีจัดอยู่ในขั้นปานกลางนะครับ คือ ถ้าเพลงมาน้อยชิ้นนี่สบาย แยกออกได้ดี แทบไม่ตีกัน เพราะชิ้นดนตรีจะถูกผลักถอยห่างออกไกลกัน แต่ไม่ถึงกับระดับซ้อนเป็น layer เป็นชั้นๆได้ แต่ถ้าเจอเพลงมารัวๆโหดๆหน่อย ก็ปนเปกันมั่วเหมือนกัน เรียกว่า ถ้ามาช้าสู้ไหว มาไวถอยก่อน ละครับ
ย่านเสียงสูงให้เสียงได้ชัดเจนดีมาก แต่ปลายเสียงยังไปได้ไม่สุดเท่าไหร่ เสียงชัดดีมากและเนื้อเสียงสูงก็ทำได้ดีทีเดียวและไม่คมบาดหูด้วย เสียง impact ของสายกีต้าร์ทำได้ดีมาก ดีแบบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหูฟังของ Monster เพราะปรกติตกม้าตายตรงนี้ทุกที แต่ถ้าเทียบกับพวก mx90vc ก็ยังไปได้ไม่ถึงขั้นนั้นครับ ยกเว้นว่าถ้าเทียบในหมู่ in-ear ด้วยกัน ตัวนี้ถือว่าทำได้ไม่ธรรมดาครับ เพราะถ่ายทอดรายละเอียดการลงน้ำหนักของกีต้าร์ได้ด้วย แม้จะไม่ perfect แต่ก็รู้สึกถึงน้ำหนักสายแต่ละเส้นได้ดี จังหวะกรีด จังหวะเกา เราจะสัมผัสได้ทั้งหมด
เสียงกลางจะไม่ได้ใหญ่มาก จะเป็นเสียงกลางที่ไม่ออกหวาน หรือออกคม จะออกกลางๆเจือความ flat นิดๆ เป็นกลางที่ชัดแต่ไม่หนาและโฟกัสดีมากๆโดยเฉพาะ vocal จริงๆตัวนี้จะเหมือนกับไปเอาพวกแนวเสียงทื่อๆของ shure ที่ฟังเพลงลำบากอย่าง E3C , E5C มาแก้ให้ฟังง่ายขึ้น แต่มันก็จะฟังแล้วไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่
โดยเฉพาะเสียงกลาง การไล่เสียง ตำแหน่ง และการให้รายละเอียดในกลองแต่ละลูกทำได้ดีหมด แต่เหมือนมีผ้าบางๆมากั้น ทำให้มันออกมาไม่สด แม้จะมีเนื้อที่ดีและ dynamic ดีก็ตาม เรียกว่า image เป็น 3 มิติที่ดีเลยทีเดียว การถ่ายทอดรายละเอียด น้ำหนัก และจังหวะเวลาไล่ตีตาม step ไปบนกลองแต่ละลูก ก็ให้น้ำหนักได้ดีมาก รู้สึกได้ถึงรายละเอียดทอมแต่ละลูก กระทั่งเคาะไฮแฮท และตีแฉ ก็ไม่มีมาปนกันเลย แต่เวลาเหยียบไฮแฮทจะออกขุ่นนิดๆ ถ้าเคาะจะไม่ค่อยเป็น แต่กระเดื่องแน่น และให้ความรู้สึกของกลองที่หนังดูหนากว่าปรกติเล็กน้อย
เสียงย่านต่ำ จะให้ impact ดีมาก แต่หัวโน้ตเบสจะติดขุ่นๆนิดหน่อย ส่วน middle เบสเหมือนจะโหมมาหนา แต่ช่วงเนื้อจะบางไปหน่อย ไปหนักที่มวลเบสมากกว่าที่จะออกหนา ในขณะที่ deep เบสทำออกมาได้ดี ลงได้ลึกและไม่เบลอ แต่ก็ไม่ได้ค้างนานจนน่าอึดอัด เบสจริงๆค่อนข้างเยอะนะครับสำหรับตัวนี้ แต่ไม่เว่อร์เท่า monster turbine ครับ ถ้าถามจริงๆผมว่าภาพรวมเบสออกมาดีนะ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร น่าจะถูกใจคนชอบเบสแต่ไม่ชอบแบบที่เยอะๆจนล้น เพราะเบสตัวนี้ไม่ออกมาก่อกวนย่านไหนเลยครับ
จริงๆสำหรับผม ถือเป็นหูฟังที่ค่อนข้างทำให้ประหลาดใจ เพราะปรกติพวก in-ear แบบแฟชั่น มักจะไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ แต่ตัวนี้ถ้าเอามาฟังพวก Audiophile นี้ต้องถือว่ทำได้ดีเลยครับ แม้จะไม่ถึงกับระดับเทพ แต่ถ้ามองมันในแง่หูฟังแฟชั่นตัวนี้ ตัวนี้นี่ถือว่าโดดเด่นกว่าเพื่อนเลยทีเดียว เพราะให้ soundstage กว้าง มิติดี เบสมาเต็มๆ แถมมีไมค์และ volume control ให้พร้อม สายเป็นแบบสายแบนอีกตะหาก เหมาะกับคนอยากใช้หูฟังแฟชั่นและเสียงดีมาใช้ซักตัว ส่วนเรื่องความทนทานก็ต้องว่ากันยาวๆ
2 ความคิดเห็น:
ขอสอบถามคุณ G7 ครับ
ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่าง Inspiration in-ear กับ Turbine
คุณ G7 จะเลือกตัวไหนเพราะอะไรครับ
ถ้าให้ผมเลือก
ผมเลือก Turbine ครับ
เหตุผลเพราะ เบสมันส์กว่าและเสียงสูงเป็นธรรมชาติกว่า
แสดงความคิดเห็น